สวัสดีค่ะอาจารย์ มีเพื่อน ๆ ที่ได้เข้าร่วมกิจกรรม ลปรร.เรื่อง "เทคนิคการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการทำงาน" ที่วัดนากุน เมื่อวันที่ 7-8 มิถุนายน ที่ผ่านมา กลับมาเล่าให้ฟังเหมือนกันค่ะ คนที่กลับมาเล่าบอกว่าชอบกิจกรรมที่ OD จัดในครั้งนี้มาก เพราะเป็นการแลกเปลี่ยนกันภายใต้โจทย์ หรือ บรรยากาศของชาววลัยลักษณ์ด้วยกันเอง การ ลปรร.จึงค่อนข้างจะได้แนวทางชัดเจนเข้าใจปัญหาและคิดหาวิธีแก้ไข วิธีการทำงานด้วยกันค่ะ การพูดคุยแลกเปลี่ยนกันแบบสบาย ๆ แต่ได้สาระ เพราะวิทยากรก็เป็นพี่ ๆ ของพวกเราที่มากด้วยประสบการณ์และมีความปรารถนาดีต่อองค์กร จึงถ่ายทอดเทคนิคกันแบบไม่มี “กั๊ก” กันเลยค่ะ เปี๊ยกขอชื่นชมและยกนิ้วให้เพื่อน ๆ ในหน่วย “OD” นะค่ะ ที่ตั้งหัวข้อประเด็นการ ลปรร. ได้ดีมาก และ รู้จักเลือกสถานที่ที่สงบ ร่มรื่น ให้ผู้เข้าร่วม กิจกรรมได้มีโอกาสได้ผ่อนคลาย ได้งาน และได้ร่วมทำบุญกันด้วยค่ะ เปี๊ยกคิดว่าเพื่อน ๆ ชาววลัยลักษณ์ที่เข้าร่วม ลปรร. ครั้งนี้ “ ได้กำไรชีวิต ” กันทุกคน ประการแรกที่ได้คือ “ได้เทคนิคต่าง ๆ มาพัฒนากระบวนการทำงานของตน “ จากการได้ร่วม ลปรร.กับทีมงานที่มากด้วยประสบการณ์การทำงาน วิธีคิด วิธีการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำงานซึ่งถือว่าผู้ที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมได้มาเต็ม ๆ เพราะทั้งผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนรวมทั้งทีมวิทยากรก็เป็นคนวลัยลักษณ์ ที่เข้าใจสภาพแวดล้อมในการทำงานของเราเอง มองเห็นปัญหาที่ต้องปรับปรุงแก้ไขกันดี มองเห็นว่าเราจะไปทิศทางไหนถึงจะบรรลุเป้าหมาย เพราะฉะนั้นการที่เราได้มีโอกาสไปร่วม ลปรร.ในประเด็นนี้กันถือว่าเป็นการพัฒนาคนที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้เกิดขึ้นในองค์กรของเราได้ค่ะ ประการที่สองคือ ”ได้มิตร” เพิ่มขึ้นแม้ว่าเราจะอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันแต่การได้ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติด้วยกันมีน้อยมาก ถือเป็นโอกาสดีที่ได้รู้จักกันมากขึ้น สนิทใจกันมากขึ้น เชื่อใจกันแล้วกล้าที่จะเปิดใจรับฟังความเห็นของคนอื่น และกล้าแสดงความคิดเห็นของตนเอง สร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง ส่งผลให้การประสานงานต่าง ๆ ดีขึ้น เพราะ “มิตร”ย่อมให้ความร่วมมือ เมื่อ”มิตร” ทำสิ่งที่ดี ใช่มั๊ยค่ะ ประการต่อมาคือ “ ได้ร่วมบุญ ” เพราะโอกาสที่จะตั้งใจเดินเข้าวัดไปทำบุญของคนทำงานมีน้อยมาก ในวันนั้นก็ถือว่า ได้ร่วมงาน และร่วมบุญ กันถ้วนหน้า เพราะกลับมา มวล.กันอย่างเบิกบานใจ น่าตาสดชื่นเชียวค่ะ ก็ดีใจกับทุกคนที่ได้ไปร่วมกิจกรรมนี้นะค่ะ ส่วนตัวก้อเสียดายโอกาสที่ไปร่วมไม่ได้เพราะติดภาระกิจ แต่คิดว่าคงจะได้อ่านที่พวกเรามาเขียนเล่ากันในเร็ว ๆ นี้แน่นอนค่ะ
วันนี้มีสิ่งที่อยากจะบอกผ่านทางนี้อีกอย่างหนึ่งคือ ขอบคุณอาจารย์สมนึก (คุณเอื้อของชาว มวล.) ที่ให้ กำลังใจมาตลอด ให้โอกาสได้ทำงานเพื่อมวล. และให้การสนับสนุนในทุก ๆ ด้านเพื่อให้ระบบ eOffice ออกมาดีที่สุดสำหรับชาว มวล. และที่สำคัญช่วยผลักดันให้ผลสำเร็จจากการทำงานของพวกเราทุกคนนำพา “วลัยลักษณ์สู่สากล” ตามเป้าหมายที่มุ่งมั่นกันไว้ว่าจะไปให้ถึงร่วมกัน ถึงวันนี้แม้นว่า ระบบ eOffice ของวลัยลักษณ์เพิ่งเริ่มก้าวแรก แต่อยากจะขอบอกในฐานะคนที่ทำตรงนี้ว่า “ถ้าไม่มีอาจารย์ ไม่มี KM ไม่มีเพื่อนร่วมงานที่ดีอย่างศูนย์คอมพิวเตอร์ และไม่มีความร่วมมือจากเพื่อน ๆ ในชุมชนคนทำ eOffice และทีมงานพี่ น้อง ๆ ในส่วนสารบรรณฯ ” โอกาสที่จะย่างก้าวแรกให้ได้อย่างวันนี้ก็ยากมาก ๆ ค่ะอาจารย์ เพราะหากเราใช้วีธีการเดิม ๆ ที่หลายหน่วยงานทำอยู่(เราเองเคยทำมาแล้วเหมือนกัน) คือ คิดระบบขึ้นมาแล้วสั่งคนในองค์กรให้ทำตามฝ่ายเดียว (ความสัมพันธ์แนวดิ่ง : ระบบสั่งการ) ไม่มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้ปฏิบัติงาน ทำตามกันไปแบบเดิม ๆ ไม่ได้พัฒนาปรับปรุงแนวปฏิบัติกันเลย จะเปลี่ยนสักครั้งก็เปลี่ยนจากส่วนกลางออกไป การพัฒนาคน พัฒนางานก็จะไม่มีบรรยากาศในการทำงานก้อไม่ดี คนทำงานไม่มีความสุข ไม่ได้รับการยอมรับและความร่วมมือ แต่เมื่อพวกเราได้ไปเรียนรู้กระบวนการ KM เรียนรู้ความสำคัญของความสัมพันธ์ฉันมิตรของคนทำงาน ที่ทำงานภายใต้ระบบเดียวกับเรา (ความสัมพันธ์แนบราบ : มิตรภาพ เพื่อนช่วยเพื่อน) เรียนรู้คุณค่าความสามารถของเพื่อนร่วมงานในแต่ละด้าน และได้เรียนรู้ว่าการที่เราจะแก้ไขปัญหาการทำงานงาน หรือการพัฒนาระบบงานเราควรจะรวมตัวกันเพื่อ ลปรร.กันในเรื่องที่เราสนใจร่วมกัน (COPs) และเมื่อรวมตัวกันแล้วต้องตั้งเป้าหมายของกลุ่มร่วมกัน และร่วมกันขับเคลื่อนด้วยกระบวนการทำงานต่าง ๆ เพื่อให้เป้าหมายของเราสำเร็จ " ทำให้ eOffice ย่างก้าวแรกในมวล.ได้เท่าวันนี้ และคงไม่ยากเกินไปที่จะสร้างระบบeOfficeให้ Smart ที่ชาว มวล.จะได้ร่วมภูมิใจ " ในมุมมองของเปี๊ยกที่เป็นผู้ประสานงานของ ชุมชนคนทำ eOffice มองว่าบรรยากาศในการทำงานแบบนี้ดีมาก ๆ ทุกคนช่วยกันคิดช่วยกันแก้ไข เปี๊ยกเป็นเพียงคนประสานงานในฐานะที่ดูแลผังแม่บทระบบ eOffice เท่านั้นเองค่ะอาจารย์ เปี๊ยกได้พบความมหัศจรรย์ในตัวเพื่อนของเราในชุมชนคนทำ eOffice มากมาย ทุกคนที่ได้พูดคุย เปิดใจ มีความสามารถ มีความคิดดี มีความมุ่งมั่น และอดทนในการแก้ไขปัญหาและตั้งใจที่จะขยายงาน eOffice ต่อไปยังบุคคลอื่น ๆ ภายในหน่วยงานที่ตนดูแลอยู่ จึงขอให้กำลังใจเพื่อน ๆ ชุมชนคนทำ eOffice ทุกคนด้วยนะค่ะ ตอนนี้ชาวชุมชนคนทำ eOffice ในหน่วยงานต่าง ๆ หลายหน่วยงานแล้วนะค่ะอาจารย์ ที่ จัดประชุมปรับรูปแบบวิธีการทำงานกันใหม่ เพื่อลดกระดาษและเพิ่มประสิทธิภาพงาน เรียกว่า “จัดสำนักงานใหม่กันเลยทีเดียว เป็น สำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ “ โดยความดูแลของเพื่อน ชุมชนคนทำ eoffice ร่วมกับผู้บริหารของหน่วยงานนั้น และเขาจะประสานมาทางผู้ประสานงานชุมชน (สบอ.และศค.) อยู่ตลอดเวลาบอกมาทั้งแนวปฏิบัติที่ดี และปัญหาที่เกิดขึ้นและต้องการให้ช่วยปรับปรุงแก้ไขค่ะ และที่น่ารักมากก้อคือ เพื่อน ๆ ต่างหน่วยงาน ที่นั่งทำงานในตึกเดียวกันจะช่วยกันค่ะ ใครเก่งแล้วก้อบอกเพื่อนต่อ ถือว่าบรรยากาศการทำงานโดยรวมดีมากค่ะ ฟังจากน้ำเสียงและดูหน้าตาเมื่อเจอกันแล้วถึงแม้นว่าระบบงานจะยังไม่เข้าที่เข้าทางและเขาต้องเหนื่อยกับการอธิบายบอกต่อพนักงานอื่น ๆ ในหน่วยงานในเรื่องการทำงาน ใน eOffice ทุกคนในชุมชนคนทำ eOffice ที่เปี๊ยกเจอก็มีความสุขและใจสู้ค่ะ ซึ่งเปี๊ยกคิดว่ากำลังใจที่ดีที่สุด อีกอย่างหนึ่งที่ ” นอกเหนือจากคุณเอื้อ ” ให้แล้ว ชาวชุมชนคนทำ eOffice อยากได้มาก ๆ ก้อคือ “ความร่วมมือจากเพื่อน ๆ ชาวมวล.ทุกคนค่ะ”สวัสดีคะ อาจารย์...วันนี้ได้รับโอกาสดีที่ได้ไปสนับสนุนกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชุมชนคนพัสดุ ในการกำหนด TOR และ Spec ที่มีคุณภาพ กระบวนการในกิจกรรมวันนี้ได้นำกระบวนการจัดการความรู้มาใช้ โดยใช้เทคนิกการเล่าเรื่องมาใช้แลกเปลี่ยนเรียนรู้...ตนเองได้รับรู้ถึงศักยภาพของเพื่อนๆ ชุมชนคนพัสดุ (เพื่อนๆ จากส่วนอาคาร ศูนย์คอม ศูนย์เครื่อมือฯ ส่วนพัสดุ ศูนย์บรรณสารฯ) ที่มีเทคนิก แนวทางการจัดทำ TOR Spec ที่แพรวพราว เนื่องจากประสบการณ์แต่ละคนโชกโชนมาก ทำให้สมาชิกที่ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทึ่งในศักยภาพซึ่งกันและกัน เข้าใจความยากลำบากในการจัดทำ TOR และ Spec เรียนรู้เทคนิกการจัดทำ TOR และ Spec จากประสบการณ์ ซึ่งเราไม่สามารถหาฟังและเรียนรู้จากที่ใดได้...สอดคล้องกับคำพูดที่อาจารย์บอกไว้ข้างต้นว่า "KM จะสร้างความเข้มแข็งในการทำงาน"
และในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เปิดโอกาสให้กับตนเองในการร่วมประชุม "พบปะนักวิจัยใหม่" ที่จัดโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาของมหาวิทยาลัยกับ สกว. สกอ. เพื่อได้สัมผัส เรียนรู้ถึงแนวทางการทำวิจัยในมหาวิทยาลัย การพบปะนักวิจัยใหม่ในครั้งนี้มีนักวิจัยที่เป็นทั้งอาจารย์ในมหาวิทยาลัยและภายนอกจำนวนมาที่มาเข้าร่วมกิจกรรม กิจกรรมที่เข้าร่วมครั้งนี้เป็นความพยายามที่จะหาแนวทางช่องทางที่จะขับเคลื่อนให้เกิดบรรยากาศการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านงานวิจัยเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย และการได้ร่วมกิจกรรมครั้งนี้ทำให้ตนเองได้เรียนรู้ข้อดีของการทำวิจัย...
1. ประโยชน์ของการศึกษาวิจัยจะส่งผลดีต่อนักศึกษาที่จะเรียนสิ่งใหม่ๆทันเหตุการณ์และเหมาะสมกับสภาพแวดล้องของท้องถิ่นในปัจจุบัน ส่งผลดีต่อชุมชนและประเทศชาติ
2. การทำงานวิจัยที่ดีและมีประโยชน์จำเป็นต้องมีการปรึกษา หารือ แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากหลายมุมมอง ทำให้ความคิดได้รับการกลั่นกรอง
ทำให้เมเกิดแรงบันดาลใจที่อยากสร้างสรรค์สิ่งดี อยากให้มหาวิทยาลัยซึ่งเป็นสถาบันการศึกษามีบรรยากาศทางวิชาการมากขึ้น...เมทราบว่าอาจารย์เรามีความสามารถมากมาย ได้รับรางวัลมากมาย หากได้มีการทำงานร่วมกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันคงจะเกิดอะไรดีๆ มีประโยชน์อีกมากแน่ๆ
... เมื่อประชุมเสร็จ ...สิ่งที่ฝันไว้ก็เริ่มมีหนทาง เนื่องจากได้มีโอกาสให้พูดคุยกับ ดร.พิมพ์ผกา ฮาดิง ซึ่งรู้จักกัน ทักทายพูดคุยกันตามประสาคนไม่ค่อยได้เจอทำให้เมทราบว่า... เรามีความปรารถนาที่คล้ายกันคืออยากให้เกิดบรรยากาศการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านงานวิจัยในสำนักวิชาวิทยาศาสตร์ฯ ซึ่งเมรู้สึกตื่นเต้น เพราะเริ่มมีชองทางและ Cheer Up อย่างออกนอกหน้า และยินดีที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่อาจารย์ขอไปปรึกษาเพื่อนอาจารย์ในสำนักวิชาดูก่อนและจะติดต่อกลับมาอีกครั้งคะ....ดีใจมากคะและคืบหน้าอย่างไรจะเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับอาจารย์อีกนะคะ...ขอบคุณคะ