ศิลปะการเขียนบทความให้น่าอ่าน
วันนี้ได้มีโอกาสอ่านบทความ เรื่อง ศิลปะการเขียนบทความให้น่าอ่าน ของ ผ.อ.พรชัย ภาพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 63 (ชุมชุนบ้านคำแดง) อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร เห็นว่ามีประโยชน์สำหรับนักเรียนที่จะใช้เป็นข้อมูลในการฝึกเขียนบทความ จึงได้นำมาเผยแพร่ให้นักเรียนและผู้ที่สนใจได้ศึกษาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาฝีมือในการเขียนบทความให้ดียิ่งขึ้น ท่าน ผ.อ.พรชัย ได้เขียนแสดงความคิดเห็นไว้ ดังนี้
การอ่านทำให้คนเต็มคน การฟังทำให้คนพร้อม การเขียนทำให้คนประณีต การเขียนเป็นการนำเอาการอ่าน การฟัง การคิดมารวบรวมไว้ เพื่อสื่อสารให้บุคคลอื่น ได้รับรู้ มีคนกล่าวว่านักเขียนพูดดังกว่านักพูดและพูดได้นานกว่า ความจำที่ดีสู้หมึกเพียงหนึ่งหยดไม่ได้ หัวใจนักปราชญ์นั้นกล่าวถึง การฟัง การคิด การถาม และการเขียน จุดด้อยของคนเอเชียจะพบว่าขาดวัฒนธรรมการถ่ายทอดความรู้ เพราะไม่มีวัฒนธรรมการเขียน ตามแนวคิดการหวงวิชา มักจะสืบทอดวิชาความรู้สู่เฉพาะบุตรหลานหรือคนที่ไว้วางใจเท่านั้น ไม่มีการบันทึกเผยแพร่ทำให้ขาดการต่อยอดความคิดไปสู่การพัฒนา คนไทยก็เช่นกันมักจะประสบปัญหาการเขียน ไม่ทราบจะเริ่มต้นอย่างไร ขาดความมั่นใจ ขาดเทคนิคการเขียนโดยเฉพาะการเขียนบทความนั้นต่างมองว่าเป็นเรื่องยาก ในฐานะที่เราต้องทำงานด้านวิชาการ หากเรียนรู้ศิลปะการเขียนบทความ ย่อมจะสร้างแรงจูงใจสานฝันแนวทางในการทำงานให้สำเร็จได้อย่างมีหลักการสู่การทำงานที่ท้าทาย
ความหมายของบทความ
เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ได้ให้ความหมายของบทความว่า เป็นรูปแบบการเขียนที่ผู้เขียนที่ต้องการสื่อสาร ข้อเท็จจริงและความเห็นเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งแก่ผู้อ่าน เนื้อหานำเสนอเป็นข้อมูลจริง ซึ่งไม่ใช่ความเรียงธรรมดา ที่เป็นข่าว หรือจินตนาการของผู้เขียน
องค์ประกอบสำคัญในการเขียนบทความ
นิธิ เอียวศรีวงศ์และคณะ ได้กล่าวถึงสิ่งสำคัญที่ผู้เขียนต้องรู้ข้อมูล เนื้อหาสาระที่จะเขียน โดยคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1. กลุ่มเป้าหมาย เราต้องการเขียนให้ใครอ่าน ต้องการสื่อสารกับคนในกลุ่มใด การทราบกลุ่มเป้าหมายจะทำให้ผู้เขียนทราบว่าตนเองมีความถนัดในการเขียนด้านใด
2. กำหนดประเด็นแคบและชัดเจน ว่าต้องการนำเสนอเสนออะไร เพื่ออะไรเป็นหลัก บทความหนึ่งควรมีประเด็นหลักเพียงประเด็นเดียว
3. การเรียงร้อยถ้อยคำ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สะท้อนระบบการคิด การเรียงร้อยถ้อยคำควรเป็นประโยคที่สั้นแต่รู้เรื่อง วรรคตอนต้องถูกต้องจะได้ไม่เสียความหมาย ทำให้อ่านสบายตา ย่อหน้าแต่ละครั้งเมื่อเปลี่ยนประเด็นจะทำให้ผู้อ่านจับประเด็นได้ว่านำเสนออะไร
4. การใช้ภาษา ควรเลือกให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องและกลุ่มเป้าหมาย ใช้ภาษาง่ายๆ จะทำให้ผู้อ่านคล้อยตาม ที่สำคัญไม่ควรใช้คำซ้ำซาก
5. วางโครงเรื่องชัดเจน เริ่มจากสภาพปัญหาไปสู่แนวทางการแก้ปัญหาและทิ้งท้ายด้วยข้อเสนอแนะ การวางโครงจะทำให้บทความไม่ออกนอกประเด็น
6. เทคนิคการนำเสนอ ต้องเขียนเริ่มจากจุดเล็ก ให้เชื่อมโยงกับจุดใหญ่ โดยจับอารมณ์ของสังคม เหตุการณ์ที่สังคมสนใจ เพื่อบทความจะได้รับการตีพิมพ์ เพราะบทความหากไม่ได้ตีพิมพ์ ก็เปรียบเสมือนจ่าหน้าซองจดหมายไม่ละเอียด ทำให้ข่าวสารไม่ถึงมือผู้รับ
7. ใช้รูปแบบการนำเสนอให้ถูกต้อง โดยเริ่มที่บทนำ(Title) เนื้อหาของเรื่อง(Body) และบทสรุป (Conclusion) การตั้งชื่อเรื่องมีความสำคัญที่สุด ที่จะดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน เพราะคนอ่านจะต้องดูชื่อเรื่องก่อนเสมอ ถ้าชื่อเรื่องสะดุดตาก็จะติดตามเข้าไปอ่าน
8. การเสนอความคิดเห็นในบทความ ต้องนำเสนอข้อคิดที่มีมุมมองหลากหลายและมีข้อเสนอแนะที่เป็นเหตุเป็นผล
สลัดความกลัวให้เป็นความกล้าก่อนจะมาเขียนบทความ
เส้นทางสู่นักเขียนบทความนั้น ต้องเริ่มต้นที่ความคิด การฝึกคิดให้คมชัด จะส่งผลให้การเขียนคมชัด สิ่งที่นักเขียนต้องฝึกคิด คือ การคิดเชิงวิเคราะห์ การคิดเชิงวิพากษ์ การคิดเชิงประยุกต์ การเขียนเป็นงานศิลปะที่คนเขียนไม่ใช่ศิลปินก็ทำได้ การเขียนที่ได้รับการฝึกฝน จะทำให้ความคิดเฉียบคมมากขึ้น ที่สำคัญต้องอ่านงานเขียนของคนอื่น ศึกษาเทคนิคการนำเสนอ ศิลปะการใช้ภาษา อรรถรสในการเขียน เพื่อนำไปปรับใช้ในงานเขียนของตน บทความมีคนอ่านหรือไม่ผู้เขียนต้องทราบกลุ่มเป้าหมาย ต้องเขียนเพื่อผู้อ่านไม่ใช่ตนเอง การเขียนเรื่องใดเป็นที่ถูกใจผู้อ่าน ก็เปรียบเสมือนเราได้แสดงความเคารพในตัวผู้อ่าน ต้องมีความเชื่อว่าบทความของเราต้องมีคนอ่าน
ขั้นตอนการเขียนบทความ
เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ได้เสนอแนะแนวทางการเขียนบทความเพื่อให้ประสบความสำเร็จนั้นจะต้อง กำหนดขั้นตอนในการเขียนดังนี้
1. ขั้นเตรียมความพร้อม ก่อนลงมือเขียนบทความต้องดำเนินการสิ่งต่อไปนี้
1.1 การเลือกหัวเรื่อง ต้องเลือกเรื่องที่ผู้เขียนมีความรู้และเข้าใจ มีความเหมาะสมกับผู้อ่าน มีข้อมูลสนับสนุนเพียงพอ เป็นเรื่องใหม่ที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจน
1.2 การวางโครงเรื่อง ผู้เขียนต้องวางโครงเรื่องให้เสร็จก่อนลงมือเขียน เพราะโครงเรื่องจะช่วยให้ร้อยเรียงแต่ละย่อหน้าเป็นเหตุเป็นผล ต่อเนื่องกันอย่างราบรื่น
2. ขั้นลงมือเขียน ผู้เขียนต้องนำโครงเรื่องมาร้อยเรียงให้กลมกลืน ตามแนวทางต่อไปนี้
2.1 การเกริ่นนำ ผู้เขียนต้องเขียนย่อหน้าแรกให้ประทับใจผู้อ่านเสมอ เพราะการเขียนบทนำมีจุดมุ่งหมาย 2 ประการ คือ ดึงดูดความสนใจของผู้อ่านและทำให้ผู้อ่านทราบจุดประสงค์ของการเขียน รูปแบบการเกริ่นนำที่ได้ผล ได้แก่ การใช้คำคม การพาดหัว การเล่าเรื่องและการตั้งคำถาม
2.2 การลงมือเขียน การเขียนประโยคควรเขียนสั้น ๆ ใช้คำเชื่อมควรถูกต้องและเหมาะสม เลือกใช้คำให้เหมาะแก่กาลเทศะ ที่เป็นคำระดับเดียวกันกับกลุ่มเป้าหมาย หลีกเลี่ยงคำที่ให้ความรู้สึกไม่ดีต่อผู้อื่น
3. การเขียนสรุป บทความที่เขียนมาทั้งหมดจะประสบความสำเร็จหรือไม่อยู่ที่บทสรุป ผู้เขียนบทสรุปให้จับใจ ข้อเสนอแนะที่งดงามจะทำให้ผู้อ่านประทับ ผู้เขียนมีแนวทางสรุปแบบให้คิดเป็นคำถาม แบบขอความเห็นใจหรือการท้าทายให้มีการคิดหรือดำเนินการต่อไป
4. ขั้นขัดเกลาบทความ งานเขียนที่ไม่ได้ขัดเกลา ก็เหมือนเฟอร์นิเจอร์ ที่ไม่ได้ขัดกระดาษทราย จึงต้องทบทวนข้อเขียนว่าสมเหตุสมผล น่าเชื่อถือหรือไม่
การเริ่มต้นที่ดี งานสำเร็จไปแล้วกว่าครึ่งหนึ่ง เมื่อคิดจะเขียนต้องลงมือฝึกฝนการเขียน อย่างตั้งใจ หัวใจของนักเขียน 3 ใจ ได้แก่ ใจกล้า ใจสู้ ใจรัก ยึดกฎแห่งความสำเร็จ คือ ลงมือทำเดียวนี้ การนำคมความคิดมาใช้ในงานเขียนจะทำให้ฉลาดมากขึ้น การเป็นคนช่างสังเกต รักการอ่าน เปิดใจกว้างอย่างมีวิสัยทัศน์ จะส่งผลให้เกิดความรอบคอบ การมีมารยาททางวิชาการที่ต้องอ้างอิงบุคคลที่เป็นต้นฉบับในการเขียน จะสร้างสายสัมพันธ์และเป็นการให้เกียรติสูงสุดของนักเขียน คำกล่าวที่ว่าบันทึกส่วนตัวของเรา อาจเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญ ในหลายสิบปีข้างหน้า ได้แต่หวังว่าบทความที่ท่านเขียนจะเป็นกระจกบานใหญ่ให้คนได้ศึกษาต่อไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น
เอกสารอ้างอิง
เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ .
เขียนบทความอย่างไรให้น่าอ่าน .พิมพ์ครั้งที่ 3
กรุงเทพฯ : ซัคเซสมีเดีย, 2547
นิธิ เอียวศรีวงศ์ และคณะ.
เทคนิคการเขียนบทความให้ประสบความสำเร็จ .
พิมพ์ครั้งที่ 3 ขอนแก่น: สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยขอนแก่น,
2534
ขอบคุณ คุณครูประเทือง ยินดีมากครับที่นำบทความของผมมาให้นักเรียนได้ศึกษาครับ คงเป็นประโยชน์สำหรับคนเริ่มเขียน
นักเขียนอย่ากลัวตะกร้า ต้องกล้าเขียน เมื่อใดเรื่องแรกได้ตีพิมพ์เมื่อนั้นคือความสำเร็จได้เริ่มเดินเข้ามาหาเรา
บทความนี้ผมส่งไปที่วาสารวิชาการ ของ สพฐ.ครับ แต่ยังรอลุ้นอยู่จะได้ตีพิมพ์หรือไม่
แต่ที่ผ่านมาได้รับการตีพิมพ์ เรื่องล่าสุด เรื่องการพัฒนาสถานศึกษาให้เป็นองค์กรเปี่ยมสุข
สวัสดีค่คุณครู
ดิฉันจะสอบกพ.เป็นครั้งที่สองแล้ครั้งแรกยอมรับว่าไม่ได้เตรียมตัวเลเหลวไหลมาก ครั้งนี้จะพยายามให้ถึงที่สุดยังไงก็ต้องขอขอบคุณคุณที่ช่วยเพิ่มความรู้ให้ค่ะ
ผมเป็นเด็กฝึกงานศิลปะ ม.5 แล้ว ได้มีโอกาสไปร่วมงาน ที่กรุงเทพ
อาจารย์ประเทืองค๊ะคือว่าหนูเรียนคณะศึกษาศาสตร์เอกศิลปะอะคะหนูอยากทราบว่าวิธีเขียนแผนการสอนเขียนยังไงค๊ะ
เรียนคณะศึกษาศาสตร์น่าจะมีการสอนให้นิสิตเขียนแผนการสอนได้ก่อนออกฝึกสอนนะคะ แต่ถ้าสนใจจริง ๆ มีคู่มือการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ (แผนการสอน) จากสำนักพิมพ์ต่าง ๆ มากมายลองซื้อหามาอ่านดูก็ได้ค่ะ แต่ก่อนอื่นต้องศึกษาหลักสูตรให้กระจ่างก่อน แล้วจึงค่อยลงมือเขียน ขอให้โชคดีค่ะ