ความสุข..สามารถสร้างได้ด้วยตนเอง..


คำอวยพรที่ไม่มีวันลืม จากอาจารย์.. “ขอให้ลูกศิษย์ออกไปหาเวทีที่จะล้มเหลวให้มากๆนะ เพราะถ้าเราไม่กลัวที่จะล้มเหลว โลกนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว”

 

          สวัสดีค่ะ หญิงมล  ได้มีโอกาสอ่านหนังสือของพี่หนูดี อัจฉริยะสร้างสุข”ความคิดเชิงบวกสไตล์หนูดี..รู้สึกว่าชอบมาก อ่านแล้วทำให้มีความสุข ได้ฝึกสมองให้คิด และก็มองโลกในแง่บวกเพิ่มขึ้น  เลยอยากเอามาบอกเล่าก้าวสิบให้ทุกคนที่รับรู้  เผื่อจะได้มีส่วนทำให้ทุกคนได้ฝึกมองโลกเชิงบวกและพบกับความสุขได้บ้าง...

          ต่อไปโฟกัสไปที่เรื่องของ“ความสุข” โดยหนูดีจะพาไปพบกลวิธีการเปลี่ยนเม็ดทรายในชีวิตให้เป็นไข่มุกที่สวยงาม ด้วยการเพิ่มความสุขเล็กๆ ในชีวิต ประจำวัน ซึ่งมีพื้นฐานงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์รองรับ เพื่อให้ค้นพบคำตอบของข้อสงสัยที่ว่า เราจะตื่นนอนตอนเช้าอย่างไรถึงจะมีความสุขเพิ่มขึ้นอีกนิด และอีกหลายเรื่องราววิธีสร้างสุข ด้วยวิทยาศาสตร์แห่งความสุข
        หนูดี บอกว่า หนังสือเล่มนี้อยู่ในหัวมาเกือบ 3 ปี ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในห้องเรียนวิชา “วิทยาศาสตร์แห่งความสุข” ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เพราะประหลาดใจว่า ทำไมไม่มีใครทำวิจัยเรื่องความสุข ตอนที่เรียนเลยอยากจะถ่ายทอดความรู้สึกที่ตนเองมีความสุขในการเรียนวิชานี้ เขียนออกมาเป็นภาษาไทย เพราะอยากให้คนไทยได้รู้ว่าเราจะอยู่อย่างไรให้มีความสุข
       แต่ละบท แต่ละตอนที่หนูดี นำมาเล่า ถึงความสุขที่ตัวเองได้ประสบพบมาในตอนที่เรียน ยิ่งทำให้หนังสือเล่มนี้มีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น
       หนูดี  เล่าย้อนไปในอดีตว่า งานวิจัยเกี่ยวกับอารมณ์ด้านสุขมีน้อยมาก เพราะเชื่อว่าความสุขเป็นเรื่องที่จับต้องไม่ได้ เป็นเรื่องเฉพาะตัว แต่ในทางกลับกัน งานวิจัยเรื่องอารมณ์ด้านลบ เช่น อารมณ์โกรธ เศร้า เครียด กลับมีงานวิจัยมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลก
         แต่จริงๆแล้วผลงานจากห้องวิจัยเกี่ยวกับเรื่องของความสุขและความสำเร็จในชีวิตก็ยืนยันว่า การมีความสุขเป็นเรื่องที่สร้างได้ ทดลองได้ พิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ แถมความสุขยังเป็นเรื่องที่มีผลต่อความสำเร็จระยะยาวของชีวิตโดยตรงอีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากในวงการวิทยาศาสตร์
       ตอนหนึ่ง หนูดีได้เขียนเกี่ยวกับ คำอวยพรที่ไม่มีวันลืม ว่า วันสุดท้ายที่เรียนจบ อาจารย์ได้อวยพรว่า ขอให้ลูกศิษย์ออกไปหาเวทีที่จะล้มเหลวให้มากๆนะ เพราะถ้าเราไม่กลัวที่จะล้มเหลว โลกนี้ก็ไม่มีวันอะไรต้องกลัวแล้ว” หนูดีฟังแล้วก็งงว่าเป็นคำอวยพรหรือคำสาปกันแน่ แต่ด้วยความเป็นเด็กว่าง่าย จึงตั้งใจจะทำตามคำแนะนำนั้น
       ด้วยการไปออกรายการเกมส์โชว์ ซึ่งหนูดีคิดไว้อยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องตกรอบ แต่ก็พร้อมที่เจอกับความล้มเหลวตามที่อาจารย์อวยพรไว้ ผลปรากฏว่า หนูดีแข่งเล่นเกมส์จนถึงรอบชนะเลิศได้รับเงินรางวัล 1 ล้านบาท ถึงตอนนั้นหนูดีก็รู้แล้วว่าทำไมอาจารย์ถึงอวยพรอย่างนั้น เพราะอาจารย์ไม่อยากให้กลัวกับความล้มเหลวและถ้าเราไม่กลัวความสำเร็จก็จะมาหาเรา
        ตอนที่เรียน วิชาจิตวิทยาเชิงบวก อาจารย์ก็จะสอนเสมอว่า ให้ลงทุนกับตัวเองบ้าง อย่าลงทุนให้แต่กับคนอื่น ดังนั้นหนูดีจึงโดนสอนเสมอว่า ให้ซื้อกุหลาบให้ตัวเอง โดยไม่ต้องรอให้ใครมาซื้อให้ เทคนิคนี้ หนูดีรู้สึกว่า การที่เราจะดูแลคนอื่นเราต้องเริ่มดูแลตัวเราเองก่อน ไม่ต้องรอให้โชคชะตาส่งใครมาดูแล และถ้าเราดูแลตัวเองเป็น เราก็ดูแลคนอื่นได้ งานที่ยิ่งใหญ่ต้องเริ่มจากจุดเล็กที่สุดก่อนถึงจะก้าวไปอย่างมั่นคงได้ เพราะฉะนั้นการเริ่มจากที่ตัวเราเองจึงเป็นจุดที่ดีที่สุด
        อีกบทหนึ่งที่น่าสนใจในหนังสือเล่มนี้ คือการปรับขนาดกล่อง เมื่อก่อนหนูดีเคยคิดว่า คนเก่ง คนฉลาด ต้องมีประสบความสำเร็จสูง มีเงินทองมาก มีครอบครัวสมบูรณ์พร้อมมีปริญญาดีๆจากมหาวิทยาลัยดังๆ มีสุขภาพแข็งแรง มีงานอดิเรกที่น่าสนุก และได้เดินทางท่องเที่ยวไปในที่ที่น่าตื่นใจ โมเดลความสุขของหนูดีจึงเป็นเหมือนกล่องใบใหญ่ใบหนึ่งซึ่งใส่ของได้มากมาย คนที่เก่งจะต้องหาของมาใส่ในกล่องได้มากกว่าและเร็วกว่าคนอื่นๆ  แต่กล่องใบนี้น่ากลัวมาก เพราะมันแอบขยายออกตลอดเวลา โดยที่เราไม่รู้ตัว ใส่เท่าไหร่ก็ไม่มีวันเต็มสักที ตอนนั้น หนูดี คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกซะที เพราะว่าสมองถูกโปรแกรมมาด้วยวิธีเดียวเท่านั้น คือ เติม เติม เติม จนเต็มกล่อง จนสุดท้ายอาจารย์ที่สอนก็เฉลยว่า “มีอีกวิธีหนึ่งที่ทำได้คือ ปรับขนาดกล่องให้เล็กลงสิ” หนูดี เลยคิดได้ เออ ทำไมเราไม่ลดกล่องให้มันเล็กลงอย่างที่อาจารย์ว่กล่องของเราจะได้เต็มซะที
        ความพิเศษของหนังสือเล่มนี้คือ หนูดีได้เขียนถึงน้องหนูหวาน เพราะว่าน้องสาวคือความสุขที่สุดในชีวิตของหนูดี พ่อกับแม่จะบอกเสมอว่า วันหนึ่งที่พ่อกับแม่ไม่อยู่แล้ว น้องคือมรดกที่มีค่าที่สุดที่ทิ้งไว้ให้ แล้วคนที่มีพี่น้องคือคนที่วิเศษที่สุด ซึ่งก็เป็นความจริง เพราะตลอดเวลาที่อยู่อเมริกาหนูดีก็อยู่กับน้อง เป็นชีวิตคู่ที่มีความสุขมาก คือทำอะไรด้วยกัน ออกกำลังกายด้วยกัน เราก็สังเกตว่าเวลาที่เราอยู่คนเดียวเราก็มีความสุข แต่เวลาที่เราอยู่กับน้องเราก็มีความสุขเป็นทวีคูณ อย่างไม่น่าเชื่อ      

 (หนูอยากให้ทุกคนมีความสุข...ค่ะ.)

หมายเลขบันทึก: 330978เขียนเมื่อ 25 มกราคม 2010 19:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

สุขทุกข์อยู่ที่ใจมิใช่หรือ ....ได้อ่านบทความของคุณแล้ว มีประโยชน์ต่อมวลมนุษย์มากทีเดียว คนที่เป็นทุกข์มากคือคนที่มีกิเลสมาก ฆ่าม้นซะเจ้ากิเลสนี่ คุณว่าจริงไหม ขอบคุณมากนะที่มีเรื่องดี ๆ น่าอ่านได้คติข้อคิดตั้งมากมาย

ขอบคุณทุกคนที่ร่วมเเลกเปลี่ยนรู้กันและกันค่ะ

ดญ.รัตติยา คำเที่ยง

สวัสดีค่ะ คุณครูสุวิมล หนูดญ.รัตติยา คำเที่ยง นักเรียนชั้นม.1/2 ร.ร.บ้านสร้างม่วงส้มเสี้ยว อ.บุณฑริก จ.อุบลฯ หนูได้เข้าอ่านบทความของคุณครู หนูได้ข้อคิดอะไรดีดี มากมายเลยค่ะ และทำให้หนูได้เปลี่ยนแปลงความคิดตัวเองมองโลกในแง่ดีมากขึ้น ขอบคุณนะคะสำหรับข้อมูลดีดีอย่างนี้..เป็นประโยชน์ค่ะ......ดญ.รัตติยา...

  • สวัสดีครับ
  • มาด้วยความคิดถึงคะ
  • กิจกรรมดีๆที่น่าชื่นชมคะ

ได้รู้จักการสร้างความสุขด้วยตนเอง ให้มีความสุขในการดำเนินชีวิตในวัยเรียนขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ นาย สิทธิเดช เสมอภักดิ์

นางสาว กรรณิกา บุราชรินทร์ นางสาว สุนารี สีทา นางสาว ขัวญใจ สุริยา

ความสุขของผม คือ ทำให้คนอื่นมีความสุข โดยเฉพาะครอบครัว อยากเห็นคนอื่นคิดแบบผมบ้าง โลกคงมีแต่ความสุขนะ

แล้วคุณละ วันนี้คุณทำให้คนในครอบครัวคุณมีความสุขแล้วหรือยัง รีบทำซะนะ

สำหรับบี๋ความสุขอยู่ไม่ไกลค่ะ...

ใจเราสุข ทุกอย่างก็สุขค่ะ อย่างที่เค้าว่า ความสุขอยู่ที่ใจค่ะ :-)

นายสิทธิเดช เสมอภักดิ์

สวัสดีครับคุณครูสุวิมล ไวยารัตน์ ผมได้อ่านแล้วมีความรู้สึกว่าการสร้างความสุขให้ตนเองนั้นไม่อยากเลยเราแค่มองโลกในด้านบวก

งานที่ยิ่งใหญ่ต้องเริ่มจากจุดเล็กที่สุดก่อนถึงจะก้าวไปอย่างมั่นคงได้ เพราะฉะนั้นการเริ่มจากที่ตัวเราเองจึงเป็นจุดที่ดีที่สุด และผมชอบคำคมที่ว่า

“ขอให้ลูกศิษย์ออกไปหาเวทีที่จะล้มเหลวให้มากๆนะ เพราะถ้าเราไม่กลัวที่จะล้มเหลว โลกนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว”

จาก นาย สิทธิเดช เสมอภักดิ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 / 2 ขอบคุณมากนะครับสำหรับคำแนะนำ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท