ฉันเห็นตัวฉันในคนรอบข้าง


ยิ่งอายุมากขึ้น มีเวลาไตร่ตรองมากขึ้น ฉันยิ่งรู้สึกถึงความโง่ของตนเองในอดีต

        ตั้งใจจะบันทึกเรื่องนี้มานานพอสมควร แต่ขจัดความเกียจคร้านของตนเองไม่ได้สักที วันนี้หลังจากอ่านบันทึกของ ท่านอาจารย์ประพนธ์ แล้วจึงแข็งใจสลัดมันทิ้งไปแล้วเริ่มบันทึก ซะที

        นั่งดูใจตนเองนานมาก มีเวลาอยู่กับตนเอง อยู่กับหลายสิ่งในชีวิต เปรียบเทียบอดีตตอนที่เริ่มต้นทำงานใหม่ๆ แบบเด็กจบใหม่ไฟแรง อยากทำโน่น อยากทำนี่ อยากทำอะไรหลายๆ อย่าง แบบรู้ผลเร็วๆ การทำงานจึงเป็นไปในลักษณะของคนที่แข็งกร้าว ไม่ยอมคน และพร้อมเผชิญกับทุกคนไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ทำให้ถูกกล่าวถึงในลักษณะ เด็กคนนั้นก้าวร้าวมาก เพราะพร้อมที่จะเถียงเมื่อเห็นว่าตนเองถูก พร้อมที่จะถามว่า ทำไม ทำไม และทำไม แต่เป็นการถามแบบมีคำตอบให้ตนเองแล้ว ดังนั้น ขณะที่ปากพูด ใจและหูจึงปิดสนิท

        เคยสงสัยว่าเหตุใด ผู้ใหญ่ในที่ทำงานหลายๆ คน ถึงทนเรื่อง แบบนั้น เรื่องแบบนี้ได้ โดยไม่เคยปริปากบ่น แถมยังปล่อยให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างเราพร่ำบ่นว่า ถามคำถามที่เหมือนไม่ให้เกียรติท่านเหล่านั้นได้เป็นนานสองนาน บางท่านยังใจเย็น แนะทางสว่างแบบอ้อมๆ ให้ เช่น รศ. วนิดา บำรุงไทย สมัยเป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยนเรศวร (สมัยอาจารย์ ประจักษ์ เด็ดแก้ว เป็นผู้อำนวยการ) เคยเตือนไว้และดิฉันยังจำขึ้นใจมาจนบัดนี้ว่า ในช่วงวัยของคนเราจะยังเจอะเจออะไรอีกเยอะ ถ้าหากขณะนี้ทนนิสัยร้ายๆ ของคนบางคนไม่ได้ เมื่อเธออายุเพิ่มขึ้นเธอจะพบว่า มีผู้คนอีกหลายแบบมากให้ศึกษาและพานพบอย่างไม่คาดว่าจะได้พบ เข้าใจว่าอาจารย์ท่านคงลืมไปแล้ว ว่าเคยเมตตาสอนฉันไว้ 

         เมื่ออายุผ่านพ้นมาจนถึงปัจจุบัน และมีโอกาสได้สัมผัสการทำกิจกรรม KM มาบ้าง เรียนรู้การฟังแบบเปิดใจมาบ้าง การฝึกรับความคิดเห็น ฝึกการรับฟังผู้อื่นมาบ้าง จึงเกิดมุมมองที่เปลี่ยนไป อาจารย์รุจโรจน์ ( อ. หนึ่ง) เคยพูดเสมอๆ ว่า ดิฉันเปลี่ยนไปเยอะเมื่อผ่านกระบวนการ KM จากที่เคยเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย กลายเป็นคนใจเย็นขึ้น คงจริง เพราะปัจจุบัน ถ้าเกิดความหงุดหงิดในใจ ดิฉันมักจะรีบปิดปากตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก และเก็บเอาอาการโมโหโกรธาที่คนอื่นๆ รอบข้างแสดงออกมาเป็นตัวอย่างสอนตนเองมากขึ้น และเปรียบเทียบปฏิกิริยาเหล่านั้นกับอดีตของตนเอง ทำให้โกรธ (แน่นอนว่ายังมีอยู่บ้าง) คนรอบข้างเหล่านั้นไม่นาน ตัวเราก็เคยเป็นแบบนั้น เชื่อว่า วัยและประสบการณ์จะสอนให้เขารับรู้และเข้าใจตนเองในที่สุด

         การปฏิบัติซ้ำๆ ทำให้เกิดการฝึกฝนเป็นความจริง การฝึกฝนตนเองให้หัดเปิดใจรับและมองสิ่งที่เกิดขึ้นแบบ 360 องศา ทำให้ชีวิตมีมุม มีเหลี่ยมให้คิดและเข้าใจมากขึ้น การพยายามมองหาสิ่งดีๆ จากเหตุการณ์ต่างๆ ทำให้ชีวิตสงบขึ้น และเมื่อมองย้อนไปในอดีต ยิ่งพบว่า เรานี้ช่างโง่งมซะจริงๆ กับการมองอะไรด้านเดียว กับการตัดสินอะไรตามความรู้สึกของตนเอง กับการไม่หยุดคิดแต่แสดงออกทันทีที่มีสิ่งกระทบ ซึ่งเป็นเพียงการแสดงออกถึงความเขลาของตนเอง แต่ไม่แน่นะ ความเขลาในอดีตของฉัน อาจทำให้ผู้ใหญ่บางคนมองเห็นตัวตนของเขาเอง ฉันจึงได้รับความเมตตา ได้รับคำสอนสั่งต่างๆ มาใช้ในชีวิต

         ดังนั้น ถ้าฉันจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ก็คงต้องหัดให้เกิดเมตตา และรักให้เป็นมากขึ้นสินะ 

 

หมายเลขบันทึก: 330232เขียนเมื่อ 23 มกราคม 2010 10:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

สวัสดีค่ะ

  • ขอขอบพระคุณมากค่ะ
  • สำหรับบันทึกที่เขียนออกจากใจแบ่งปันความรู้สึกไปให้คนรอบข้าง
  • อ่านแล้วได้ข้อคิด ข้อปฏิบัติมากค่ะ
  • ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

สวัสดีค่ะ ครูคิม

  • ขอบคุณค่ะ ที่แวะมาอ่านและทิ้งข้อความไว้
  • ดิฉันชื่นชมความเป็นครูเพื่อศิษย์ของครูคิมเสมอมาค่ะ
  • ดิฉันตั้งใจบันทึกเตือนตนเองค่ะ 
  • ดีใจที่มีประโยชน์ค่ะ  

สวัสดีค่ะพี่วันเพ็ญ

ไม่ได้เขียนบันทึกนานมากแล้วเหมือนกัน ทั้งๆที่มีเรื่องมากมาย ตัวขี้เกียจไม่ยอมออกจากร่างสักที อิอิ

มาเรียนรู้พี่วันเพ็ญอีกคน ค่ะ มาเห็นพี่วันเพ็ญอีกทีก็ตอนที่ใจเย็นแล้ว ได้สัมผัสได้ใกล้ชิด ตอนที่พี่วันเพ็ญเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน เคยได้ยินแต่กิตติศัพท์ เลยไม่รู้ว่าตะก่อนเป็นยังไงน้า ...(แต่ไม่อยากเจอด้วยตัวเองเหมือนกัน อิอิ)

สวัสดีค่ะพี่..วันเพ็ญ...

ในฐานะที่หนูเป็นเด็กกว่า..พี่..

คิดว่าตัวเอง ก็คงต้องใช้เวลา กว่าจะตกผลึก.อิอิ..

แต่เข้าใจคะ..

..คิดถึงนะคะ..

คุณ Wanpen สวัสดีครับ

   นำรายการทีวีที่นำเสนอเรื่อง เมฆ & ชมรมคนรักมวลเมฆ เป็นรายการแรกมาฝากครับ

        217 : รายการ ศิลป์สโมสร (ThaiPBS) นำเสนอ เมฆ & ชมรมคนรักมวลเมฆ

   ผมพูดถึงคุณ Wanpen ด้วย...อิอิ

  • สวัสดีค่ะ คุณบัญชา
  • ตามไปดูรายการเรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณที่เอ่ยถึงค่ะ ^___^
  • สำหรับ 2 สาวข้างบน ก็ต้องเรียนรู้กันไปจ๊ะ กว่าจะได้อารมณ์ตกผลึกสักอาการนึงนี่ก็คงต้องใช้หลายๆ อย่างร่วมกัน

คุณ Wanpen สวัสดีครับ

           ผมเจออาทิตย์ทรงกลดเหนือฟ้าอ่าวไทยบ้างแล้ว แต่ไม่มี Sundogs นะครับ

(มุมเงยสูงเกินไป เจ้าหมาของดวงอาทิตย์ก็เลยวิ่งหนีไปที่อื่น...โฮ่ง โฮ่ง)

      220 : อาทิตย์ทรงกลด เหนือฟ้าอ่าวไทยก่อนถึงสุราษฎร์ธานี

สวัสดีครับคุณPวันเพ็ญ

"ขอบคุณครับสำหรับบันทึกดีๆที่นำมาแบ่งปัน"

มีใครบอกไหมครับว่า คุณ Wanpen หายไปนานมากๆๆๆๆ

พึ่งเข้ามาตอบคำถามเรื่องเว็บศูนย์บรรณสารที่มีน้องถามมา หลังจากหายไปนานอย่าง อ. ขจิตบอกค่ะ ไม่มีเหตุและปัจจัยใดๆ นอกจากความขี้เกียจครอบงำทมึนมากค่ะ ^__^

ดีใจกลับมาอีกแล้ว  หายไปนานจริงๆๆ

กลับมาเขียนเรื่องอีกนะครับ คิดถึงๆ

สองปีหายไปนานเลยครับ

รออ่านเรื่องอื่นอีก

ที่พะเยาเป็นอย่างไรบ้างครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท