วันหนึ่งของชีวิตที่.....คุรุสภา..วันรับรางวัลที่ฉันภูมิใจ


ฉันลืมบันทึกนี้ไปแล้วหลังจากเข้ากรุงเทพฯเพื่อรับรางวัลในวันครู 2553

เพื่อนที่ทำงานบอกว่างานวันครูของจังหวัดสมุทรสาคร

ฉันได้รับรางวัลด้วย แต่เขาไม่เห็นฉันและฉันอยากบอกเขาว่าฉันก็อยากไป

ร่วมพิธีในวันนั้น แต่ฉันติดงานที่คุรุสภา ฉันต้องไปรับรางวัลที่คุรุสภา

แต่ฉันก็ไม่ได้บอกเพื่อนคงปล่อยให้เขาพรรณาถึงงานที่สพท.สค.จัดขึ้น

ที่จริงตั้งใจว่าจะลงบรรยากาศวันรับรางวัลที่คุรุสภาก่อนเปิดบันทึกนี้

แต่แล้วก็ลืม เกือบสามเดือนแล้วซินะ

งั้นขอเปิดบันทึกเลย แล้วค่อยๆทบทวนเรื่องราวมาบันทึกไว้ในความทรงจำ

เช้าวันที่ 16 มกราคม 53 ที่ผ่านมา

ฉันได้รับโอกาสให้กลับไปคารวะและรำลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์

เดินทางไปร่วมกิจกรรมวันครูที่หอประชุมคุรุสภา

ฉันเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่งในอดีต กับญาติผู้ใหญ่ มาทำบุญใส่บาตร

จำได้ว่ามีรูปฉันลงหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งกำลังใส่บาตร

และใกล้ๆฉันผู้นำประเทศในสมัยนั้น (2515) ท่านยืนอยู่ใกล้ๆ

เป็นความจำที่เลือนหายไปนานแล้ว

และความจำนั้นกลับผุดขึ้นมาอีกครั้งในวันครูที่ผ่านมา

วันนั้นในอดีต....ฉันไม่เคยคิดด้วยซ้ำไปว่าฉันจะมาเป็นครูในวันนี้

คุรุสภายังคงความศักดิ์สิทธิ์ตามบทบาทและหน้าที่

เมื่อย่างเข้าสู่หอประชุม ฉันรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

เสียงเพลงบรรเลงทำให้ฉันรู้สึกเศร้าลึกๆ

วิญญาณครูบาอาจารย์ท่านคงมาร่วมแสดงความยินดี

ฉันเดินไปกราบไว้พระรูปของเสด็จพ่อ รัชกาลที่6

พลันรู้สึกดวงตานั้นพล่ามัว กระพริบถี่ๆ

 ด้วยรู้สึกว่าอาจช่วยให้ประตูน้ำตาปิดลงโดย

ก่อนที่จิตใจจะอ่อนไหวมากไปกว่านี้ ฉันเรียกสติคืน

แล้วลุกขึ้นหันมายกมือไหว้อีกครั้งแล้วถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วยความสุขใจ

กลับหลังหัน และหันหน้าไปทางประตูเอกอีกที

ยกมือขึ้นประณม น้อมระลึกถึงพระคุณของเจ้าของรูปปั้นที่อยู่ตรงหน้า

รูปปั้นนั้นยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน เหมือนจะบอกว่าท่านดีใจที่ฉันยังเป็นฉัน

รูปนั้นยิ้มน้อยๆตามแบบฉบับที่ผู้ใหญ่เคยเล่าให้ฟัง

ด้วยจิตเมตตาของความเป็นครูผู้อุทิศตนเพื่อวงการศึกษาไทย

ของฯพณฯ...ฉันยินมองรูปปั้นนิ่ง และละสายตาเมื่อมือกล้องของฉัน ..

น้องมุกขยับเข้ามาใก้ล แล้วบอกว่า..ป้าต้อยถ่ายตรงนี้ดีไหม

ฉันรีบพยักหน้าแล้วยืนยิ้มอย่างสุขใจ....หลานมุกถ่ายรูปให้ฉันไว้เป็นที่ระลึก

มาถึงคุรุสภาก็เข้าไปกราบถวายพระบิดาแห่งการลูกเสือไทย

และการประถมศึกษาก่อนก่อนค่ะ

แล้วถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

น้องครูฉวีวรรณ กลิ่นจันทร์ ร่วมแสดงความยินดี

มอบช่อดอกกุหลาบสีขาว สีที่ฉันชอบ

กุหลาบช่อนี้ วันนี้ทำงานหนัก ส่งกุศลจิตที่ดีงามให้ผู้ที่มอบให้

และฉันได้มอบให้เพื่อนครูที่มารับรางวัลจากทุกมุมของประเทศไทย

 ช่อแล้ว ช่อเล่า ในช่อเดียวกัน

 

แล้วเดินเข้าห้องประชุม รำลึกถึงความหลังนานนับ30กว่าปีอีกครั้ง

แล้วก็ไปลงทะเบียนค่ะ ที่นี่ให้รับเงินค่าเดินทาง

คุณครูบางท่านมาจากเหนือสุด ใต้สุด ก็รับค่าเดินทางหลายพันบาท

เป็นค่าที่พัก ค่าเดินทาง สำหรับฉันรับค่าเดินทาง 800 บาท

ก็แจกหลานสองคน นี่ถ้าลูกมาต้องหารสาม

 

 มีรูปอีกหลายรูปที่แสดงถึงพลังแห่งความดี ความคิดสร้างสรรค์

พลังแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ เสียดายฉันทิ้งระยะเวลานาน

จนลืมไปแล้ว นึกขึ้นได้ก็หาภาพเหล่านั้นไม่เจอ

รวมทั้งเกียรติบัตรที่รับมาก็ไม่รู้ว่ามันหายไปไหนเพราะวางลืมไว้ที่โต๊ะทำงานแท้ๆ

เหลือไว้ให้ดูต่างหน้าแค่เข็มติดเสื้อและหนังสือแจ้งจากคุรุสภาเท่านั้น

 หลายวันต่อมาฉันติดต่อไปทางสกสค.เรื่องเกียรติบัตรที่หายไป

ไม่นานทางสกสค.ก็ส่งมาให้ ฉันนำไปเก็บไว้ในตู้โชว์

และเก็บมันไว้ในแฟ้มปกผ้าไหมสีชมพูที่ทางกระทรวงมอบให้

กระดาษแผ่นน้อยที่ได้รับบรรจุเรื่องราวการทำงานเพื่อเด็กน้อยและสังคม

เรื่องราวที่เสมือนการปิดทองหลังพระตลอดอายุราชการ ที่นานกว่า 30 ปีของฉัน

 

หมายเลขบันทึก: 330183เขียนเมื่อ 23 มกราคม 2010 00:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอกราบคารวะ คุณครูด้วยความเคารพอย่างสูงครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท