๓๐. รุ่นสุดท้าย


อุโบสถ คือ สถานที่ทำพิธีกรรมการอุปสมบท

 ...การอุปสมบทในครั้งนี้ จะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะพระอุโบสถหลังนี้จะต้องเคลื่อนย้ายออกห่างจากวิหารอีก ๗ เมตร ซึ่งเลยเขตวิสุงคามสีมา จะทำให้ไม่สามารถใช้พระอุโบสถหลังนี้ทำการอุปสมบทได้อีก จนกว่าจะได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ใหม่...

                  

คำกล่าวดังกล่าว ท่านพระครูเกษมพัฒนาภรณ์ ได้ให้โอวาท เมื่อครั้งที่ผู้เขียนได้ไปร่วมโครงการอุปสมบทเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ณ วัดโตนดเตี้ย  เมื่อระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๒

นอกจากนี้ ท่านยังกล่าวว่า การทำพิธีอุปสมบทครั้งนี้ ถือว่ามีผู้เข้าอุปสมบทมากที่สุดเท่าที่เคยบวชมา และเป็นที่น่าแปลกว่า...ผู้ที่เข้าอุปสมบทมีจำนวน ๑๒ รูป เท่ากับจำนวนเสาของพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ จำนวน ๑๒ ต้น พอดี เป็นเรื่องที่แปลกมาก ทั้ง ๆ ที่มีผู้จะมาร่วมโครงการจำนวนมาก แต่ปรากฎว่ามีเหตุจำเป็นต้องขอยกเลิกไป จนเหลือแค่ ๑๒ คน เท่านั้น

           

ต่อมาเมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๓ ที่ผ่าน ทางวัดจึงได้ทำพิธีเคลื่อนย้ายโบสถ์ที่ใช้ทำพิธีในวันดังกล่าว โดยมีรายละเอียดตามข่าว ดังนี้...

      ประชาชนกว่า 500 คน ร่วมกันผลักโบสถ์วัดโตนดเตี้ย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ในการเคลื่อนย้ายโบสถ์ช่วงระยะสุดท้าย จนไปถึงที่ตั้งใหม่สำ เร็จ รวมระยะทางจากจุดเริ่มต้น 7.07 เมตร

     เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่วัดโตนดเตี้ย ม.4 ต.อุทัย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ตลอดทั้งวัน มีประชาชนจากทั่วสารทิศ ที่ทราบข่าวการเคลื่อนย้ายโบสถ์อายุ 100 ปี น้ำหนัก 500 ตัน เดินทางมาชมการเคลื่อนย้ายนับพันคน จนเมื่อถึงเวลา 15.09 น. เป็นเวลามหามงคล ทางวัดได้ให้ประชาชนร่วมผลักดันโบสถ์ครั้งสุดท้ายให้เข้าที่ ระหว่างนั้นประชาชนกว่า 500 คน ได้เข้าร่วมพิธีผลักดันโบสถ์ โดยใช้เวลา 20 นาที เมื่อถึงเวลา 15.29 น. โบสถ์ได้เคลื่อนจนถึงจุดที่กำหนดเอาไว้ โดยวัดจากระยะทางเริ่มต้นได้ 7.07 เมตร การเคลื่อนย้ายโบสถ์หลังนี้ เริ่มต้นมาตั้งแต่เช้าวันที่ 9 ม.ค. หลังจากที่นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา กดปุมไฟฟ้าเริ่มเดินเครื่องการเคลื่อนย้ายโบสถ์ การเคลื่อนตัวโบสถ์ต้องเคลื่อนไปอย่างช้าๆ จนถึงจุดสุดท้าย

พระครูเกษมพัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดโตนดเตี้ย เปิดเผยว่า การเคลื่อนย้ายโบสถ์ขณะนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ต่อไปทางฝ่ายช่างที่เป็นผู้ดำเนินการการเคลื่อนย้าย จะเริ่มดำเนินการบูรณะให้เสร็จภายในเวลา 2 เดือน เหตุที่ต้องเคลื่อนย้ายโบสถ์ เนื่องจากโบสถ์อยู่ติดกับพระวิหารการจัดกิจกรรมทางศาสนาเป็นไปด้วยความลำบาก ประกอบกับพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงมีพระดำริให้บูรณะวิหารสังกะสีหลังเก่า ซึ่งอยู่ติดกับพระอุโบสถ ซึ่งขณะนี้พระวิหารได้บูรณะเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว เพื่อความสง่างามของวิหาร จึงจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายโบสถ์ โดยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงให้ข้อคิดว่าไม่ควรจะรื้อพระอุโบสถทั้งหลัง เพราะมีประชาชนที่มีจิตศรัทธาได้ร่วมกันสร้างเอาไว้ จึงอยากให้เป็นอนุสรณ์พลังความศรัทธาของประชาชน หลังจากที่บูรณะเสร็จจะทำการบูรณะปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงาม คาดว่าจะเสร็จสิ้นทันในวันสงกรานต์ปีนี้ โดยใช้งบประมาณที่อบจ.สนับสนุนเป็นเงิน 4.9 ล้านบาท และเงินที่ประชาชนมาร่วมทำบุญ

พระครูเกษมพัฒนาภรณ์ กล่าวต่อว่า ต่อไปการปฏิบัติศาสนกิจของสงฆ์ จะใช้บนหอสวดมนต์ แต่พิธีบวชพระภิกษุสงฆ์จะใช้จุดบริเวณโบสถ์ตั้งอยู่โดยกางเต็นท์ แล้วนำพระประธานมาตั้ง เนื่องจากเป็นเขตพัทธสีมาเดิม และยังไม่ได้สวดถอน ได้ประชาสัมพันธ์ให้กับชาวบ้านได้ทราบแล้วหลังบูรณะเสร็จ จะทำเรื่องขอพระราชทานเขตวิสุงคามสีมาใหม่ แล้วจะมีการฝังลูกนิมิต ซึ่งในวันที่ 31 ม.ค. จะมีพิธีอุปสมบทพระ

นายธเนศ วีระศิริ รองเลขาธิการวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ผู้ควบคุมการเคลื่อนย้าย กล่าวว่า การดำเนินการเคลื่อนย้ายครั้งแรกติดขัดเคลื่อนได้ครั้งละประมาณ 6-7 ซ.ม. และต้องรอเวลาให้ตัวไฮดรอลิกหยุดพัก เนื่องจากมีความร้อน ต่อมาได้อธิษฐานขอบารมีของพระประธานในพระอุโบสถให้ช่วยการทำงานเป็นไปด้วยความสะดวก จากนั้นการเคลื่อนตัวของโบสถ์สามารถเคลื่อนตัวได้เร็วขึ้นไม่ติดขัด และไม่พบปัญหาอุปสรรคใดๆ เป็นเรื่องที่อัศจรรย์เป็นอย่างมากทำให้ตนมีความศรัทธา

ที่มา: 
ข่าวสด

 

หมายเลขบันทึก: 329354เขียนเมื่อ 19 มกราคม 2010 23:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อนุโมทนา สาธุ กับ ผอ.กรม ที่ได้เข้าพิธีอุปสมบท ด้วยอานุภาพแห่งผลบุญจะส่งผลให้ชีวิตหน้าที่การงานเจริญรุ่งเรือง นะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท