ห่างหายจากหน้าจอ go to know ไปหลายเพลา คงไม่ต้องบอกสาเหตุนะคะ คนส่วนใหญ่หากไม่ได้ติดตามและไม่ได้เขียนก็ด้วยเหตุผล....ไม่มีเวลา งานยุ่ง แต่สำหรับตัวเอง Notebookมีปัญหา เมื่อไม่ได้เขียนนาน ๆ ก็เขียนไม่ออก ต้อง บิวอารมณ์กันใหม่ นั่นเป็นบทเรียนอย่างหนึ่งว่าหากเราทิ้งอะไรไปนาน ๆ จะเริ่มต้นใหม่เป็นอะไรที่ยากส์...อยู่เหมือนกันดังนั้นเราต้องพยายามทำสิ่งที่ต้องการให้เป็นกิจวัตร เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง เนี้ยเลยนึกต่อไปยังเรื่องออกกำลังกายเลยนะเนี้ย สงสัยต้องชักชวนกันออกกำลังกายก่อนกลับบ้านพร้อม ๆ กันซะแล้ว ตอนนี้ดร.หมุ่ยเริ่ม Start ไปแล้ว
กลับมาเรื่องอยากเล่าดีกว่า เมื่อวานนี้เป็นวันเด็กได้มีโอกาสกลับไปอยู่กับลูกสาวที่หาดใหญ่ เพราะปีนี้ตัวเองไม่มีหน้าที่ในการจัดกิจกรรมวันเด็กของศูนย์อนามัยที่ 12 ที่จัดร่วมกับเทศบาลนครยะลา และหน่วยงานต่างในจังหวัด ซึ่งมีการจัดเพื่อให้เด็กได้มีกิจกรรมสร้างสรรค์ กระตุ้นให้เด็กกล้าแสดงออก ส่งเสริมพัฒนาการ และสนุกสนาน ในปีที่ผ่านมาภายในงานมีการตรวจตราอย่างละเอียด มีเครื่อง Scan เหมือนที่สนามบินวางไว้ที่ช่องทางเข้า นอกจากนี้ยังมีตำรวจ ทหาร ทั้งในและนอกเครื่องแบบดูแลความสงบไม่ให้ผู้ก่อความไม่สงบมาวางระเบิดได้
อีกแล้ว หลุด ไปเรื่องอื่นอีกแล้ว จริง ๆ อยากเล่าว่าตัวเองได้ใช้เวลาในวันหยุดทำภารกิจส่วนตัว และร่วมกับลูกสาวได้เยอะมาก ตั้งแต่ชวนกันไปซื้ออุปกรณ์การทำขนมโดนัทที่ร้านขายอุปกรณ์ เบเกอรี่แห่งหนึ่งในหาดใหญ่ โอ้โห....ละลานตาไปหมด อุปกรณ์ เครื่องมือสำหรับทำอาหาร/ขนมครบครัน หากใครจะฝึกทำขนม หรือเปิดร้านขาย รับรองไม่ต้องไปหาจากหลาย ๆ ร้าน ไม่ว่าจะเป็นถุง กล่องกระดาษ กล่องพลาสติก โฟม ทุกขนาด อ้อเกือบลืมบอกว่า พนักงานของร้านก็น่ารัก ปล่อยให้เราแม่ลูกและเพื่อนลูกสาวเดินเลือกชม เลือกซื้อกันอย่างสนุกสนาน แต่หากสงสัยหาอะไรไม่เจอเค้าจะรีบเดินนำไปดูอุปกรณ์นั้น ๆ เดินเลือกซื้อกันจนเกือบไปส่งลูกเรียนหนังสือไม่ทัน
ที่คิดทำขนมโดนัทนั้นสืบเนื่องจากว่าได้ซื้อเครื่องอบขนมโดนัทให้เป็นของขวัญปีใหม่ให้ลูกสาว คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ที่ต้องช่วยกันทำ การทำขนมฝรั่ง (เบเกอรี่) ต้องใช้อุปกรณ์หลายอย่างแต่ละอย่างต้อง ชั่ง ตวง วัด ให้ได้ตามสูตร สูตรที่ได้จากพี่ถนอมจิตร์มีทั้งหน่วยที่เป็นน้ำหนัก และ หน่วยที่เป็นปริมาตร คราวนี้พอเป็นน้ำหนักก็เดือดร้อนเพราะไม่ได้เอาตาชั่งทำขนมมาจากบ้านยะลาต้องใช้วิธีตวงน้ำตาลทราย 1 กก. (ถุงสำเร็จเป็น 1 กก.อยู่แล้ว) ปรากฏว่า
น้ำตาล 1 กิโลกรัม (1,000 กรัม) ตวงได้ 5 ถ้วยตวง
แป้งเค้ก 1 กิโลกรัม (1,000 กรัม) ตวงได้ 10 ถ้วยตวง
(อาจไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ หรือ คนทำมืออาชีพก็ได้นะคะ) แต่ตัวเองก็ใช้วิธีนี้ตวงน้ำตาลและแป้งให้ได้ 500 กรัม และจัดสัดส่วนส่วนผสมให้ได้ตามสูตร ร่วมกันลงมือทำระหว่างแม่ ลูก เพื่อนลูกสาว ส่วนคุณพ่อเพิ่งกลับจากนราธิวาส คอยเป็นเบื้องหลังการถ่ายทำ คือชิม.... ผลของการทำเป็นที่สนุกสนานและอิ่มท้องของคนทำ และคนชิม เผื่อแผ่ไปถึงเพื่อน ๆ ของลูกสาวที่เอาไปให้ชิมหลังจากที่ตกลงปลงใจพร้อมกันว่ารสชาติ OK แต่ยังเทียบไม่ได้กับเจ้าของตำหรับ ป้าถนอมจิตร์ ของน้องพลอย จนน้องพลอยถามว่า “ ป้าถนอมจิตร์ ใช้สูตรนี้ทำรึเปล่า ทำไมอร่อยกว่าของเราเยอะ ทั้งที่ใช้เพียงส้อมตีไข่ ไม่ต้องใช้ที่ตีแบบเราเลย” จึงต้องบอกว่าการทำอาหาร และ ขนม มันมีเทคนิกที่เราจะต้องฝึกฝน ปรับปรุง พัฒนาต่าง ๆ จนได้ที่ เราอาจจะตีไข่นานไป หรือผสมอุปกรณ์อะไรที่เร็วไป ช้าไป ไม่พอดี หรือทำหนักมือ เบามือไป ไม่เป็นไรครั้งนี้เป็นบทเรียนที่จะนำไปปรับในคราวหน้า......ถึงจะไม่สวยมากแต่รสชาติก็เร้าใจนะ....
หลังจากช่วยกัน PACK ใส่กล่องเตรียมแจกเพื่อนแล้ว เราก็มาช่วยกันเก็บ ล้างทำความสะอาด การใช้เวลาร่วมกันทำกิจกรรมระหว่างครอบครัวทำให้เราได้ปลูกฝังอะไรหลาย ๆ อย่างให้กับเด็ก ไม่ว่าจะเป็นการมีทักษะในการใช้อุปกรณ์เครื่องครัว การเก็บทำความสะอาด และการรักการทำอาหาร เพราะไม่ว่าในยุคสมัยใดดิฉันยังเชื่อเรื่อง “เสน่ห์ปลายจวัก”อยู่อีกค่ะ
ไม่มีความเห็น