แง่คิดจากลุงพนัส คนบอกบุญในรายการคนค้นฅน


“ยิ่งให้ยิ่งได้” คือได้ละวาง ได้ฝึกตนให้เป็นคนไม่ละโมบ
สำหรับผม รายการคนค้นฅนเป็นรายการที่ดีมาก แต่ไม่เหมาะที่จะดูกับภรรยาผมในตอนนี้เพราะเธอกำลังตั้งครรภ์ เกรงว่าดูแล้วจะเครียด ส่งผลต่อจิตใจเด็กในท้อง เวลาดูทีวีด้วยกันกับเธอ เราก็มักจะเปลี่ยนช่องไปดูรายการเบาสมองแทน คงจะรอจนกว่าลูกจะคลอดถึงจะชวนเธอมาดู
            จากแม่ฮ่องสอน วันนี้ผมมีธุระกลับมาบ้านที่เชียงใหม่ กะว่าจะนอนอยู่แล้วเชียวเพราะขับรถฝ่าฝนจากเมืองสามหมอก จากบ่ายสองกว่าจะมาถึงเชียงใหม่ก็ค่ำ ชักเพลียๆ  แต่เปิดดูรายการคนค้นฅนก็พบว่ามีเนื้อหาที่สร้างพลังใจมากมาย ดูแล้วเลยติดตามจนดึก
             ผมคิดว่าหลายๆคนคงได้ดูรายการนี้เมื่อคืน ลุงพนัส ใจภักดี คนบอกบุญแห่งเมืองอุตรดิตถ์ ผู้หันหลังจากอาชีพพนักงานธนาคารเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน มาทำงานรับใช้พุทธศาสนา แต่ไม่ใช่ในรูปของการบวชพระ หากแต่เป็นการขับรถตระเวนประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ชาวบ้านร้านตลาดในชุมชนต่างๆออกมาทำบุญในวันพระ เวลาว่างก็ไปบรรยายธรรมให้กับนักเรียนโดยไม่คิดค่าตอบแทน  และเปิดร้านอาหารมังสะวิรัตบุปเฟ่ต์ มื้อละ 10 บาทแบบพออยู่พอกินแต่อิ่มบุญ ของเหลือขายไม่หมดก็เอาไปแจกจ่ายคนยากจน
            เมื่อพิธีกรถามว่าคุณลุงเสียสละเพื่อคนอื่นอย่างนี้ ไม่กลัวลำบากบ้างหรือ คุณลุงพนัสบอกว่า “ยิ่งให้ยิ่งได้” คือได้ละวาง ได้ฝึกตนให้เป็นคนไม่ละโมบ  คุณลุงพูดฉะฉาน พูดไปยิ้มไป
และเมื่อเราตั้งมั่นจะทำดี ไม่ต้องห่วงเรื่องวิถีทาง วิถีทางมันจะมาเอง “ขอให้มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน” ถ้าคิดเสียว่าจะทำดีวันพรุ่งนี้ บางทีอาจจะไม่ได้ทำแล้ว เพราะชีวิตคนเราไม่แน่นอน
            “ไม่รีรอที่จะทำความดี” เป็นสิ่งหนึ่ง ที่”ครู” ผู้นี้ชี้แนะ ลุงมนัสว่าเหตุที่ลาออกจากงานประจำนั้นเพราะคิดว่า ถึงจะใช้เวลาว่างจากงานประจำมาทำการบอกบุญ แต่มันไม่เต็มที่ สู้ออกมาทำเต็มตัวไม่ได้ อีกอย่างก็ไม่รู้ตัวจะตายเมื่อไร ฉะนั้นเด็ดขาดออกมาเลยดีกว่า
            เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่มีคนที่ติติงว่าแกบ้าบ้าง เสียสติบ้าง แกก็ว่า ขึ้นชื่อว่าอยู่กับคนก็ต้องทำใจ มันเป็นธรรมดา อย่าไปยึดมั่นถือมั่นดีกว่า และถ้าเราพิจารณาแล้วเห็นว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นความดี เป็นความสุขแก่ส่วนรวมจริง ความสุขในที่นี้ไม่ใช่ความสุขวูบวาบแบบทางโลกย์แบบอยากได้ อยากมี อยากเป็น แต่ถ้าเห็นว่าเป็นสุขที่ยั่งยืน คือทางไปสู่นิพพานได้ อันนี้ถึงได้ทำ
            ดูเรื่องราวของลุงพนัส แล้วทำให้นึกถึงท่านพุทธทาสภิกขุ โดยเฉพาะคำสอนที่มุ่งเน้นการขจัด “ตัวกูของกู” ซึ่งเป็นกิเลสชั้นหนาของมนุษย์ ซ้ำร้ายที่ตัวเองมักมองไม่เห็นหรือรู้ไม่เท่าทันกิเลสตัวนี้ 
          ผมคิดว่าแม้จะมีงานยุ่งเพียงใด ตัวเองต้องหาเวลาลา ไปศึกษาธรรมะเพิ่มขึ้นบ้างแล้ว 
คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 32556เขียนเมื่อ 31 พฤษภาคม 2006 17:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 20:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
ขอขอบคุณ คุณยอดดอย ที่ส่งผ่านสิ่งดีๆ มาถึงผมครับ.. ทำดีได้ไม่ต้องเดี๋ยว..
ผมพยายามอยู่ครับ

ผมไมได้ชมรายการที่ว่าเลย ก็ต้องขอขอบคุณพี่ยอดดอยที่นำมาสรุป-ย่อย  ให้

น่าสนใจและดีมากเลยครับ

ไม่ได้ดู ขอบคุณนะคะที่เมตตาบอกเล่าให้ได้ร่วมรับรู้ เป็นแรงใจที่ดีค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท