ผมได้อ่านประวัติของโรงแรมกลุ่ม Holiday Inn ครับก็ต้องถึงครับว่าที่นี่เป็นนวัตกรมมด้านการโรงแรมครับ เกิดจากสมัยก่อน มีนักธุรกิจคนหนึ่งพาครอบครัวไปเที่ยว แล้วพยายามหาที่พัก ปรากฏกว่าโรงแรมสมัยก่อน เป็นเพียง “ที่พักค้างคืน” ห้องน้ำก็ไม่ดี ที่นอนก็งั๊นๆ เอาไว้สำหรับเซลล์แมนนั้น ไม่มีสระน้ำ ไม่มีอะไรดีครับ เขารู้สึกรำคาญ และตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ทำไมไม่มีโรงแรมที่เหมาะสำหรับการไปพักเป็นครอบครัว ที่เด็กๆ สามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขบ้างนะ” และนี่เลยกลายเป็นโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ที่ครอบครัวสามารถไปพักได้ มีสระน้ำ สะอาด ปลอดภัย เพียงไม่กี่ปีโรงแรมฮอลิเดย์อินน์ที่ขยายตัวไปนับร้อยแห่ง โรงแรมทั่วไปเริ่มเลียนแบบ และต่อมากลายเป็นหลักสากลครับ
เรื่องนี้สามารถมองจากคำว่า “คุณค่า” ได้ครับ คุณค่าเป็นอะไรที่เกินกว่าคุณภาพครับ ก่อนจะเดินเรื่องต่อไปขอพูดถึงเกณฑ์การตัดสินคุณค่าหน่อยครับ
ระบบการให้คุณค่า 4 แบบของ Dr. Edward De Bono คือ
(Me Value) คุณค่าตามมุมมองของเรา
(Mate Value) คุณค่าตามมุมมองของเพื่อนของเรา
(Morale Value) คุณค่าตามมุมมองตามหลักศาสนา จริยธรรม
(Mankind Value) คุณค่าตามมุมมองหลักสากล
สรุปเรื่องนี้สั้นๆตามระบบคุณค่าของ Dr. Edward De Bono ได้คือ
นักธุรกิจคนหนึ่งรู้สึกว่า คุณค่าของโรงแรมที่แท้จริงคือ โรงแรมต้องเป็นที่ที่ครอบครัวพักได้อย่างมีความสุข (Me Value) ทั้งๆที่โรงแรมสมัยนั้นไม่เคยมีใครให้ความใส่ใจเรื่องนี้ (Mate Value) ซึ่งไม่ผิดศีลธรรม (Morale Value) ในระดับสากลก็ยังไม่มีใครทำ (Mankind Value) เขาเลือกที่จะทำโรงแรมในแบบที่เน้นคุณค่าที่ใครก็ยังมองไม่เห็น (Me Value) สักพักก็มีคนทำตาม (Mate Value) ปัจจุบันกลายเป็นคุณค่าสากล (Mankind Value) ไปแล้ว เจ้าของประสบความสำเร็จจนกลายเป็นตำนานไปเลย
เส้นทางเดินสู่ความสำเร็จของมนุษย์ที่เป็นผู้สร้างนวัตกรรมระดับตำนาน จึงเริ่มจาก Me Value ซึ่งมักขัดกับ Mate Value และ Mankind Value หากแต่ไม่ขัดกับ Morale Value
ลองดูตัวอย่างอื่นก็ได้
อดีตรองประธานาธิบดีอัล กอร์ได้รับรางวัลโนเบล เพราะสนใจเรื่องโลกร้อนมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย (Me Value) ในขณะที่ไม่มีใครสนใจ (Mate Value) จนกระทั่งกลายเป็นกระแสโลก (Mankind Value) ประเทศไหนเพิกเฉยจะถูกมองว่าไม่มีศีลธรรม (Mankind Value)
ไกล้ตัวหน่อยก็คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย เคยเป็น CEO บริษัทโฆษณาต่างชาติ สาขาประเทศไทย บริษัทนี้เคยทำงานโฆษณาให้บริษัทเหล้า แต่คุณดนัยยึดมั่น ในเรื่อง Morale Value ถึงกับยืนยันว่าถ้าให้โฆษณาให้บริษัทเหล้าก็ลาออก (Me Value) บริษัทในต่างประเทศต้องปวดหัว เพราะบริษัทโฆษณาไม่มีใครปฏิเสธอย่างนี้มาก่อน และอาจกระทบกับเครือบริษัทในต่างประเทศด้วย (Mate Value) แต่ก็ยอมในที่สุด เพราะคุณดนัยเก่ง และในที่สุด บริษัทก็ได้งาน จากกระทรวงสาธารณสุขประเภทงดเหล้าเข้าพรรษาไป ก็เลี้ยงตัวเองได้เช่นกัน คุณดนัยปัจจุบันเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ DMG ที่พิมพ์หนังสือเรื่อง “เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน” และล่าสุดได้สร้างนวัตกรรมทางความคิดอีกด้วยการเขียนหนังสือ White Ocean Strategy ที่เสนอให้คนใช้ Morale Value เป็นหลักคิดในการทำกลยุทธ์ พร้อมมีตัวอย่างบริษัทดีๆ ที่ประสบความสำเร็จ โดยการใช้ Morale Value ในไทยให้ดู
คุณล่ะคิดอย่างไร
อ้างอิง:Edward De Bono’ s Thinking Course
สุดยอดครับอาจารย์ แสดงว่าการที่เราจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราสนใจได้นั้น
เราต้องเป็นผู้นำในด้านนั้นๆ ซึ่งสามารถมองเห็นคุณค่า (Me Value) ในสิ่งที่คนอื่นยังมองไม่เห็น (Mate Value)
ซึ่งไม่ขัดกับศีลธรรม ( Morale Value ) ซึ่งถ้าเรามองคุณค่านั้นไม่ผิด สิ่งที่เราทำก็จะกลายเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
( Mankind Value ) ต่อไป ถูกต้องไหมครับ ^^
ใช่ไพรัชช์ ขอให้คุณสนุกกับการคิดอะไรใหม่ๆนะ
เห็นอะไรชัดเจนขึ้นเลยครับ
บ้างครั้งผมก็ลังเลในสิ่งที่ผมทำ(Me Value)เพราะ Mate Value ไม่ค่อยจะมีคนสนใจสักเท่าไหร่แถมไม่ค่อยสนับสนุนเท่าไหร่
ทั้งๆที่สิ่งที่ผมทำนั้นไม่ได้ผิด Morale Value เลย และ Mankind Value สำหรับผมนั้น ยังห่างจากที่ผมคิดไว้อีกเยอะเลยครับ
ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่คุณทำ
รชานนท์
บางทีการที่ผมมีไอเดียดีๆ แต่คนอื่นไม่ค่อยเห็นด้วยโดยเฉพาะเพื่อนหรือคนใกล้ตัวของผม
ผมก็จะคิดว่าโอกาสทองกำลังมาหาแล้ว เพราะ ไม่มีใครเห็นในสิ่งที่ผมเห็น ต้องเสี่ยงดูสักหน่อยแล้ว !!!!