วันที่กลับมาจากเมืองนอก แม่พาไปซื้อกางเกง สาวพนักงานขายวัดเอวผมได้ 31 นิ้ว เขาแนะนำให้ซื้อเอว 33 นิ้ว ด้วยเหตุผลที่ว่า "เผื่ออ้วน" ผมก็ขำๆ แต่ก็เชื่อเขาแต่โดยดี ปรากฏว่าไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง กางเกงที่มีขนาดเอว "เผื่ออ้วน" ก็ใส่ไม่เข้าครับ น้ำหนักตอนนั้นอยู่แถวๆ 82 กิโล
อย่างไรก็ดี ในช่วงต้นๆ ของการทำงานนั้นปรากฏว่าเงินเดือนไม่พอใช้ครับ (เงินเดือน 7-8 เดือนแรกก็ไม่ออก ต้องใช้เงินที่สะสมมาตั้งแต่ตอนเรียนไปพลางๆ) งานก็หนัก แถมผมยังบ้าทำงานวิจัย บ้าสอนหนังสือ และมีแก๊งค์ตีแบดที่ตีกันอาทิตย์ละ 2 วัน ผมกินข้าววันละ 2 มื้อเหมือนเคย และได้เตะบอลกับพวกลูกศิษย์ป.โท บ้างเป็นครั้งคราว ทำให้ช่วงนี้แค่อวบๆ แต่ไม่ "อ้วนมาก" ครับ
ความเครียดเกิดขึ้นมากมายในชีวิต ทั้งปัญหาการเงิน ปัญหาครอบครัว สุขภาพของแม่ไม่ค่อยดีต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล ทำให้ช่วงนี้ผมผอมลงนิดหน่อย อีกทั้งอนาคตเริ่มไล่ล่าเรา เพราะต้องเตรียมสร้างครอบครัว คิดถึงเรื่องซื้อบ้าน ซื้อรถ เรื่องแต่งงาน เรื่องที่ต้องใช้เงินเยอะแยะ แต่ไม่รู้จะไปหาเงินมาจากไหน มันเครียดๆๆๆๆๆๆ สุดๆ ไปเลยครับ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพายุผ่านไป ท้องฟ้าก็สดใสครับ เหมือนมีคนมาปิดสวิทช์ความโหดร้ายของชีวิต จู่ๆ เรื่องเครียดๆ ก็มลายหายไปหมด พอชีวิตเริ่มสบาย รายได้เพียงพอกับรายจ่าย มีเหลือเก็บบ้าง แรงจูงใจต่างๆ ก็ลดลง เที่ยวมากขึ้น กินมากขึ้น บางปีแทบไม่ได้เล่นกีฬาใดๆ เลย เอวก็ขยายเรื่อยๆ จาก 34 เป็น 36 จนถึง 38 นิ้วในที่สุด น้ำหนักพุ่งไปถึง 89-90 กิโล บางทีรู้สึกป่วยตลอดเวลา โรคเก๊าท์เริ่มถามหา ยูริคสูงปี๊ด ไม่นับไขมัน ความดัน น้ำตาล ฯลฯ
วันนี้ผมต้องปฏิวัติตัวเองแล้วครับ ผมพยายามลงไปห้องฟิตเนสและว่ายน้ำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง พยายามกินอย่างมีสติ ลดน้ำอัดลม ขยับตัวมากขึ้น เดินมากขึ้น ด้วยความหวังว่าจะควบคุมน้ำหนักได้และน้ำหนักน่าจะค่อยลดลงนิดหน่อยครับ หวังว่าผู้อ่านจะเอาใจช่วยผมนะครับ
ที่นำเรื่องน้ำหนักมาเล่าให้ฟังเพราะว่า ปัจจุบันความอ้วนกลายเป็นเหมือนโรคที่ระบาดไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้จะยากดีมีจน ทุกคนมีสิทธิ์อ้วนได้ทั้งสิ้น นอกจากนี้ ความอ้วนยังอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาเช่น เบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ โรคไต ฯลฯ ดังนั้น ในวาระปีใหม่นี้ ผมจึงวิงวอนขอให้ผู้อ่านทุกท่านได้รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ห่างไกลจากโรคอ้วนครับ ผมคิดว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ สุขภาพสำคัญที่สุดครับ ดังพระท่านว่า "อโรคยา ปรมา ลาภา" ครับ
สวัสดีเพื่อน เราเองตอนนี้ก็เริ่มออกกำลังอย่างเอาจริงเอาจังมาได้สักพักหนึ่งแล้ว หลังจากถูกคุณหมอท่านจับไปวิ่งสายพานซะ..!!.. ขั้นต้นยังไม่หวังลดน้ำหนัก แต่หวังต่ออายุลมหายใจออกไปก่อน อ่านแล้วสนุกดี แล้วจะกลับมาเยี่ยมใหม่...
ฝากความคิดถึงน้องเอง และขอให้สุขภาพดีทั้งสองคนนะ
ขอให้มีกำลังใจ เรื่องลดน้ำหนัก กินเท่าที่อยากกิน แต่คิดบ้าง ทนบ้าง ว่า กินทำไม ไม่กินแล้วอยู่ได้ไม๊ อยากอร่อย ความคิดก็อร่อย น้ำเปล่าก้อร่อย ข้าวเปล่าที่ร้อนๆหนึ่งจาน ผัก สดและต้ม บูดูหรือนำพริก ปลาปิ้งสักตัว ทุกวันทุกมื้อที่ไม่ได้ไปสังคม กลั้นใจเปิบกะมือ แล้วจะรู้ว่า ชีวิตที่ผ่านมา เราไม่ได้ใช้ ศิล สมาธิ ปัญญา ในเรื่องนี้แม้แต่นิด เราน่าจะขาดความฉลาดและน่าจะโง่นะ
เคยใช้วิธีลดน้ำหนักหลายวิธีค่ะแต่วิธีที่ดีที่สุด ก็คือการกินให้น้อยลง ลดน้ำหวาน ลดกาแฟค่ะ