การบริหารงานโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์


การบริหารจัดการที่เป็นระบบมุ่งเน้นที่ผลสัมฤทธิ์หรือผลการปฏิบัติงานเป็นหลัก โดยมีการวัดผลการปฏิบัติงานที่ชัดเจนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

การบริหารงานโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์*

(Results  Based  Management  -  RBM)

 

        การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์  เป็นเทคนิควิธีการบริหารจัดการสมัยใหม่ที่นำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์และวิธีการบริหารงานไปจากเดิมที่ให้ความสำคัญต่อทรัพยากรหรือปัจจัยนำเข้า  (input)  และอาศัยกฏระเบียบ  เป็นเครื่องมือในการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความถูกต้อง  สุจริตและเป็นธรรม  โดยหันมาเน้นถึงวัตถุประสงค์และสัมฤทธิ์ผลของการดำเนินงานทั้งในแง่ของผลผลิต(Output)  และผลลัพธ์ (Outcome)  และความคุ้มค่าของเงิน (Value  for  money)  รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพและสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้รับบริการ

       การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์  (Results  Based  Management  -  RBM)  แยกออกเป็น     

                     ผลสัมฤทธิ์    =      ผลผลิต    +     ผลลัพธ์

                (RESULTS)         (OUTPUTS)     (OUTCOMES)

การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์คืออะไร

      คือ  วิธีการบริหารจัดการที่เป็นระบบมุ่งเน้นที่ผลสัมฤทธิ์หรือผลการปฏิบัติงานเป็นหลัก  โดยมีการวัดผลการปฏิบัติงานที่ชัดเจนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

ที่มาของการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์  มาจากแนวคิดของการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ (New Public  Management : NPM )  (3  E)  ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญต่อ
  • ความประหยัด (Economy) การใช้ต้นทุนหรือทรัพยากรการผลิตอย่างเหมาะสม  และมีความคุ้มค่าที่สุด
  • ประสิทธิภาพ  (Efficiency)  ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้ได้ผลงานในระดับที่สูงกว่าปัจจัยนำเข้า
  • ประสิทธิผล  (Effectiveness)  ประสิทธิผลการปฏิบัติงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

    และการบริหารงานโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์นั้นต้องใช้หลักการบริหาร มีหลักปฏิบัติ  6  ประการ แต่การบริหารงานโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์นั้นนำมาใช้เพียง  4  หลักปฏิบัติตั้งแต่ข้อ  3  ถึง  ข้อ  6

1. หลักนิติธรรม  (Rule  of  Law)  หมายถึง  การตรากฎหมายที่ถูกต้องเป็นธรรม  การบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย  การกำหนดกฎ  กติกาและการปฏิบัติตามกฎ  กติกาที่ตกลงกันไว้อย่างเคร่งครัดโดยคำนึงสิทธิ  เสรีภาพ  ความยุติธรรมของสมาชิก

2.  หลักคุณธรรม  (Ethics)  หมายถึง  การยึดมั่นในความถูกต้องดีงาม  การส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนพัฒนาตนเองไปพร้อม ๆกัน  เพื่อให้คนไทยมีความซื่อสัตย์  จริงใจ  ขยัน  อดทน  มีระเบียบวินัย  ประกอบอาชีพสุจริตจนเป็นนิสัยประจำชาติ

3.   หลักความโปร่งใส  (Transparency)  หมายถึง  การสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันของคนในชาติโดยปรับปรุงกลไกการทำงานขององค์กรทุกวงการให้มีความโปร่งใส

4.  หลักการมีส่วนร่วม (Participation)  หมายถึงการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้และเสนอความเห็นในการตัดสินใจปัญหาของประเทศ  ไม่ว่าด้วยการแจ้งความเห็น  การไต่สวนสาธารณะการประชาพิจารณ์  การแสดงประชามติหรืออื่น ๆ

5.  หลักความรับผิดชอบ  (Accountability)  หมายถึง  การตระหนักในสิทธิหน้าที่ความสำนึกในหน้าที่รับผิดชอบ  ตลอดจนการเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่าง  และความกล้าที่จะยอมรับผลดีและผลเสียจากการกระทำของตน เช่น  รับผิดชอบต่อลูกค้า  ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องยอมรับต่อผลการดำเนินการ

6.  หลักความคุ้มค่า  (Utility)  หมายถึงการบริหารจัดการและใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวม  โดยรณรงค์ให้คนไทยมีความประหยัด  ใช้อย่างคุ้มค่าสร้างสรรค์สินค้า  และบริการที่มีคุณภาพสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก  และรักษาพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ยั่งยืน RBM  :  Results  เกี่ยวข้องกับทุกกระบวนการของการบริหาร  ได้แก่ PDCA ;  Plan  ต้องกำหนดวัตถุประสงค์/เป้าหมายชัดเจน (ต้องการผลสัมฤทธิ์อะไร)  ;  Do   ปฏิบัติมุ่งให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่วางแผนไว้  ;  Check  วัดว่าปฏิบัติได้ผลสัมฤทธิ์ตามที่วางแผนหรือไม่ (KPI ชัดเจน)  และAct  ปรับปรุงแก้ไขให้ได้ผลสัมฤทธิ์ตามที่วางแผนไว้

  การติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน  (Performance  Monitoring)  เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งเพราะเรื่องนี้  เป็นกระบวนการวัดผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง  เป็นการกำกับ  ตรวจสอบการใช้ทรัพยากรในการปฏิบัติงาน  สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับโครงการของรัฐได้  โดยมีประโยชน์ของการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน อันได้แก่  กระตุ้นให้เกิดการสื่อสารระหว่างกัน  ปรับปรุงการกำหนดนโยบาย  สามารถแสดงภาพรวมของสถานภาพ  สนับสนุนการวิเคราะห์แนวโน้มผลการปฏิบัติงาน                                                 

                การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์  เกี่ยวข้องกับการกำหนด

  • วิสัยทัศน์  (Vision)  คือ  ภาพที่องค์การต้องการจะเป็นหรือเป็นเป้าประสงค์โดยรวมที่องค์การต้องการ  ณ  เวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต
  • พันธกิจ  (Mission)  เป็นหลักการพื้นฐานจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งองค์การและขอบข่ายการดำเนินงานขององค์กร
  • ปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จ  (Critical  Success  Factor)  “สิ่งที่เราต้องการทำให้มีหรือให้เกิดขึ้นเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ขององค์กรคืออะไร”  ถ้าหากว่า เรากำหนดวิสัยทัศน์ขององค์กรไว้แล้ว  การที่เราจะบรรลุวิสัยทัศน์นั้นเราต้องทำอะไรบ้างหรือมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง  องค์กรจึงจะบรรลุวิสัยทัศน์   ฉะนั้นจึงต้องมีเกณฑ์การกำหนดปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จ  ดังนี้  เกี่ยวข้องกับผลสัมฤทธิ์โดยมุ่งความสำคัญที่ผลผลิตและผลลัพธ์  เชื่อมโยงกับวิสัยทัศน์  พันธกิจ  และวัตถุประสงค์ขององค์กร  มีความเฉพาะเจาะจงและสามารถเข้าใจได้  เป็นที่ยอมรับจากระดับผู้บริหาร  อยู่ภายใต้อิทธิพลการควบคุมขององค์กร  ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลัก
  • ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลัก  (Key  Performance  Indicator)  “เราจะวัดความก้าวหน้าของการบรรลุปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จได้อย่างไร”  ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลัก  คือสิ่งที่สะท้อนว่า  เราจะวัดอะไร  อะไรที่แสดงถึงความก้าวหน้าของเรา  ในการกำหนดตัวชี้วัดมีข้อที่จะต้องคำนึงถึงเช่นกันว่า  เวลากำหนดขึ้นมานั้นจะต้องรับได้ไหม  วัดได้จริง ๆไหมแล้วจะต้องทำได้  และบรรลุได้  ทำความเข้าใจได้  ตรวจสอบได้  วัดได้ภายในเวลาที่กำหนด  หากจะจำง่าย ๆนั้นก็คือ  SMART    เป็นการกำหนดตัวชี้วัด  เกณฑ์การกำหนดตัวชี้วัด  มีดังนี้

O    สามารถวัดผลการปฏิบัติงานได้จริง

O    สามารถบรรลุได้  มีความสมเหตุสมผลที่จะใช้เป็นตัวชี้วัด  ไม่วัดในสิ่งที่อยู่นอกเหนือจากความสามารถของส่วนราชการ

O    สามารถสื่อสารทำความเข้าใจได้ตรงกัน  มีความเฉพาะเจาะจง

O    สามารถตรวจสอบได้

O    สามารถวัดผลได้อย่างเท่าเทียมกัน  ผลงานเหมือนกันควรใช้ตัวชี้วัดเดียวกัน

O    สามารถวัดผลการปฏิบัติงานภายในเวลาที่กำหนด

การกำหนดตัวชี้วัดต้องกำหนดอย่าง  SMART  (S  pecific-  ฉพาะเจาะจง  ชัดเจน  ; M  easurable-  สามารถวัดได้ ;  A  chievable -  สามารถบรรลุได้ ; R  ealistic -  สอดคล้องกับความเป็นจริง ; T  imely -  วัดได้เหมาะสมตามช่วงเวลาที่กำหนดพอเป็นตัวชี้วัดแล้วก็ต้องมาดูการแสดงค่าให้ชัดเจน) ดังนั้น  ตัวชี้วัดที่ชัดเจนที่ดีจะต้องแสดงค่าที่แสดงออกมาเป็นตัวเลขอันใดอันหนึ่ง เช่น  เป็นร้อยละ  (Percentage)  อัตราส่วน  (Ratio)    ค่าเฉลี่ย  (Average  or  Mean)  จำนวน  ( Number) อัตรา  (Rate)   และสัดส่วน  (Proportion)

ประโยชน์ของ  RBM  ที่ผู้บริหารนำมาใช้ในราชการ  มีดังนี้  เป็นเครื่องมือในการติดตามงาน  เป็นเครื่องมือในการจัดสรรทรัพยากร  ผู้บริหารระดับสูงจะทราบว่าองค์กรอยู่  ณ  ตำแหน่งใด  สนับสนุนให้องค์กรมีวิสัยทัศน์

ข้อเสนอแนะในการนำระบบนี้มาใช้

1. บุคลากรมีความเข้าใจ

2. ลดความยุ่งยากในการเก็บข้อมูลการประมวลผล

3. กำหนดตัวชี้วัดที่สำคัญ

4. ผู้บริหารเห็นความสำคัญนำไปใช้ประโยชน์

5. มีทีมงานที่มีความสามารถ

ปัญหาและแนวทางแก้ไข

                ปัญหาที่พบ

1. ความไม่เข้าใจของเจ้าหน้าที่

2. ปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น  (เก็บข้อมูลทุกวัน)

3. การวิเคราะห์ผลการปฏิบัติงาน

แนวทางแก้ไข

1. จัดอบรมสัมมนาปีละ  2  ครั้ง  ทำเอกสารคู่มือ  VDO  ออกติดตามงาน

2. ตั้งทีมงาน  กระจายงาน  เฉพาะงานที่จำเป็น

3. ประชุมวิเคราะห์ผลร่วมกัน มีประโยคที่น่าสนใจอยู่  3  ประโยคฝากไว้สำหรับผู้ที่จะก้าวเป็นนักบริหารในอนาคตต่อไป

                1.  If  you  can’ t  measure,  you  can’ t  manage   วัดไม่ได้  บริหารไม่ได้

                2.  If  you  can’ t  measure,  you  can’ t   improve  วัดไม่ได้  พัฒนาไม่ได้

                3.  What  gets  measured,  gets  done  สิ่งไหนที่วัด  สิ่งนั้นคนจะสนใจ

  การบริหารงานโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์นั้นจะสำเร็จได้ต้อง  มีพื้นฐานของการสื่อสารที่ดี  การมีส่วนร่วม  และการมีความมุ่งมั่นต่อความสำเร็จของบุคลากร โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. การเตรียมการพัฒนาระบบ  RBM 
  2. การพัฒนาระบบ  RBM
  3. การติดตามและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ทั้ง  3  ข้อ  เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วจะเป็นการสร้างวัฒนธรรมการบริหารผลการปฏิบัติงานได้ต่อไป

เป้าหมายในการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์การใหม่มี  ดังนี้

        ภาษาอังกฤษใช้คำว่า  I  AM  READY  ย่อมาจาก

                     *    I   (Intergrity)              การทำงานอย่างมีศักดิ์ศรี

                     *    A   (Activeness)           ขยัน  ตั้งใจทำงาน

                     *    M  (Moral)                    มีศีลธรรม

                     *    R   (Relevancy)            มีการเรียนรู้และปรับตัวให้ทันกับปัญหา

                     *    E   (Efficiency)            การทำงานที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพ

                     *    A   (Accountability)    การมีความรับผิดชอบต่อผลงาน

                     *    D   (Democracy)         มีใจและการกระทำที่เป็นประชาธิปไตย

                     *    Y   (Yield)    มีผลงานเป็นที่ประจักษ์และปฏิบัติงานโดยเน้นผลสัมฤทธิ์

หมายเลขบันทึก: 323812เขียนเมื่อ 29 ธันวาคม 2009 10:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 23:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

แนวคิดการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์มีประโยชน์ขอขอบคุณที่เสนอความรู้ดีให้อ่น Thank you

ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจ

สวัสดีค่ะ วันนี้น้องไอซ์ ครบ 3 ขวบเต็มแล้ว..มาเชิญกินหนมเค้กค่ะ..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท