สไบน้อง...แทนกาย


สไบน้อง...แทนกาย

   

 วันเสาร์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสฟังเพลงไทยเพลงหนึ่งในบรรยากาศสบาย ๆ ริมแม่น้ำบางประกง  เป็นเพลงที่มีเนื้อร้องไพเราะงดงาม  น้ำเสียงของคุณชรินทร์  นันทนาคร ผู้ขับร้องเพลงนี้ก็เอื้อนอ้อนได้อารมณ์มากทีเดียว  ทำให้อยากรู้ประวัติความเป็นมาของเพลงนี้  พยามค้นคว้าอยู่นานจึงได้รู้เพียงว่าชื่อเพลง "สไบแพร" แต่งโดย สง่า  อารัมภีร์  เนื้อเพลงมีดังนี้

       สไบน้องแทนกาย                หอมมิวายคลายกลุ้ม

หอมกระถินกลิ่นประทุม                ดั่งไฟรุมสุมทรวงห่วงหา

      สไบเจ้าเอ๋ยแทนกาย             หอมมิวายคลายค่า

ทุกค่ำคืนกลืนน้ำตา                    ปวดอุราเพราะเจ้าของสไบ

      รักคนที่เขาไม่รักเรา              จึงต้องเศร้าเคล้าแต่สไบ

แสนสุดระทมใจ                        โอ้สไบขอให้เจ้าเป็นพยาน

      อกข้านี้คงต้องร้าวราน           ทรมานทุกวันคืน

แม้ชีวิตจะขมขื่น                        ข้าทนฝืนยอมรับเพียงสไบแพร

    การใช้ถ้อยคำในเพลงสไบแพร เนื้อเพลงแต่ละวรรคมีการใช้สัมผัสแพรวพราว ทั้งสัมผัสนอก สัมผัสใน ทำให้เกิดความไพเราะรื่นหู นอกจากนี้ยังมีการใช้โวหารภาพพจน์ในเนื้อร้องตอนที่ว่า " ...หอมกระถินกลิ่นประทุม  ดั่งไฟรุมสุมทรวงห่วงหา..." ก่อให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ  ด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้เพลงเก่า ๆ เป็นอมตะ ฟังคราวใดก็ยังไพเราะ

  บทเพลงนี้ทำให้หวนนึกถึงนางในวรรณคดีที่มีความหลังฝังใจกับสไบแพร  คนแรกคือนางพิมพิลาไลย สาวเจ้าคารมแห่งเมืองสุพรรณบุรี  ผู้หาญกล้าเปลื้องสไบสีทับทิมบูชากัณฑ์เทศน์กลางศาลาวัดป่าเลไลย์

"...สัปปุรุษหญิงชายครั้นได้ฟัง      เสียงสาธุดังขึ้นพร้อมหน้า

ทุกคนดลใจให้ศรัทธา                นางพิมเปลื้องผ้าทับทิมพลัน

จีบจบคำรบถ้วนสามที่                ยินดีวางลงในพานนั่น

ถวายแล้วนอบนบอภิวันท์            พิษฐานสำคัญด้วยศรัทธา

สาธุสะเดชะข้าทำทาน               ให้พร้อมยศบริวารในภายหน้า

สารพัดมั่งมีปรีดา                      ว่าแล้วนั่งฟังด้วยตั้งใจ..."

    ผ้าสไบผืนนี้ตกเป็นของเณรแก้วซึ่งเป็นผู้เทศน์กัณฑ์มัทรี

"...กอดผ้าสีทับทิมของพิมน้อง    จูบประคองหอมซาบอาบทรวงพี่..."

นางพิมพิลาไลยเปลื้องผ้าสไบบูชากัณฑ์เทศน์ด้วยความเต็มใจ  โดยมีนัยสำคัญประหนึ่งจะใช้สไบสีทับทิมเป็นสิ่งแทนตัวแทนใจให้ไว้เป็นที่ระลึก 

   ในวรรณคดีเรื่องอิเหนาก็มีเรื่องของสไบน้องแทนกายเช่นกัน  นางจินตะหราวาตีได้มอบผ้าสไบของนางแก่อิเหนาเป็นที่ระลึกเหมือนกันโดยมีนางพี่เลี้ยงเป็นผู้นำไปมอบให้กับอิเหนา  ทำให้อิเหนา

"...ซึ่งทรงแสนโศกสร้อยเศร้า      ค่อยบรรเทาทุกข์ทนหม่นไหม้

จึ่งหยิบผ้ารอยทรงทรามวัย          ภูวไนยเอาคลี่คลุมองค์

กลิ่นร่ำน้ำกุหลาบอาบอบ              หอมตรลบจับใจใหลหลง

คล้ายคล้ายหมายเหมือนรูปทรง   โฉมยงนงเยาว์เข้ามา..."

   เมื่ออิเหนาได้เห็นรูปโฉมอันงดงามของนางบุษบาก็ลืมกลิ่นร่ำน้ำกุหลาบอาบอบสไบนางจินตะหราเสียสิ้น  อุบายว่าป่วยให้สียะตราไปขอสไบนางบุษบา

"...แม้นได้ผ้ารอยทรงองค์อรไท    มาห่มให้พี่จึงจะค่อยคลาย

ถึงจะห่มผ้าอื่นสักเท่าไร                 แล้วจะซ้ำผิงไฟก็ไม่หาย

ด้วยเย็นทั้งนอกกายในกาย           ต่อคลายพี่จึงจะนิทรา..."

  เมื่อสียะตราได้ผ้าสไบมาถวายอิเหนาแล้ว อิเหนาก็หายป่วยเป็นปลิดทิ้ง  ทั้งนี้เพราะ

"...หอมกลิ่นสไบบางที่นางทรง    ยิ่งคะนึงถึงองค์โฉมศรี

พระชมผ้านั้นต่างนางเทวี            จึงค่อยคลี่คลายสบายใจ..."

    สไบน้อง...แทนกายในเพลงสไบแพรนี้จะเป็นสไบของใคร นางพิมพิลาไลย นางจินตะหรา หรือนางบุษบา นางจินตะหราและนางบุษบาคงไม่ใช่แน่ เพราะอิเหนาไม่เคยหลงรักนางเพียงข้างเดียวจนต้องคร่ำครวญ...

   "....รักคนที่เขาไม่รักเรา              จึงต้องเศร้าเคล้าแต่สไบ..." 

   มีความเป็นไปได้สูงว่าขุนแผนอาจเป็นเจ้าของสไบแพรผืนนี้  ความรักครั้งแรกของขุนแผนและนางพิมพิลาไลยไม่สมหวัง  ต้องพลัดพรากจากกัน  แม้เมื่อกาลเวลาผ่านไปแสนนานขุนแผนก็ยังไม่ลืมรักครั้งแรก  ยังคงเจ็บปวดทุกข์ทรมานกับความผิดหวังในความรัก  จนต้องรำพันกับพลายงามว่า

"...ลูกเอ๋ยยังไม่เคยรู้รสร้าย             ที่ความรักกลับกลายแล้วหน่ายหนี

อันเจ็บปวดยวดยิ่งทุกสิ่งมี               ไม่เท่าที่เจ็บช้ำระกำรัก..."

ขุนแผนอาจจะเก็บสไบแพรสีทับทิมของนางพิมพิลาไลยเอาไว้เป็นที่ระลึกก็ได้ ใครจะรู้...

คำสำคัญ (Tags): #สไบ#เพลงสไบแพร
หมายเลขบันทึก: 323689เขียนเมื่อ 28 ธันวาคม 2009 17:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
  • สวัสดีค่ะ
  • แวะมาสวัสดีปีใหม่ค่ะ มีสุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพใจเข้มแข็ง ให้มีแต่ความสุขตลอดปี และตลอดไปนะค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

ยุคนั้นให้ สไบ *-*

ถ้ายุคนี้ไม่ถอด.......ให้เเทนหรือครับ

ใจกล้าจริงๆ นางพิมพิลาไลย ขนาดเป็นสมัยอดีต นะเนี่ยย !!!

"เพลงสไบเเพร" ใช้คำสวยมากครับ ผมมีโอกาสไปฟังเพลงลักษณะนี้ในสถานที่บรรยากาศดีๆ เพลงที่เพราะอยู่เเล้ว ยิ่งไพเราะมากยิ่งขึ้น

ชวนครูแป๊ว ไปฟังเพลงที่นี่ครับ แม่อรชรงามเหมือนกินรีร่าง ยลพักตร์แม่แลค้าง ทรวงสล้างเต่งตึง

 

สวัสดีปีใหม่นะครับคุณครู

สไบในสมัยก่อนไม่ธรรมดาเลยนะครับ แต่สมัยดีให้อะไรดีครับ ผมนึกไม่ออก มาสวัสดีปีใหม่ครับคุณครู

อาจารย์ พ่อหนูชอบ ชรินทร์มากกกกกกเลย

เพลงของครูสง่า อารัมภีร เพราะครับ

เพิ่งเคยได้ยินเพลงนี้ แต่ชอบเพลงน้ำตาแสงไต้ เพราะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกครับ

สวัสดีค่ะ หนูพรพุนพิน

สวัสดีค่ะ กิตติพงษ์

  เพลงเก่า ๆ ที่ไพเราะกินใจยังมีอีกมาก  อยากให้ลองศึกษาภูมิหลังของเพลง และลองวิเคราะห์การใช้ถ้อยคำในบทเพลง  จะทำให้ได้พบเรื่องดี ๆ ที่เกี่ยวของกับการเรียนภาษาไทยเช่นเดียวกับที่เคยได้พบในข้อสอบของครูมาแล้ว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท