มีเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมาว่านักรังสีใช้ภารโรงไปขนต้นกำเนิดรังสีโดยไม่บอกให้รู้ว่าอาจเป็นอันตรายได้ หากไม่ระมัดระวัง และดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ สาเหตุคือถ้าบอกไปเดี๋ยวจะไม่มีคนทำงานให้
ก็ไม่ยืนยันนะคะว่ามีเหตุการณ์เช่นนั้นจริงหรือไม่ แต่บอกได้ว่าถ้ามีใครทำเช่นนั้น ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และควรเป็นเหตุให้ระงับใบอนุญาตการใช้รังสี เนื่องจากในกฎกระทรวง กำหนดเงื่อนไข วิธีการขอรับใบอนุญาต และการดำเนินการเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์พิเศษ วัสดุต้นกำลัง วัสดุพลอยได้ หรือพลังงานปรมาณู พ.ศ. ๒๕๕๐ ข้อ ๒๗ ผู้รับใบอนุญาตต้องอบรมบุคคลที่ทำงานในบริเวณรังสี ให้เข้าใจและทราบถึงอันตรายจากรังสีและวิธีป้องกันอันตรายจากรังสีตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด และที่จริงกฎกระทรวงฯ ฉบับก่อน ๆ ก็มีข้อความกำหนดในทำนองเดียวกันนี้เช่นกัน
เหตุผลในการกำหนดนี้ แน่นอนว่าไม่ต้องการทำให้ผู้ที่ต้องทำงานเกี่ยวข้องกับรังสี เกิดความหวาดกลัวรังสีอย่างแน่นอน ถ้าเช่นนั้น อะไรทำให้เกิดความคิดในแนวนั้นขึ้นได้ แน่นอนว่าผลของรังสีที่มีต่อเซลล์ของสิ่งที่มีชีวิตนั้น ต้องได้รับการบอกเล่าให้ผู้ปฏิบัติงานทราบ เพราะนั่นเป็นสิทธิพื้นฐานที่บุคคลควรได้รับทราบเกี่ยวกับอันตราย หรือความเสี่ยงอันตรายในงานที่ตนเองต้องปฏิบัติ แต่สาเหตุอีกอย่างที่ต้องได้รับการถ่ายทอดก็คืออันตราย หรือความเสี่ยงอันตรายนั้นสามารถป้องกันได้ด้วยตัวของผู้ปฏิบัติเอง และโดยการจัดหาอุปกรณ์เครื่องมือที่เหมาะสมให้กับผู้ปฏิบัติ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติสามารถดำเนินงานให้สำเร็จลุล่วงได้ โดยปราศจากอันตราย นอกจากนี้ผลของรังสีที่มีต่อสิ่งที่มีชีวิตก็ยังจำกัดอยู่ว่าจะส่งผลร้ายให้เห็นได้ชัดเจนเมื่อได้รับรังสีในปริมาณที่มากขนาดหนึ่ง (Threshold dose) และผลร้ายชนิดที่เป็นความเสี่ยง ก็ได้รับการคำนวณมาจากการได้รับรังสีในปริมาณสูงเช่นกัน เช่นจากประชากรที่อยู่ในบริเวณของระเบิดปรมาณู หรือผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับรังสีในระยะแรก ๆ ที่ยังไม่ตระหนักถึงผลของรังสี และไม่มีการป้องกันเลย
ทำอย่างไร การถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการป้องกันอันตรายจากรังสี ให้กับผู้ทำงานในบริเวณรังสีจึงจะมีความถูกต้องเหมาะสม และทำให้เขายอมรับฟังจนจบ เพื่อให้คลายความหวาดกลัวลงได้ ?
ไม่มีความเห็น