เรียนรู้ตลอดชีวิต
พระมหา วีระ วีระ กิตฺติวณฺโณ / ได้ทุกทาง

คาสิโน บ่อนครบวจร อบายมุขครบวจร


อบายมุขครบวจร

พุทธจริยศาสตร์กับปัญหาคาสิโน  บ่อนการพนันครบวงจร

 

๑. บทนำ / เปิดประเด็น

พระศรีวิสุทธิคุณ พระอาจารย์ประจำวิชาพุทธจริยศาสตร์กับปัญหาทางสังคมร่วมสมัย  มอบหมายให้เขียนความเรียง หรือ เขียนบทความให้เป็นวิชาการ  ทั้งหมด ๖ เรื่อง     เรื่องพุทธจริยศาสตร์กับปัญหาคาสิโน บ่อนการพนันครบวงจร  จึงเป็นบทความที่ ๓ ที่เลือกเขียน  เพราะเห็นว่าประเด็นบ่อนคาสิโน เป็นประเด็นปัญหาที่มีอัตตลักษณ์ หรือจริตเข้มข้น  ความเด่นแสดงออกทางการกระทำครบทั้งความโลภ ความโทสะ และความหลง  หรือเมื่อคิด พูด ทำ ก็ผิดไปจากศีลธรรม เรียกว่ามีองค์ประกอบเด่นในอกุศลมูลครบทั้ง ๓ คือ โลภะ โทสะ และโมหะ อย่างแรง  การพนันยังเป็นความผิดพลาดทางโครงสร้างสังคมสูง  บางมุมมองดูเหมือนสังคมเรายอมรับว่าเป็นเรื่องธรรมดา  แท้จริงมันเป็นเรื่องที่สังคมเรามีสภาพต่อการจำยอม จำนนเท่านั้น นักรณรงค์ทางสังคมทั้งหลายเห็นว่าการพนันเป็นอาการของผู้มีทัศนคติเชิงอำนาจนิยม เอาเปรียบกันและกันซึ่ง ๆ หน้า คิดแต่จะเอา จะชนะฝ่ายเดียว กลายเป็นว่ามีความประสงค์ให้คู่ต่อสู้หรือเพื่อร่วมวงมีความฉิบหาย ย่อยยับไปให้หมด มีอาการดีใจเมื่อตอบสนองโลภะได้   มีอาการสะใจตอบสนองโทสะเมื่อชนะผู้แพ้   มีโมหะเข้าใจว่าการได้ทรัพย์การการพนัน เป็นการหารายได้ตามกติกา

การอภิปรายเรื่องนี้นอกจะเป็นการทำหน้าที่ทางการศึกษาหาคะแนนแล้ว  ยิ่งกว่าคือต้องการที่จะยืนยันหลักธรรม แสดงโทษของการพนัน ตามหลักคำสอนของพระบรมศาสดาของเราทั้งหลายให้เกิดความตระหนักในสังคมโลกยิ่งขึ้น

  การพนัน  เป็นการแสดงออกว่าตนมีความประสงค์ต่อทรัพย์ผู้อื่นอย่างเปิดเผยและแรงกล้า ได้ทรัพย์ของผู้อื่นมาโดยเจ้าของทรัพย์ไม่เต็มใจจะให้ ทั้งหวงแหนอยู่และต้องการจะได้ทรัพย์กลับคืนตลอดเวลา  แต่ว่าทุกฝ่ายในกลุ่มก็มีความประสงค์ตรงกัน เมื่อนำลักษณะของการแสวงหาทรัพย์แบบการพนันแล้ว  การพนันจึงเป็นการละเมิดศีลข้อ ๒ นั่นเอง   แต่เมื่อทั้ง ๒ ฝ่ายหรือมากกว่า ๒ ฝ่ายต่างเป็นเจ้าของทรัพย์และเป็นผู้จ้องจะเอาทรัพย์  ตกอยู่ในสภาพ ๒ อาการขณะเดียวกัน คือหวงทรัพย์ด้วยและอยากได้ทรัพย์ด้วย    การพนันจัดว่าเป็นกิเลสชั้นละเอียดในขันธสันดาน ถ้าจะจัดเป็นความผิดชั้นศีล ก็ไม่เพียงพอต่อความผิดหรือเลวทรามของสภาวะจิตได้หมด  กิเลสหรือความผิดที่เกิดขึ้นจากการพนันต้องอธิบายเชิงพรรณนาความชั่ว นั่นคือ การพนันเป็นความผิดชั้นธรรมะ  พระพุทธองค์กล่าวโทษ  ตอกย้ำความเลวทรามว่า   อบายมุข หนทางแห่งความฉิบหาย

สังคมโลกผู้มีกิเลสหนาอย่างไม่เลือกชนชั้นวรรณะ หรือฐานะ ความรู้   ต่างต้องจำยอม จำนนต่อจริตนี้ที่มีจำนวนมาก  ยอมให้มีการเล่นการพนันในทุกสังคม  เพียงแต่ตั้งกติกาเพื่อมีการควบคุมกันในระดับหนึ่ง เช่น มีกฎหมายของประเทศ  การจำกัดพื้นที่   การจำกัดกลุ่มคน  การแบ่งระดับความผิดของการพนันในแต่ละประเภทไว้แต่ละระดับ

บ่อนคาสิโน  เป็นวิธีการควบคุม   เป็นการแปลเปลี่ยน  เป็นการเบี่ยงแบน  เพื่อให้มีการพนันลดผลกระทบความรู้สึกว่าผิดเชิงศีลธรรม  ด้วยใช้กฎหมาย และกฎหมู่ อยู่เหนือกฎแห่งกรรม

๒. ตีความให้แตก

๒.๑  คาสิโน (casino) เป็นสถานบันเทิงที่มีกิจกรรมการพนันเป็นกิจกรรมหลัก โดยปกติแล้วกาสิโนมักจะสร้างร่วมกับโรงแรม, ร้านอาหาร, แหล่งชอปปิ้ง หรือบางครั้งกาสิโนจะสร้างอยู่บนเรือนำเที่ยว ปัจจุบันมีกาสิโนมากกว่า  ๔,๗๕๐ แห่งทั่วโลก  คำว่า casino มาจากภาษาอิตาลี อ่านว่า "กาซีโน" แปลว่าบ้านพักหลังเล็กใช้สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ (casa = บ้าน) ซึ่งต่อมาได้มีการนำมาใช้ในสถานที่ที่เล่นการพนัน

๒.๒  บ่อน  เป็นคำไทยแท้  เป็นคำเดียวกันกับคำว่า บ็อน ในภาษาถิ่นเขมรสุรินทร์ ซึ่งมีความหมายเดียวกันว่า “สถานที่ใช้ประจำ” “แหล่ง”   บ่อน เป็นชื่อที่เข้าใจตรงกันในปัจจุบันว่า สถานที่เล่นการพนัน ซึ่งมีทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย... สำหรับเมืองไทย บ่อนเกือบทั้งหมดผิดกฎหมาย... เมื่อว่าตามหลักพระพุทธศาสนา การเล่นพนันจัดเป็น อบายมุข (ประตูแห่งความเสื่อม) แต่มีกรณีพิเศษคือ  ต้องเล่นบ่อย ๆ   และ มีความมัวเมาในการเล่น  เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

๒.๓ การพนัน เป็นการเล่นเพื่อเอาเงินหรือสิ่งอื่นใดก็ตามด้วยการเสี่ยงโชค (พจนานุกรมฉบับ ราชบัณทิตยสถาน,๒๕๒๕:๕๗๕)  เป็นการเล่นเกมเพื่อเอาเงิน หรือเสียงต่อการลงทุนด้วยเงินหรือสิ่งของเพื่อผลตอบแทนที่มากกว่า (Macmillan,๑๙๗๙:๔๒๑)

๒.๔  บ่อนการพนันครบวงจร  มีความว่า  มีการพนันทุกประเภท  หรือ มีการพนันหลาย ๆ แบบให้เลือกเล่น   และ มีบริการความสะดวกสบายทุกด้าน  ครบเครื่องเรื่องอบายมุข ตอบสนองความมัวเมา

๒.๕  อบายมุข  แปลว่า  ปากทางแห่งความเสื่อม   ทางฉิบหาย

ผู้คนจำนวนหนึ่งรวมตัวกันเล่นการพนันอย่างต่อเนื่องและมัวเมา  สถานที่นั้นเรียกว่า บ่อน    เมื่อบ่อนนั้นเป็นที่รวมตัวของคนหลากหลายถิ่น หลากหลายประเทศ มีกฎหมายรับรองการเล่นการพนัน และมีการบริการความสะดวกอื่น ๆ ครบวงจร เรียกว่า คาสิโน  

 


๓. หลักธรรมในทางพระพุทธศาสนา

หลักธรรมในพระพุทธศาสนาที่ชัดเจน สำคัญ ในการกล่าวถึง การพนันนั้น  กล่าวไว้ใน ทั้งอบายมุข ๔ และอบายมุข ๖    ทั้งเป็นคนพาลด้วย

๓.๑ อบายมุข ๔  ช่องทางของความเสื่อม, ทางที่จะนำไปสู่ความพินาศ, เหตุย่อยยับแห่งโภคทรัพย์

      ๓.๑.๑  อิตถีธุตตะ     เป็นนักเลงผู้หญิง, นักเที่ยวผู้หญิง

                    ๓.๑.๒ สุราธุตตะ     เป็นนักเลงสุรา, นักดื่ม

      ๓.๑.๓ อักขธุตตะ     เป็นนักการพนัน

      ๓.๑.๔ ปาปมิตตะ    คบคนชั่ว

อบายมุข ๔ อย่างนี้ ตรัสกับผู้ครองเรือนที่มีหลักฐานแล้ว และตรัสต่อท้ายทิฏฐธัมมิกัตถสังวัตตนิกธรรม ๔ มุ่งความว่าเป็นทางพินาศแห่งโภคะที่หามาได้แล้ว

                ๓.๒  อบายมุข ๖ ช่องทางของความเสื่อม, ทางที่จะนำไปสู่ความพินาศ, เหตุย่อยยับแห่งโภคทรัพย์

                     ๓.๒.๑  ดื่มน้ำเมา   มีโทษ ๖  อย่าง  คือ

                                                (๑) ความเสื่อมทรัพย์อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง

                                                (๒) ก่อการทะเลาะวิวาท

                                                (๓) เป็นบ่อเกิดแห่งโรค

                                                (๔) เป็นเหตุเสียชื่อเสียง

                                                (๕) เป็นเหตุไม่รู้จักอาย

                                                (๖) ทอนกำลังปัญญา

                     ๓.๒.๒  เที่ยวกลางคืน   มีโทษ ๖ อย่าง คือ

                                                (๑) ผู้นั้นชื่อว่า ไม่คุ้มครอง ไม่รักษาตัว

                                                (๒) ผู้นั้นชื่อว่า ไม่คุ้มครอง ไม่รักษาบุตรภรรยา

                                                (๓) ผู้นั้นชื่อว่า ไม่รักษาทรัพย์สมบัติ

                                                (๔) ผู้นั้นเป็นที่ระแวงของคนอื่น

                                                (๕) คำพูดอันไม่เป็นจริงในที่นั้น ๆ ย่อมปรากฏในผู้นั้น

                                                (๖) อันเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากแวดล้อม

                    ๓.๒.๓ เที่ยวดูการละเล่น  มีโทษ โดยการงานเสื่อมเสีย เสียเวลา ทั้ง ๖ กรณี คือ

                                                (๑) รำที่ไหน ไปที่นั่น

                                                (๒) ขับร้องที่ไหน ไปที่นั่น

                                                (๓) ดนตรีที่ไหน ไปที่นั่น

                                                (๔) เสภาที่ไหน ไปที่นั่น

                                                (๕) เพลงที่ไหน ไปที่นั่น

                                                (๖) เถิดเทิงที่ไหน ไปที่นั่น

                     ๓.๒.๔  ติดการพนัน  มีโทษ ๖ อย่าง คือ

                                                (๑) ผู้ชนะย่อมก่อเวร

                                                (๒) ผู้แพ้ย่อมเสียดายทรัพย์

                                                (๓) ความเสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน

                                                (๔) ถ้อยคำของคนเล่นการพนัน ซึ่งไปพูดในที่ประชุมฟังไม่ขึ้น

                                                (๕) ถูกมิตรอมาตย์หมิ่นประมาท

                                                (๖) ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย เพราะเห็นว่า ชายนักเลงเล่นการพนันไม่สามารถเลี้ยงภรรยา

                      ๓.๒.๕  คบคนชั่วเป็นมิตร  มีโทษ โดยให้กลายเป็นคนชั่ว  ๖ ประเภท  คือ

                                                (๑)  นำให้เป็นนักเลงการพนัน

                                                (๒) นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้

                                                (๓) นำให้เป็นนักเลงเหล้า

                                                (๔) นำให้เป็นคนลวงผู้อื่นด้วยของปลอม

                                                (๕) นำให้เป็นคนโกงเขาซึ่งหน้า

                                                (๖) นำให้เป็นนักเลงหัวไม้

                        ๓.๒.๖  เกียจคร้านการงาน มีโทษ โดยทำให้ยกเหตุต่างๆ เป็นข้ออ้างผัดเพี้ยนไม่ทำการงาน โภคะใหม่ก็ไม่เกิด โภคะที่มีอยู่ก็หมดสิ้นไป คือให้อ้างไปทั้ง ๖  กรณี

                                                (๑) หนาวนักแล้วไม่ทำการงาน

                                                (๒) ร้อนนักแล้วไม่ทำการงาน

                                                (๓) เย็นไปแล้วไม่ทำการงาน

                                                (๔) ยังเช้านักแล้วไม่ทำการงาน

                                                (๕) หิวนักแล้วไม่ทำการงาน

                                                (๖) อิ่มนักแล้วไม่ทำการงาน

 

๔. การพนัน : ทำไมจึงต้องเล่น

                   การที่นำเสนอคำว่าเล่นมาผูกติดกับการพนันอาจมีที่มาที่ไปดังนี้

                    ๔.๑  โดยความหมาย เล่น หมายถึงการทำเพื่อสนุกสนานหรือเพลิดเพลินเป็นเฉพาะ ดังนั้นเมื่อนำมาพ่วงกับการพนันจึงเป็นการเสี่ยงโชคเพื่อผลตอบแทนและเล่นหรือกระทำด้วยความสนุกสนาน

                    ๔.๒ ถ้าหากการเล่น เป็นการกระทำหรือดำเนินการเพียงเพื่อความสนุกสนาน ไม่มีแรงจูงใจอย่างอื่น ประเทศที่พัฒนาแล้วเกือบทั่วโลกคงไม่ลงทุนสร้างแหล่งการพนันใหญ่โตเป็นจำนวนหลายร้อย หลายพันล้านบาท ประเทศไทยของเราก็เคยคิดเหมือนกันว่าเราควรจะมีบ่อนการพนันครบวงจรเหมือน ประเทศเพื่อนบ้านเราหรือไม่ ดังนั้นการเล่นการพนันคงไม่ใช่เรื่องที่จะทำเล่น ๆหรือทำง่าย ๆ คงต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุด

                    ๔.๓  ได้อะไรเสียอะไร เมื่อการเล่นการพนันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ การได้การเสียจึงต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว ส่วนจะเกิดกับใคร เท่าไรนั้นก็สุดแล้วแต่ใครเข้าไปเล่นโดยตรงแค่ไหน

 

๕. การพนัน : ทำลายสุขกายและสุขภาพจิต

เรื่องของการพนันนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักพนันมืออาชีพ หรือว่าพนันแบบเล่นๆ นิดๆ หน่อยๆ เช่น ว่าง ๆ ก็มานั่งเล่นการพนันกันในกลุ่มพรรคพวกเพื่อนฝูง ไม่ได้คิดจะเอาร่ำเอารวยอะไรก็ตาม

การพนันทั้ง ๒ อย่างนี้ ล้วนมีความเป็นโทษภัยอันมหันต์อยู่ในตัว

 

๑) โทษภัยที่เกิดจากการพนันของนักพนันมืออาชีพ

นักพนันทุกคน เมื่อลงมือเล่นการพนันแล้ว ไม่มีใครคิดว่าตนจะเล่นเสีย ทุกคนคิดแต่ว่าจะต้องเป็นผู้ที่เล่นได้ และจะเล่นได้ด้วยวิธีสกปรกอย่างไรก็ยอม ขอเพียงให้ได้เท่านั้น

ส่วนอีกมุมหนึ่ง ก็คิดจะให้คนอื่นฉิบหายให้หมด เพราะเมื่อมีคนได้ก็ต้องมีคนเสีย แล้วใครล่ะที่จะเป็นคนเสีย ก็ทุกคนที่มาเล่นในวงนั้นนั่นเองต้องเสีย เขาจึงจะเป็นคนได้

คนที่คิดให้คนอื่นฉิบหายอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ จะเรียกว่าคนอะไร ก็ต้องเรียกว่าคนฉิบหาย เพราะในใจของคน ๆ นั้น คิดแต่จะให้ความฉิบหายเกิดขึ้นกับทุกคนที่มาร่วมวงพนันกับเขา

ความคิดที่จะให้คนอื่นฉิบหายอยู่ตลอดเวลา จะคอยบีบคั้นให้ตัวเองเกิดความเครียด แล้วกลายเป็นความฉิบหายต่อสุขภาพ แถมสติปัญญาที่จะคิดในเรื่องดี ๆ ก็จะพลอยฉิบหายตามไปด้วย

เพราะว่าในใจของเขา เรื่องที่ดี ๆ เข้าไม่ได้เสียแล้ว เข้าได้แต่เรื่องร้าย ๆ เพราะฉะนั้น ในวงการพนัน จึงไม่มีใครเลยที่จะมีหน้าตาที่ผ่องใส หรือว่ามีใจที่ใส ๆ

นักการพนันทั้งหลาย เมื่อในใจของคุณมีแต่ความคิดที่จะให้คนอื่นเขาฉิบหายอย่างนี้ ก็ให้รู้ไว้ด้วยว่า ใจของคุณจะขุ่นอยู่เป็นประจำ    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ไปทรงค้นพบมาอีกว่า พวกที่เล่นการพนันเป็นอาจิณ ละโลกแล้วต้องไปตกนรกขุมที่ ๖ ซึ่งลึกและมีโทษหนักกว่าพวกที่ผิดศีล ๕ เสียอีก  เพราะว่าคนที่ดื่มเหล้ายังมีเวลาสร่าง แต่คนที่เล่นการพนันไม่มีเวลาสร่าง มีแต่จะนึกให้คนอื่นฉิบหายอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น อย่าได้ดูเบากันเป็นอันขาด

คนฉิบหายเหล่านี้นี่แหละ เมื่อไปตั้งวงพนันที่ไหน ก็เป็นตัวนำความฉิบหาย ให้เกิดแก่เศรษฐกิจของบ้านนั้น เมืองนั้น ประเทศนั้น   เพราะฉะนั้น ผู้ที่คิดจะเอาคาสิโนเข้ามาในเมืองไทย ขอให้รู้ไว้ด้วยว่า แม้ความคิดนั้นก็เป็นความคิดฉิบหาย คนที่คิดก็เป็นคนฉิบหาย ถ้าใครทำตามก็เป็นคนฉิบหายตามเขาไปด้วย และทั้งหมดนี้ก็จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศชาติ ต้องฉิบหายตามไปหมดเลย

 

๒) โทษภัยที่เกิดจากการเล่นการพนันของนักพนันมือสมัครเล่น                 

(๑) เพาะนิสัยความมีเหลี่ยมมีคูให้เกิดขึ้นมาแล้ว ความซื่อสัตย์ที่เคยมีอยู่ในตัว ที่พ่อแม่ ปู่ย่า ตาทวด อบรมให้ เริ่มตุปัดตุเป๋ไปแล้ว ความไม่ซื่อ ความมีเหลี่ยมมีคู จะเกิดขึ้นมาแทนที่

            ( ๒) พร้อมกันนั้นวาจาเพ้อเจ้อก็ตามมา เพราะถ้าไม่พูดเพ้อเจ้อ ไปแหย่ ไปยั่วยุ ให้คนอื่นโกรธ ให้เขาเสียอารมณ์ เพื่อให้ทิ้งไพ่ใบที่ตนกำลังรออยู่มาให้

            (๓) ปัญญาก็จะเริ่มเป็นปัญญาที่ไม่บริสุทธิ์ เพราะเป็นปัญญาที่มีเหลี่ยมมีคูเสียแล้ว

             (๔) ต้องเสียเวลา เวลาที่จะเอาไปทำความดี ก็ไม่ได้ทำ แต่กลับเอาเวลานั้นไปเล่นการพนัน เพราะฉะนั้น ความดีใหม่ก็ไม่งอกเงย ความดีเก่าก็มีแต่จะสูญไป ๆ

             (๕) ไม่ว่าจะเป็นวงการพนันสมัครเล่น หรือว่าอาชีพ ลองได้ลงมือเล่น โดยเฉพาะในวงไพ่ ย่อมทำให้สุขภาพเสียทั้งนั้น เช่น เวลารอเอาชนะกัน รอน็อกกัน ก็ต้องรอให้เขาทิ้งไพ่ใบสำคัญมาให้ จึงต้องอั้นปัสสาวะ อั้นอุจจาระกันอยู่นั่นแล้ว ทำให้ทั้งกระเพาะ ทั้งลำไส้ พังจนกระทั่งไม่รู้จะพังอย่างไร

            การพนันเสียทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต แถมมีนรกรอท่าอยู่อีก

 

๖. คาสิโน คือ บ่อนการพนันครบวงจร และ แหล่งอบายมุขครบวงจร

                บ่อนคาสิโน (บ่อนการพนันแบบครบวงจร)ซึ่งเป็นแหล่งรวมของอบายมุข จึงเป็นสถานที่ที่ขัดต่อคำสอนทางพระพุทธศาสนาอย่างชัดเจนด้วย  แต่น่าคิดว่าบ่อนคาสิโนเป็นสถานที่ที่ถูกกฎหมายของประเทศพม่า ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา  แต่ในประเทศไทยเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายไทย    แล้วคาสิโนมักตั้งอยู่ติดพรมแดนประเทศไทย 

 

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างของบ่อนคาสิโน หรือ บ่อนการพนัน ในประเทศต่าง ๆ

ไทย

ลาว

กัมพูชา

พม่า

พุทธศาสนาเถรวาท

พุทธศาสนาเถรวาท

พุทธศาสนาเถรวาท

พุทธศาสนาเถรวาท

ผิดศีลธรรม

ผิดศีลธรรม

ผิดศีลธรรม

ผิดศีลธรรม

มีกฎหมายห้ามชัดเจน

ไม่มีกฎหมายห้ามชัดเจน

ไม่มีกฎหมายห้ามชัดเจน

ไม่มีกฎหมายห้ามชัดเจน

จ่ายภาษีนอกกฎหมาย

จ่ายภาษีให้รัฐ

จ่ายภาษีให้รัฐ

จ่ายภาษีให้รัฐ

คนในประเทศเป็นผู้ดำเนินการ

บางที่มีคนต่างประเทศดำเนินการ

(มีคนไทยร่วมด้วย)

บางที่มีคนต่างประเทศดำเนินการ

(มีคนไทยร่วมด้วย)

บางที่มีคนต่างประเทศดำเนินการ

(มีคนไทยร่วมด้วย)

คนในประเทศส่วนมากเข้าเล่น

คนนอกประเทศเช่นคนไทยเข้าเล่น

คนนอกประเทศเช่นคนไทยเข้าเล่น

คนนอกประเทศเช่นคนไทยเข้าเล่น

คนในประเทศหลบเล่น

ห้ามคนในประเทศเข้าเล่น

ห้ามคนในประเทศเข้าเล่น

ห้ามคนในประเทศเข้าเล่น

 

การพนัน เป็นกิจกรรมที่คนไทยจำนวนมากนิยมชมชอบ กระทำกันอย่างแพร่หลาย เช่น การเล่นหวย ไพ่ ลูกเต๋า หรือการพนันสนุกเกอร์ บิลเลียด ไก่ชน กัดปลา ฟุตบอล มวย   แม้แต่การทายเลขป้ายทะเบียนรถยนต์หรือทายเลขธนบัตร   ศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการศึกษาพบว่า ในปี พ.ศ.๒๕๓๙ มีบ่อนการพนันในกรุงเทพมหานครประมาณ ๓๐๐ แห่ง มีเงินหมุนเวียนประมาณ ๑๓๖ ล้านบาทต่อปี ส่วนในต่างจังหวัดจะมีบ่อนขนาดใหญ่ประมาณ ๙๐ แห่ง มีเงินหมุนเวียนประมาณ ๑๔๒,๒๐๐ ล้านบาทต่อปี

และประมาณการณ์ได้ว่านักพนันไทยนำเงินไปเล่นกาสิโนในต่างประเทศประมาณปีละ ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนได้แก่พฤติกรรมการพนันฟุตบอลของคนไทยในการแข่งขันฟุตบอลยูโร ๒๐๐๐ ในเดือนมิถุนายน ๒๕๔๓ จากการศึกษาของศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทย พบว่า วงเงินพนันฟุตบอลในการแข่งขันดังกล่าวมีไม่น้อยกว่า ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท และผู้เล่นพนันขยายตัวจากกลุ่มบุคคลวัยทำงานไปสู่กลุ่มเด็กและเยาวชนซึ่งกำลังเป็นนักเรียนนักศึกษา โดยแหล่งรับแทงได้กระจายไปตามสถานที่ต่าง ๆ รอบสถานศึกษา โรงเรียน และมหาวิทยาลัย ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สำรวจว่าในกรุงเทพมีแหล่งรับพนันฟุตบอลประมาณ ๒๐๐ แห่ง และในพื้นที่ต่างจังหวัดไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐ แห่ง (บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย. ๒๕๔๓:๑-๒)

ประเทศพม่า กับกัมพูชาและลาวเป็นประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา เช่นเดียวกับประเทศไทย  แต่ประเทศเหล่านี้ มีการพัฒนาประเทศยังด้อยกว่าประเทศไทย ระบบการปกครองประเทศนั้นฝ่ายรัฐรวบอำนาจการปกครองอยู่มาก มีช่องว่างของกฎหมายให้เปิดบ่อนคาสิโน (มหาอบายมุข) ได้ โดยผู้นำรัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงและโดยอ้อม  และผู้นำประเทศอ้างว่ามีนโยบายเพื่อหารายได้ไปพัฒนาประเทศ   

บ่อนการพนันเป็นแหล่งเพาะอบายมุข ทั้งอบายมุข ๔  อบายมุข ๖ จึงเป็นแหล่งอาชญากรรมและการฉ้อราษฎร์บังหลวง รายได้จำนวนหนึ่งจ่ายให้แก่บุคคลที่ทำผิดศีลธรรมและกฎหมายซ้ำซ้อน และจากความจำเป็นที่บ่อนการพนันจะต้องป้องกันตนเองและลูกค้าจากองค์การอาชญากรรมกลุ่มอื่น ๆ จึงต้องจัดหามือปืนหรือเข้าร่วมกับองค์การอาชญากรรมต่าง ๆ เพื่อความอยู่รอด ในบางขณะก็มีการฆ่าฟันกันเองเพื่อชิงความยิ่งใหญ่ในวงการธุรกิจผิดกฎหมาย ทั้งนี้เพราะหนี้จากการพนันไม่สามารถฟ้องร้องบังคับในศาลได้ การทวงหนี้สินจึงใช้วิธีการนอกกฎหมาย เช่น การขู่กรรโชก การทำร้ายร่างกาย หรือการฆ่า และเนื่องจากบ่อนเป็นที่รวมของนักเลงและผู้ที่มีอาชีพทุจริต จึงเป็นแหล่งมั่วสุมของผู้ค้ายาเสพติด อันธพาล โสเภณี และผู้ประกอบอาชีพผิดกฎหมายต่าง ๆ ส่งผลให้ปัญหาอาชญากรรมเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบไปยังระบบการเมืองการปกครองในส่วนรวมอีกด้วย เพราะเงินจากแหล่งการพนันยังถูกใช้ในการสร้างฐาน อำนาจทางการเมือง ของนักการเมืองทุกระดับ

 

คาสิโน กับ การเอื้อต่อการกระทำที่ละเมิดศีล ๕

สิกขาบท

ทุจริตกรรม

ข้อที่ ๑

ฆ่าทิ้ง  เมื่อจับได้ว่าโกง, เมื่อไม่จ่ายหนี้, เมื่อไม่ถูกใจ ฯลฯ

ข้อที่ ๒

คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว, โกง , ฉ้อฉล, ลัก  ฯลฯ

ข้อที่ ๓

ขายตัวใช้หนี้ หรือซื้อบริการหญิงขายตัว  ก็จัดว่านอกใจคู่ครอง หรือ ไม่รักนวลสงวนตัว

ข้อที่ ๔

โกหกกันและกัน ไม่มีสัจจะต่อกัน พูดคำหยาบ พูดคำส่อเสียด  พูดคำเพ้อเจ้อ

ข้อที่ ๕

ชนะดีใจก็ดื่มเหล้า   แพ้เสียใจก็ดื่มเหล้า   พบเพื่อนอยากสนุกสนานก็ดื่มเหล้า

 

คาสิโน กับ การกระทำมิจฉาวณิชชา

สิกขาบท

ทุจริตกรรม

การขายอาวุธ

เป็นสถานที่ซื้อขายอาวุธเพื่อการฆ่าคน

การค้ามนุษย์

ขายทาส   ขายหญิง  กักขัง   ทารุณกรรม 

การขายเนื้อสัตว์

ไม่มีกฎหมายคุ้มครองชีวิต  ฆ่าแกงกันง่าย

การค้าน้ำเมา

สถานบันเทิงขายน้ำเมา และยาเสพติด

การค้ายาพิษ

ขายยาเสพติดร้ายแรง

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 320356เขียนเมื่อ 15 ธันวาคม 2009 06:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 20:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)

ได้รู้ที่มาทางด้านภาษาลาตินไทยแขก(บาลี)

ขอบคุณที่นำข้อมูลดี ๆ มาให้ได้เรียนรู้กันครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท