79. ไปชม Ranka Tourism Park, สิกขิม

 

      เจ้าภาพพาคณะเราไปชมสถานที่ที่กำลังก่อสร้าง

สวนสนุกแห่งใหม่ชื่อ Ranka Tourism Park ตั้งอยู่ใน

หุบเขากว้างขวางมาก เจ้าภาพรอต้อนรับ เขาเตรียมขนม

น้ำหวาน ชานมรับรองพวกเรา ที่นี่ถ้าเสร็จจะเป็นสวนสนุก

ที่ใหญ่มาก และมีส่วนที่แสดงวัฒนธรรมด้วย

        เสร็จแล้ว พวกเราลาเจ้าภาพ เดินทางไปที่

Banjakri Waterfall เป็นน้ำตกขาดใหญ่ เดิมที่นี้มี

เจ้าของที่ที่ชื่อว่าBenjakri เป็นคู่สามี  ภรรยาที่เป็นเลบชา

ท่านปกป้องรักษาที่แห่งนี้ รวมถึงรักษาผู้ป่วย มีรูปปั้นของ

ท่านกระจายอยู่ทั่วไป รูปปั้นภรรยาท่านยืนหันส้นเท้าออก

ด้านหน้าซึ่งแปลกกว่าปกติ

        ที่นี่ผลิตโซลาเซลล์ใช้เองในเวลากลางคืน เป็น

สถานที่พักผ่อนแห่งหนึ่งของสิกขิม

        คณะของเราเดินทางเข้าเมืองไปที่ Tibet Hotel ของ

ท่านดาไลลามะ เป็นโรงแรมที่อยู่บนเขา แต่อยู่ในย่าน

ชุมชน เห็นคนเดินไปมาขวักไขว่ โรงแรมที่นี่ได้ชื่อว่าทำ

อาหารอร่อยที่สุดพวกเรารับประทานอาหารกลางวันช้า

มาก กว่าจะเสร็จเกือบ 4 โมงเย็น

        เดินทางต่อไปเยี่ยม Institute of Tibetan ซึ่งตั้งอยู่

บนเขา สถาบันฯ รายล้อมไปด้วยภูเขา อากาศดีและวิวสวย

มากเกือบมืดแล้ว เข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่จัดไว้ด้านล่างของ

อาคารสวยงามและมีค่ามาก ขึ้นไปชั้นสองเป็นห้องเก็บ

คัมภีร์มีทั้ง ใบลานที่แยกหมวดหมู่ และจัดหมวดหมู่เป็น

ระบบ รวมถึงจัดทำเป็นดิจิตอลแล้ว ที่นี่เป็นศูนย์กลางการ

ศึกษาคัมภีร์พุทธศาสนาทิเบตที่ใหญ่ที่สุด  เสร็จแล้วข้าม

ไปอีกตึกที่อยู่ใกลกันเข้าไปชมในห้องประชุมที่มีรูปภาพ

ประวัติศาสตร์ของสิกขิมประดับฝาผนังอยู่ กษัตริย์สิกขิมมี

16 องค์ ขณะนี้ไม่มีแล้วกษัตริย์สิกขิมมีสายสัมพันธ์ที่ 

แน่นแฟ้นกับพระบิดาของกษัตริย์จิกมี่ แห่งภูฏานมาก

ผู้อำนวยการสถาบันฯ นี้มีเชื้อสายของพระราชวงศ์สิกขิม

เช่นกันท่านมอบหนังสือให้ทุกคน ดิฉันได้มากหน่อย (หนัก

กว่าคนอื่น) เพื่อเอาไปเข้าห้องสมุดสถาบันฯ เสร็จ

แล้วถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน และลากลับเมื่อยามพลบค่ำแล้ว

         ขากลับ พวกเราแวะที่ย่านถนนคนเดิน จอดรถไว้

ข้างทางใกล้ๆ พวกเราเดินเล่นกัน ผู้คนเดินกันขวักไขว่

สองข้างทางเป็นร้านค้า มีสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

ดิฉันไม่ได้ซื้ออะไรในตอนแรก เดินไป และเดินกลับเกือบ

สองกิโลเมตร บรรยากาศดีไม่ร้อน สบายๆ ขากลับแวะซื้อ

ของที่ระลึกเล็กน้อยเป็นป้ายมงคลแขวนผนังห้อง

        เสร็จแล้วกลับที่พัก ตอนแรกตั้งใจว่าเย็นนี้คงไม่ทาน

อาหารเย็นแล้วเพราะอิ่มอาหารกลางวันมื้อสามโมงเย็นอยู่

ดิฉันเอาของที่ระลึกซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนังสือฝากพี่ที่ไป

ด้วยกันกลับเมืองไทยก่อน เกรงใจแต่ไม่ทราบจะทำ

อย่างไรเพราะดิฉันต้องเดินทางไปที่เมืองอื่นต่อหลังจากนี้

อีก กระเป๋าเดินทางหนักมาก

        ราวทุ่มเศษ ท่านทูตให้เจ้าหน้าที่กระทรวงที่ไปด้วย

กันโทร. ตามว่าท่านเชิญทานอาหารค่ำเลี้ยงขอบคุณฝ่าย

สิกขิมที่ห้องอาหาร พวกเรามากันครบ อาหารค่ำวันนี้เป็น

อาหารไทยฝีมือกุ๊กอินเดียที่เจอเมื่อคืน (เชกูวาร่า) แม้

เครื่องปรุงไม่ครบถ้วนแต่รสชาติใช้ได้เลย ทุกคนชื่นชม

ท่านทูตขอพบพ่อครัวพร้อมกับชื่นชมเขา ถ่ายภาพและ

วีดีโอเพื่อประชาสัมพันธ์อาหารไทย ท่านบอกจะออกใบ

ประกาศนียบัตรรับรองให้ พ่อครัวดีใจมาก เขามีชื่อไทยว่า

“คนดี” (ชื่อเก๋มาก) รับประทานอาหารค่ำเสร็จราวสี่ทุ่ม

เศษ ลาแขกสิกขิมแล้วพวกเราก็ลาไปนอน คืนนี้

นอนไม่ค่อยหลับเพราะหนังท้องตึงมากๆ

____________

บอกกล่าว ข่าวแจ้ง

ด่วน!

ท่านที่สนใจหลักสูตรปริญญาโท สาขาวัฒนธรรมและการพัฒนาเอกอินเดียศึกษา (Indian Studies) โปรดสมัครได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 โทร. 02-800-2308-14 ต่อ 3309 เข้าชม www.lc.mahidol.ac.th

 

[ครูอ้อย แซ่เฮ]

ครูอ้อยติดตามอ่านเรื่องราวน่าสนใจค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

[โสภนา]

เรียน ครูอ้อย

    ขอบพระคุณที่ติดตามค่ะ ช่วงนี้มีเวลาบ้างจึงต้องนำประสบการณ์มาแบ่งกันก่อนสิ้นปีค่ะ

[พลเดช วรฉัตร]

เป็นที่น่าดีใจนะครับที่อาหารไทยมีชื่อไปไกลไปทั่วโลก

แม้ที่สิกขิมก็หาทานได้

ในอนาคตสิกขิมอาจจะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่คนไทยนิยมไปเช่นที่รัฐพิหารก็เป็นได้ครับ

[โสภนา]

เรียน ท่านทูตพลเดช ที่เคารพ

      ค่ะ ทัวร์ไทยพยายามแสวงหาเส้นทางใหม่ในอินเดียกัน ดิฉันคิดว่าถ้าสิกขิมเปิดสนามบินของตัวเองได้ การเดินทางจะสะดวกกว่าที่เป็นอยู่มากขึ้น ใช้เวลาน้อยลงแต่ได้เที่ยวหลายที่

     การเดินทางด้วยรถยนต์ก็ดีเพราะทำให้เห็นสภาพภูมิทัศน์ค่ะ แต่ก็ใช้เวลาในการเดินทางมาก

     เรื่องอาหารไทยเป็นอะไรที่ดิฉันก็นึกไม่ถึงว่าแขกจะทำให้ทานได้อร่อยขนาดนี้ค่ะ