ผู้นำในดวงใจ (Idol)


Idol

ผู้นำในดวงใจ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล

ผู้ทำให้องค์กรเจริญก้าวหน้า  (The Idol)

 ประวัติ  หม่อมหลวงปิ่น   มาลากุล

หม่อมหลวงปิ่น  มาลากุล เกิดเมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม  พ.ศ. ๒๔๔๖  
ณ บ้านถนนอัษฏางค์ กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรชาย คนเดียวของเจ้าพระยาเสด็จสุเรนทราบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล ) อดีตเสนาบดีกระทรวงธรรมการ ซึ่งปัจจุบันนี้คือ กระทรวงศึกษาธิการ กับท่านผู้หญิงเสงี่ยม ( นามสกุลเดิม วสันตสิงห์ )ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดา และรวมท่านแล้วทั้งหมด ๘ คน คือ  

  • หม่อมหลวงปก
  • หม่อมหลวงปอง เทวกุล  สมรสกับหม่อมเจ้าสุรวุฒิประวัติ เทวกุล
  • หม่อมหลวงเปนศรี
  • หม่อมหลวงปนศักดิ์
  • หม่อมหลวงป้อง
  • หม่อมหลวงปิ่น      (บุตรคนที่ 6)
  • หม่อมหลวงเปี่ยมสิน
  • หม่อมหลวงปานตา สมรสกับนายเมืองเริง วสันตสิงห์

 เริ่มศึกษาที่บ้านจนเข้าโรงเรียน

            ย้อนหลังกลับไปเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๑ เมื่อหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล อายุได้ ๔ ขวบเศษ ได้เริ่มต้นศึกษาเล่าเรียนที่บ้านโดยมีครูมาสอนก่อน จนกระทั่งท่านอายุประมาณ ๘ ปี จึงได้เข้าเรียนที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย สมัยนั้นยังเป็นโรงเรียนวัดราชบูรณะ โดยเข้าเรียนในชั้นประถมพิเศษ ปลายปีนั้นสอบไล่ได้เลื่อนไปเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ( สมัยนั้นเยาวชนไทยเรียนชั้นประถมฯ ๔ ปี ดังนั้น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ เทียบได้กับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ในปัจจุบัน
          ท่านศึกษาอยู่ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จนกระทั่งสอบไล่ได้ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ เมื่อ   พ.ศ.  ๒๔๕๖  ขณะนี้นั้นท่านอายุ  ๑๐ ขวบ  ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๕๗ เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดีได้นำหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล เข้าถวายตัวต่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านจึงได้ย้ายเข้าไปเรียนที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง ซึ่งปัจจุบันนี้คือ โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย เป็นนักเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ ต้องเรียนซ้ำชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ อีก ๑ ปี ผลการเรียนของท่านที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงอยู่ในเกณฑ์ดี คือ ท่านสามารถทำคะแนนได้ดีมากในวิชาคณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ ท่านมักจะได้คะแนนเต็มอยู่เสมอ นอกจากนี้ ท่านยังสนใจด้านกีฬาอีกด้วย โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอลในพ.ศ.๒๔๕๘  ขณะที่หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้จัดตั้งนักเรียนมหาดเล็กรับใช้ขึ้น และหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ได้รับคัดเลือกให้เป็นนักเรียนมหาดเล็กรับใช้รุ่นแรก ใน พ.ศ. ๒๔๕๙   มีนักเรียนรุ่นเดียวกับท่าน ๘ คน ได้รับเงินเดือนเดือนละ ๒๐ บาท ท่านต้องไปปฏิบัติหน้าที่มหาดเล็กในพระบรมมหาราชวัง จึงไม่ต้องไปโรงเรียนอีก แต่ครั้นถึงปลายปียังคงต้องกลับมาสอบ และท่านก็สามารถสอบผ่านชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ได้

ศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ

       หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล เป็นนักเรียนมหาดเล็กรับใช้อยู่ได้ ๖ ปี ครั้นถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๔   ขณะนั้นท่านอายุ  ๑๘  ปี  พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสกับพระยาอนุรุทธเทวาว่า " ปิ่นนั้น ใช้ให้ทำอะไรก็ได้ดี อายุก็มากแล้ว ไปถามดูว่า อยากจะออกรับราชการ หรือ อยากจะไปเรียนต่อเมืองนอก   และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชกระแสโปรดเกล้า ฯ ให้หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ไปแจ้งแก่ท่านผู้หญิงเสงี่ยมดังนี้   " ไปบอกแม่ว่า...จะส่งปิ่นไปเรียนที่อังกฤษ สังกัดกระทรวงธรรมาธิการ จะได้กลับมารับราชการแทนพ่อ แม่คงจะยินดีมาก " หลังจากนั้นจึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล รับทุนเล่าเรียนหลวงไปศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ และให้สังกัดกระทรวงธรรมการ เพราะบิดาของท่านได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่กระทรวงธรรมการอย่างอเนกอนันต์

          หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ออกเดินทางจากประเทศไทยเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๕ ตอนแรกไปอยู่กับครอบครัวของ Mr.Marshall ที่เมือง Brighton เพื่อฝึกฝนด้านภาษาและประเพณีเป็นเวลาประมาณปีเศษ จากนั้นไดเข้าศึกษาที่ School of Oriental Studies มหาวิทยาลัยลอนดอน

          วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ ท่านสามารถสอบเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดได้ ศึกษาอยู่เป็นเวลา ๔ ปี โดนเลือกภาษาสันสกฤตเป็นวิชาเอก ภาษาบาลีเป็นวิชาโท สำเร็จการศึกษาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๑ ไดรับปริญญาตรี เกียรตินิยม ทางภาษาสันสกฤต  ( B.A. Honours )      พ.ศ. ๒๔๗๒ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ได้ศึกษาวิชาครูเพิ่มเติมที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด แต่ในปลายปีหลังจากที่สอบสอนและสอบข้อเขียนบางวิชาไปแล้ว ท่านล้มป่วยลงหลังจากตรากตรำทำงานอย่างหนัก เนื่องจากการออกฝึกสอน ประจวบกับระยะนั้นที่ประเทศอังกฤษเป็นฤดูหนาว ท่านจึงต้องเดินทางไปรักษาตัวที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์          ในระหว่างที่ท่านพักรักษาตัวอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ใน พ.ศ. ๒๔๗๔ นั้น มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดก็ได้พิจารณาผลการทำงานและผลสอบที่ผ่านมาของท่าน ปรากฏว่าผลงานและผลการสอบข้อเขียนของท่านอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ มหาวิทยาลัยจึงมอบปริญญาโททางด้าน อักษรศาสตร์ ( M.A. ) ให้แก่ท่าน เมื่อท่านรับปริญญาแล้วก็รีบเดินทางกลับประเทศไทยทันทีในปีนั้น

ประวัติการศึกษา

ปี พ.ศ. 2450 เมื่อหม่อมหลวงปิ่นมีอายุได้ 4 ขวบ ท่านได้เริ่มเรียนหนังสือที่บ้านกับครูแฉล้ม (แฉล้ม คุปตารักษ์) ต่อมาได้เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนมัธยมราชบูรณะ (ปัจจุบันคือโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย) และต่อมาในปี พ.ศ. 2457 หม่อมหลวงปิ่นก็เข้าศึกษาที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงในปี พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นนักเรียนมหาดเล็กในพระบรมมหาราชวัง ไม่ได้เรียนที่โรงเรียนอีก แต่ปลายปีนั้นก็ยังคงมาสอบไล่และสามารถสอบผ่านชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งทำให้เลื่อนไปเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แต่ก็ไม่ได้มาเรียนหรือมาสอบอีกเลย

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ได้รับทุนของกระทรวงธรรมการ จึงออกไปศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ โดยไปเข้าเรียนที่ The School of Oriental and African Studies, University of London (SOAS) หรือวิทยาลัยบูรพศึกษาและอาฟริกาศึกษา มหาวิทยาลัยลอนดอน และได้รับประกาศนียบัตรวิชาภาษาและวรรณคดีบาลีและสันสกฤต แล้วได้ย้ายไปศึกษาต่อที่คณะบูรพคดีศึกษา (Faculty of Oriental Studies) สถาบันตะวันออกของมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ประสบความสำเร็จโดยได้ปริญญาตรี (B.A.) เกียรตินิยมสาขาบูรพคดีศึกษา (Oriental Studies) วิชาเอกภาษาบาลีและสันสกฤต ในปี พ.ศ. 2471

ต่อมาในปี พ.ศ. 2474 ได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโทจนสำเร็จการศึกษา ได้รับปริญญาอักษรศาสตร์มหาบัณฑิต (M.A.) ระหว่างที่ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ท่านสังกัดวิทยาลัยบเร๊สโนส (Brasenose College) และในปี พ.ศ. 2498 ท่านก็ได้สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยป้องกันราช

รับราชการ ในปีพ.ศ. 2455 ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กที่พระที่นั่งอัมพรสถาน ต่อมาได้เป็นอาจารย์ประจำกองแบบเรียนกรมวิชาการ อาจารย์พิเศษคณะอักษรศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปีพ.ศ. 2474 ในปีพ.ศ. 2475 เป็นอาจารย์โท อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังได้เป็นหัวหน้าแผนกฝึกหัดครูมัธยม คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและรักษาการในตำแหน่งครูใหญ่โรงเรียนมัธยมหอวังในปีพ.ศ. 2477 อีกด้วย

หม่อมหลวงปิ่นได้เป็นอาจารย์เอก อันดับ 1 และได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี พ.ศ. 2480 5 ปีต่อมาในปี พ.ศ. 2485 ได้รับแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมสามัญศึกษาอีกตำแหน่งหนึ่งอีกด้วย ในปี พ.ศ. 2487 ท่านได้พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและเป็นที่ปรึกษาโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและทำงานในหน้าที่เลขาธิการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ในปี พ.ศ. 2489 ท่านดำรงตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และในปี พ.ศ. 2495 - พ.ศ. 2496 ท่านได้เป็นรักษาการอธิบดีกรมวิชาการ หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2497 ได้เป็นรักษาการอธิบดีกรมการฝึกหัดครู รักษาการอธิการวิทยาลัยวิชาการศึกษา ศาสตราจารย์พิเศษในคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

หม่อมหลวงปิ่น  มาลากุลดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2500 ถึง 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการตั้งแต่พ.ศ. 2500 ถึง พ.ศ. 2512 เป็นเวลายาวนานถึง 12 ปีเศษ

สถาปนามหาวิทยาลัยศิลปากรวิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์

ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล อธิการบดีในขณะนั้น มีนโยบายที่จะเปิดคณะวิชาและสาขาวิชาที่ หลากหลายขึ้น แต่เนื่องจากบริเวณพื้นที่ในวังท่าพระคับแคบมาก ไม่สามารถจะขยายพื้นที่ออกไปได้ จึงได้ขยายเขตการศึกษาไปยังพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม โดยจัดตั้งคณะอักษรศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๑๑ คณะศึกษาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๑๓ และคณะวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๑๕ ตามลำดับ หลังจากนั้น จัดตั้งคณะเภสัชศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๒๙ คณะวิศวกรรมมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๓๕ สาเหตุที่เลือกพระราชวังสนามจันทร์เป็นที่ตั้งวิทยาเขตแห่งใหม่ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ได้ให้เหตุผลไว้ดังนี้

  • ประการแรก พระราชวังสนามจันทร์เคยเป็นพระราชวังของพระบาทสมเด็จพระ มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ผู้สนพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่งในทาง โบราณคดีและศิลปะทั้งปวง ทรงเป็นนักโบราณคดีและศิลปินชั้นเยี่ยมโดยเฉพาะ ทาง วรรณศิลป์ ทรงสนับสนุนนาฏศิลป์ตลอดรัชสมัยของพระองค์
  • ประการที่สอง บริเวณพระราชวังสนามจันทร์เป็นที่ตั้งของเทวาลัยคเณศ ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น นอกจากนี้ พระคเณศยังเป็นเทพเจ้าแห่งศิลปะ และเป็นตราของทางมหาวิทยาลัยศิลปากร อยู่แล้ว
  • ประการสุดท้าย ที่จังหวัดนครปฐมมีพระปฐมเจดีย์ประดิษฐานอยู่ นับได้ว่าเป็น ศูนย์กลางของโบราณคดีและศิลปะที่สำคัญในประเทศไทย ดังนั้นบริเวณพระราชวัง สนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม จึงเหมาะที่จะเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยศิลปากร

          ก่อตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา

หม่อมหลวงปิ่น มาลากุลได้ก่อตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาขึ้น เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2480 โดยนักเรียนเริ่มเรียนในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2481 โดยมี ฯพณฯ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการคนแรกของโรงเรียน ในปีแรกๆ โรงเรียนได้เจริญขึ้นเป็นลำดับ เช่น ทางด้านวิชาการมีผลเป็นที่น่าพอใจ การสร้างตึก 2 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2482 และต่อมาได้สร้างตึก 3 ไปจนจดถนนอังรีดูนังต์ ในเวลานี้นอกจากผลงานทางด้านวิชาการจะเป็นที่น่าพอใจแล้ว นักเรียนยังได้แสดงความสามารถในการเล่นกีฬาต่างๆ ที่หม่อมหลวงปิ่น มาลากุลได้นำเข้ามาในโรงเรียน เช่น ฮอกกี้ รักบี้ และฟุตบอล เข้าเกณฑ์ที่กล่าวได้ว่า "เรียนก็เด่น เล่นก็ดี กีฬาเลิศ"

นอกจากนี้หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ยังมีวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ในการดำเนินการศึกษา ให้แก่นักเรียนเตรียมอุดมศึกษา ด้วยเล็งเห็นว่า โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่มุ่งเตรียมเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา จึงจัดสหศึกษาของวัยรุ่นด้วยความรอบคอบระมัดระวัง โดยการเตรียมความพร้อมด้านวิชาการ ควบคู่คุณธรรมดังที่ท่านเคยกล่าวไว้ว่า

" อันอำนาจใดใดในโลกนี้
ไม่เห็นมีเปรียบปานการศึกษา
สร้างคนหาค่ามิได้ในโลกา
ขึ้นจากผู้ที่หาค่าไม่มีฯ "

" อันตึกงามกับสนามกว้างสร้างขึ้นได้
มีเงินหยิบโยนให้ก็เสร็จสรรพ์
แต่งามจิตใจกว้างนั้นต่างกัน
การอบรมเท่านั้นเป็นปัจจัยฯ "

หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ได้วางระเบียบและข้อปฏิบัติงานไว้อย่างเหมาะสม นับเป็นประโยชน์แก่การศึกษา เป็นอย่างดียิ่ง เช่น

  • มีแผนทะเบียนเป็นศูนย์กลางขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการประสานงานฝ่ายวิชาการและ การปกครอง
  • จัดทำทะเบียนประวัติย่อของนักเรียนที่เข้าเรียนแต่ปีแรก
  • มีสถิติการเรียนและการสอบต่างๆ บันทึกไว้เพื่อให้ทราบพฤติกรรมของนักเรียน
  • วางระเบียบให้มีรางวัลคะแนนรวมให้แก่นักเรียนที่ได้คะแนนยอดเยี่ยม
  • มีการจารึกนามนักเรียนที่ได้คะแนนยอดเยี่ยมไว้ที่แผ่นเกียรติยศการศึกษาเป็นตัวอักษรสีทอง ไว้ในห้องประชุมของโรงเรียน (ปัจจุบันคือห้อง 111 ตึก 2)
  • นอกจากนี้ท่านยังได้คิดการแข่งขันกีฬา ให้เฉพาะโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเรียกว่า การแข่งขันวิ่งสามสระ เป็นกีฬาที่หญิงชายเล่นร่วมกันได้

หม่อมหลวงปิ่น มาลากุลได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแก่จอมพล ป. พิบูลสงคราม เมื่อราวเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2487 ดังนี้

             ตามที่ได้มาเรียนปฏิบัติข้อราชการ ณโรงเรียนลูกกำพร้าสงครามเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ศกนี้ และ พล ท่านได้แสดความเห็นใจว่า ในตำแหน่งอธิบดีกรมสามัญศึกษา ย่อมมีงานที่จะต้องปฏิบัติอยู่มากแล้ว ให้หาคนแทนในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษานั้น นับว่าเป็นความกรุณาของ พล ท่านเป็นอย่างยิ่ง จึงขอเชื่อและปฏิบัติตามคำแนะนำของ ล ท่านด้วยความเคารพอย่างสูงสุด    ในโอกาสนี้ขอประทานกราบเรียนว่า นับตั้งแต่ พล ท่านได้เรียกไปกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๔๘๐ เพื่อชี้แจงนโยบาย และมอบหมายให้จัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เป็นต้นมา ก็ได้ตั้งใจ ปฏิบัติงานอย่างเต็มสติกำลัง และพยายามรักษา นโยบายของพล ท่านไว้เป็นนิจ จำนวนนักเรียนทวีขึ้นจาก ๓๕๐ คน ในปีแรก จนถึง ๓,๕๐๐ คนในปัจจุบัน การงานมิได้มีติดขัดประการได จนกระทั่งประเทศเข้าสู่ภาวะสงคราม ซึ่งย่อมมีอุปสรรคเป็นธรรมดา แต่ก็แก้ไขให้ลุล่วงไปได้ ภายใต้การบังคับบัญชาสูงสุดของ พล ท่าน และ พล ท่านรองอธิการบดี  การเปลี่ยนแปลงตัวผู้อำนวยการนั้น ขอประทานกราบเรียนว่ารู้สึกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย แต่หม่อมเจ้าวงษ์ มหิปชยางกูร  ก็เป็นผู้ที่มีความสามารถในการสั่งสอนอบรมนักเรียนเป็นอย่างดี และเป็นอาจารย์ที่ได้อยู่ช่วยเหลือผู้อำนวยการมาเป็นอันมาก ตั้งแต่เริ่มจัดตั้งโรงเรียน จึงเป็นการเหมาะสมที่จะตั้งเป็นผู้อำนวยการต่อไป ดีกว่าเลือกบุคคลซึ่งยังไม่เคยร่วมงานนี้มาแต่ก่อน ส่วนในทางใจนั้น รู้สึกมีความอาลัยเป็นอย่างมากในการที่จะไปจากโรงเรียนเตรียมอุดมสึกสา เมื่อมาคำนึงว่า ตลอดเวลา ๖ ปีครึ่ง ที่ทำมานี้ มีตำแหน่งประจำอยู่ทางแผนกฝึกหัดครูคณะอักสรศาสตร์และวิทยาสาสตร์ในชั้นต้น และทางกรมสามัญศึกษาในเวลาต่อมา งานในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเป็นงาน พิเศษ ซึ่งมิได้มีตำแหน่งเงินเดือนหรือเงินเพิ่มพิเศษแต่อย่างใด แต่ก็ได้ทำมาด้วยความรักและการเสียสละในทุกทาง เพราะเป็นงานชิ้นแรกที่ พล ท่านมอบหมายให้ทำด้วยความไว้วางไจ และได้มีโอกาสสร้างครูอาจารย์ที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นเป็นจำนวนร้อย และอบรมกล่อมเกลานักเรียนจำนวนพัน ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นกำลังแก่ประเทศชาติไนภายหน้าได้ ก็บังเกิดความภาคภูมิใจและความสุขใจ ซึ่งเป็นรางวัลที่ พลท่านได้ให้มาในทางอ้อม… จึงค่อยปลดเปลื้องความอาลัยให้บรรเทาลงได้บ้าง

ชีวิตสมรส

ด้านชีวิตครอบครัว หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ได้สมรสกับ ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล ณ อยุธยา (นามสกุลเดิม ไกรฤกษ์) ธิดา เจ้าพระยามหิธร ( ลออ ไกรฤกษ์ ) และ ท่านผู้หญิงกลีบ มหิธร ( สกุลเดิม  บางยี่ขัน ) แต่ไม่มีบุตรธิดาด้วยกัน

  บั้นปลายชีวิต

หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2538 สิริอายุได้ 91 ปี 11 เดือน 11 วัน และเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544 ท่านได้รับการประกาศเชิดชูเกียรติจากองค์การยูเนสโกยกย่องท่านเป็น

"นักการศึกษาดีเด่นของโลก ในสาขาวรรณกรรมและสื่อสาร" ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวเตรียมอุดมทุกคน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา อันเชิญรูปปั้น ฯพณฯ ศ.หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล จากหอวชิราวุธานุสรณ์  มาประดิษฐาน ห้อง 57 ตึก 1 เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2545

ในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2546 เป็นวาระครบรอบ 100 ปีของ ฯพณฯ ศ. ม.ล.ปิ่น  มาลากุล โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาจึงดำริที่จะจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระคุณของท่าน นับแต่นี้ต่อไปก็จะมีเพียงการสานต่อแนวความคิดของ ฯพณฯ ให้ปรากฏเป็นผลสมเจตจำนง อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อประโยชน์ของเยาวชน และสังคมไทยตลอดไป

 ผู้นำในดวงใจ (The Idol)..... @^_^@

ม.ล ปิ่น  มาลากุล   

      เป็นผู้ที่มีความสามารถหลายด้าน   ณ.ตอนสรุปนี้ ท่านได้ อายุ 106 ปีแล้ว   ท่านเป็นบุตรชายคนเดียวของเจ้าพระยาเสด็จสุเรนทราบดี ซึ่งเป็นอดีตเสนาบดี  กับท่านผู้หญิงเสงี่ยม  ท่านมีพี่น้อง รวม 8 คน  ท่านเริ่มเรียน อายุ 4  ขวบ โดยจ้างครูมาสอนที่บ้าน   เข้าเรียน ม.1  ที่ โรงเรียนสวนกุหลาบ  เมื่ออายุได้ 10 ขวบ ถวายตัวต่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมหาดเล็ก ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี ทำคะแนนได้ดีมากในวิชาคณิตศาสตร์  วิชาภาษาอังกฤษ  ท่านสนใจด้านกีฬาโดยเฉพาะฟุตบอล เป็นนักเรียนมหาดเล็กได้  6  ปี ถูกส่งไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ  ศึกษาในวิชาครู ท่านตรากตรำกับงานที่ได้ออกฝึกสอน ศึกษาจนจบปริญญาโท  อักษรศาสตร์ (M.A. ) เดินทางกลับประเทศไทย  ท่านเป็นอาจารย์อันดับ 1 ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาฯ เลขาธิการจุฬาฯ ปลัดกระทรวงศึกษา  ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม    ท่านเป็นอธิการบดี เป็นผู้จัดตั้งคณะอักษรศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จัดตั้งคณะเภสัชศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม  ที่พระราชวังสนามจันทร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งวิทยาเขตแห่งใหม่   เป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา  เป็นผู้อำนวยการคน แรก  เลขาธิการจุฬา ๆ ปลักกระทรวงศึกษา  ท่านเป็นอธิการบดี  ท่านได้นำกีฬาเข้ามา   เช่น ฮอกกี้ รักบี้ และฟุตบอล เข้าเกณฑ์ที่กล่าวได้ว่า "เรียนก็เด่น เล่นก็ดี กีฬาเลิศ"  ท่าน ยังมีวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ในการดำเนินการศึกษา ให้แก่นักเรียนเตรียมอุดมศึกษา ด้วยเล็งเห็นว่า โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่มุ่งเตรียมเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา จึงจัดสหศึกษาของวัยรุ่นด้วยความรอบคอบระมัดระวัง โดยการเตรียมความพร้อมด้านวิชาการ ควบคู่คุณธรรม ท่านได้รับการประกาศเชิดชูเกียรติ จากองค์การ ยูเนสโก  ยกย่องเป็นนักการศึกษาดีเด่นของโลก   ดังคำกลอนที่ว่า

          กล้วยไม้ออกดอกช้าฉันใด      การศึกษาเป็นไปฉันนั้น 

          ผลิดอกออกคราใดงามเด่น  งานสั่งสอนปลูกปั้นเสร็จแล้ว  แสนงาม

ไม่มี   ม.ล ปิ่น  มาลากุล   ผู้มีความขยันและอดทน  โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาก็มิได้ก่อตั้งขึ้น  พร้อมยังผลิตครูที่เข้มแข็งขึ้นอีกมากมาย ได้วางระบบ ระเบียบ ทางด้านการศึกษา อย่างดีเยี่ยม

 

 

หมายเลขบันทึก: 319572เขียนเมื่อ 11 ธันวาคม 2009 15:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 14:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ทำงานเสร็จไวทันใจจริงนะหนู อ่านบทความแล้วอยากเป็นครูต่อไป กล้วยไม้ออกดอกช้า แต่เมื่อออกแล้วทนทานและสวยงามมากๆ

สวัสดีครับ ท่านเป็นแบบอย่างที่ดีมากๆๆ

อ่านแล้วได้รู้วิธีการทำงาน...ได้แนวคิดการทำงานดีมาก

อ่านไม่ไหว ฟังจากรายงานเข้าใจมากกว่า

ขอบคุณครับที่ชื่นชอบผู้นำในดวงใจของผม

ครับผม...ชอบกล้วยไม้เหมือนกันเลยครับ....

เพราะออกดอกช้าฉันใด...ก็ฉันนั้น...การศึกษาก็ต้องดูผลกันนาน ๆ ครับ

ว่าสิ่งที่เราสร้างไปนั้นอีกหลายปีเขาจะเป็นอย่างไร....

ชอบคะ..ที่ว่ากล้วยไม้ออกดอกช้าฉันใด..การศึกษาก็เป็นเช่นนั้น..เห้นคำกล่าวนี้แล้วคิดถึงตนเองว่า กว่าจะมีความรู้ขนาดนี้ดูซิใช้เวลาน้าน นาน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท