คุณธรรมที่อยากนั่งเครื่องย้อนเวลากลับไปแก้ไข


ผมเห็นโฆษณาตามที่เล่ามาข้างต้น ผมว่าคุณธรรมของผมน่าจะไม่อาจยังประโยชน์ต่อครอบครัวของ นาย ข...ลูกหนี้ตามคำพิพากษารายนี้เอาเสียเลย เพราะผมไม่ทำ ก็ต้องมีทนายความท่านอื่น หรือสำนักงานทนายความอื่นรับไปทำอยู่ดี

กลับมาแล้วตามคำมั่นครับ

 

คุณธรรมที่อยากนั่งเครื่องย้อนเวลากลับไปแก้ไข

 

เมื่อประมาณสองสามสัปดาห์ก่อนจะบันทึกเรื่องจำเลยสอนมวยทนายความ ผมได้ดูโฆษณา ชุดหนึ่ง เกี่ยวกับของเหลวที่ดื่มแล้วปรับพฤติกรรมไปหาธรรมชาติตนเองได้ (ท่านใดยังไม่เคยดื่มก็ไม่ต้องสรรหามาดื่มนะ เพราะกฎหมายห้ามขับ เวลาดื่ม.... จริงๆแล้วผมไม่เคยดื่มขณะขับสักกะที แฮ...)  ตามหนังโฆษณามีอยู่จุดหนึ่งที่ทีมวิศวกรขอปฎิเสธการรับทำโครงการ เพราะเห็นว่าเป็นเขตเมืองเก่าไม่อยากมีส่วนในการทำลาย แต่เมื่อเดินออกจากจุดนั้นมาแล้วมีวิศกรในทีมท่านหนึ่ง เสนอว่า ถ้าเราไม่ทำ เขาก็ต้องหาคนอื่นมาทำอยู่ดี  แล้วเสนอว่าเราสามารถทำโครงการนี้โดยไม่ทำลายเมืองเก่าก็ได้ อะไรทำนองนี้  จากจุดนี้ทำให้ผมคิดถึงเหตุการณ์หนึ่งตอนเริ่มเป็นทนายความได้ประมาณสองปี จึงอยากนั่งเครื่องย้อนเวลากลับไปแก้ไขคุณธรรมที่ผมมีให้กับครอบครัวหนึ่ง เมื่ออ่านจบแล้วก็ยากจะถามท่านผู้อ่านว่า  ผมควรจะยินดี หรือควรจะเสียใจดีครับ เรื่องมีอยู่ว่า

เมื่อผมเริ่มอาชีพทนายความมาได้สัก สองปี ท่านหัวหน้าสำนักงานคงเห็นคุณสมบัติของผมเหมาะจะเป็นทนายความของธนาคารต่างชาติ (เพราะรู้ภาษามือได้ดีมั่ง  แฮ...) จึงส่งผมให้ไปดำเนินการด้านคดีความให้ธนาคารต่างชาติ ซึ่งตั่งอยู่แถวถนนเจริญกรุง-เยาวราช แถวๆนั้น  ธนาคารนี้มีเพียงสาขากรุงเทพ สาขาเดียวทำเกี่ยวกับการส่งออกพืชผลทางการเกษตร  เมื่อไปติดต่อตามที่ท่านหัวหน้าสำนักงานสั่งมา ก็สามารถสื่อสารกันได้เข้าใจรู้เรื่องต่างๆได้ดีมากแม้จะเป็นธนาคารต่างชาติ ผมพูดอะไรไปเขาเข้าใจและเมื่อเขาถามอะไรมาผมก็เข้าใจชี้แจงได้ดี (เพราะท่านเจ้าหน้าที่ธนาคารเป็นคนไทยครับ ฮิ...) เรื่องที่ผมไปรับดำเนินการคือเรื่องการยึดทรัพย์ ลูกหนี้ตามคำพิพากษาครับ (คำว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นภาษาทางกฎหมายครับ ในวงการกฏหมายใช้เรียกบุคคล ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ที่ถูกศาลในคดีส่วนแพ่งพิพากษาให้ชำระหนี้ บุคคลนั้นจะถูกเรียกว่า ลูกหนี้ตามคำพิพากษา ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องเป็นจำเลยเสมอไป ในบางคดี โจทก์เองก็ตกเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้เช่นกัน อย่าพึ่งปวดหัวครับ เอาเป็นว่าหากใครก็ตามที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ต้องชำระหนี้ด้วยวิธีการใดๆก็ตาม  มวลหมูเราจะเรียกเขาว่า ลูกหนี้ตามคำพิพากษาครับ )  กลับเข้าเรื่องนะครับ   เนื่องจากมีท่านทนายความใจดีท่านอื่นรับทำคดีไว้เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว ก็ไม่ได้รับดำเนินการเกี่ยวกับการบังคับคดีให้ อาจเพราะมีการตกลงว่าจ้างกันเพียงศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ไม่รับส่วนการบังคับคดีก็เป็นได้ (ขอนอกเรื่องอีกครั้งครับ คือถ้ามีโอกาสเรียกใช้บริการทนายความ ก็ให้ถามท่านทนายความให้ชัดนะครับว่า รับทำคดีให้ถึงขั้นไหน ขอภาวนาว่าให้ทุกท่านปลอดจากการต้องใช้บริการทนายความครับ แฮ... ) เดินหน้าต่อนะครับ เมื่อรับเรื่องมาแล้ว ผมก็ต้องขอสำนวนทั้งหมดจากทางธนาคารมาอ่านทำความเข้าใจ และเพื่อถือโอกาสศึกษาสำนวนคดีของทนายความท่านอื่นที่ทำคดีด้วย ก็ได้ความว่าจำเลยที่ 3 (คดีนี้มีจำเลยสามท่าน) เป็นทั้งผู้ค้ำประกันและเป็นทั้งเจ้าของที่ดินที่ใช้ค้ำประกันหนี้ตามสัญญากู้ 22,000,000.-บาท (วงเงิน packing credit)  ส่วนจำเลยที่ 1เป็นนิติบุคคล (เป็นบริษัทนะครับ) และ จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการ ต่างไม่มีทรัพย์สินอะไร เพราะกำลังถูกฟ้องล้มละลายอยู่ในคดีเรื่องอื่น หลังจากศึกษาข้อมูลคดีแล้วก็ไปดำเนินการส่งคำบังคับให้จำเลยตามขั้นตอน เมื่อครบกำหนดจำเลยที่ 3 ไม่ดำเนินการชำระหนี้ ก็ไปตั้งเรื่องบังคับจำนองตามคำพิพากษา ที่สำนักงานบังคับคดี โดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไป ณ ที่ดินซึ่งตั้งอยู่ตามวิธีการบังคับคดี  เชื่อหรือไม่ว่าความมีคุณธรรมของผมก็บังเกิดขึ้น ณ ที่ดินของจำเลยที่ 3 นี้หละ  สิ่งซึ่งกระทบความรู้สึกผมและท่านเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ไปกับผมคือภาพที่เห็น พ่อ แม่ และลูกๆอีก 3 คน (คาดว่าอายุประมาณ 8 ถึง 10 ขวบน่าจะไม่เกิน)กำลังนั่งกับพื้นไม้เก่าๆทานข้าวกลางวันกันอยู่ (เวลาที่ผมไปถึงเลยเที่ยงไปมากแล้ว) ในจานข้าวของทุกคน ข้าวหายไปคนละประมาณครึ่งจาน กับข้าวเท่าที่เห็น มีปลาแห้งชิ้นเล็กกว่าฝ่ามือผมอยู่หนึ่งชิ้น ผักลวกอยู่ไม่เต็มจาน ( น่าจะเป็นผักที่เก็บมาจากท้องไร่ท้องนา ) น้ำปลาติดก้นถ้วยมีพริกอยู่ สี่ห้าเม็ด พ่อนุ่งกางเกงสีดำตัวเดียวไม่มีเสื้อ แม่มีเสื้อสีดำๆกับผ้าถุงลายดอกที่ดูไม่ออกว่าเป็นลายอะไร ส่วนลูกคนโตมีเสื้อที่ใหญ่กว่าตัวมากสวมอยู่ยาวถึงตาตุ่ม น้องอีกสองคนไม่มีอะไรห่มกายเลย เมื่อผมถามว่าใครชื่อนาย ข...(ชื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษา) ผู้เป็นพ่อก็บอกว่าเป็นตัวเขาเอง ผมก็ได้สอบถามเขาว่าเคยไปกรุงเทพหรือไม่ เขาบอกว่าเกิดมายังไม่เคยไป (ลืมบอกว่าที่ดินที่นำยึดอยู่ห่างจากกรุงเทพประมาณ 160 กิโลเมตร) เชื่อหรือไม่ผมไม่มีคำถามอะไรอีกและก็ไม่บอกเขาว่ามาเพื่อยึดที่ดินของเขา แต่กลับบอกเขาว่ามาจากหน่วยงานของรัฐเพื่อสำรวจรายชื่อไม่มีอะไรมาก และได้บอกท่านเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า ของดการนำยึด   ในระหว่างเดินทางกลับมาในรถด้วยกัน ผมชี้แจงให้ท่านเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบว่าผมมีเหตุผลให้เชื่อว่า นาย ข....ไม่น่าจะเป็นผู้ค้ำประกันได้เลย ต้องมีอะไรบางอย่างผิดแน่นอน ท่านเจ้าพนักงานบังคับคดีก็บอกผมว่า ท่านก็เชื่อว่าน่าจะมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคดีนี้ไม่ถูกต้องแน่นอนเพราะดูแล้วไม่เชื่อว่า นาย ข... จะเป็นผู้ที่ธนาคารจะเชื่อถือให้เป็นผู้ค้ำประกันวงเงินสูงเป็นสิบๆล้านได้เลย  เมื่อผมกลับถึงธนาคารก็ได้ทำรายงานให้ทางธนาคารทราบตามความเป็นจริงที่ได้ไปพบเห็นมาขอให้ทำการตรวจสอบอีกครั้ง หลังจากงดดำเนินการไว้ประมาณ สองเดือน ก็ได้รับแจ้งจากธนาคารว่าให้ผมไปดำเนินการยึดทรัพย์ต่อให้เสร็จ เพราะทางสำนักงานใหญ่ให้ยึดเอาคำพิพากษาเป็นที่ยุติ ผมจึงได้ทำหนังสือแจ้งขอถอนตัวและได้แจ้งให้ท่านหัวหน้าสำนักงานทราบก็ได้รับคำชมว่าทำถูกต้องแล้ว เพราะหากเราทำลงไปก็จะเป็นบาปเปล่าๆ เห็นหรือยังครับว่า สำนักงานที่ผมทำงานอยู่ต่างก็มีคุณธรรมเช่นผม (จริงหรือ ...นึกแล้วเศร้านะครับ)

แต่เมื่อผมเห็นโฆษณาตามที่เล่ามาข้างต้น ผมว่าคุณธรรมของผมน่าจะไม่อาจยังประโยชน์ต่อครอบครัวของ นาย ข...ลูกหนี้ตามคำพิพากษารายนี้เอาเสียเลย  เพราะผมไม่ทำ ก็ต้องมีทนายความท่านอื่น หรือสำนักงานทนายความอื่นรับไปทำอยู่ดี หากผมขยายเงื่อนไขการใช้คุณธรรมของผมออกไปให้มากกว่านี้สักหน่อย ผมน่าจะมีหนทางช่วยเหลือลูกหนี้ตามคำพิพากษารายนี้ให้ได้รับความยุติธรรมได้แน่นอน เพราะยังมีช่องทางให้เขาได้มีโอกาสต่อสู้คดี โดยวิธีการให้เขายื่นร้องขอพิจารณาคดีใหม่ เพราะคดีนี้เป็นคดีขาดนัด คือจำเลยทั้งสามขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาคดี เป็นการพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียว ซึ่งผมก็ไม่ได้ติดตามว่าผลเป็นอย่างไร พ่อแม่และลูกๆสามคนมีชีวิตเป็นอย่างไร นี้แหละคือ คุณธรรมที่ผมได้มอบให้กับครอบครัวนี้ ซึ่งทำให้ผมอยากมีเครื่องย้อนเวลากลับไปแก้ไขเสียใหม่  

ผมขอฝากท่านที่กำลังคิดจะเรียนกฎหมายไว้ด้วยว่า หากในภายหน้าถ้าท่านมีโอกาสจะมอบคุณธรรมให้กับใครก็ขอให้ใช้ความรอบครอบกว่าผมนะครับ จะได้ไม่ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นโฆษณาอย่างที่ผมเห็น ตัวอย่างเช่นการใช้ความรอบครอบที่ผมว่ากับคดีนี้คือ ในคดีแพ่ง เมื่อจำเลยถูกฟ้องคดีหลังจากโจทก์ได้ดำเนินการส่งหมายต่างๆถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว หากภายในกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จำเลยไม่ยื่นคำให้การต่อสู้คดี และไม่ได้ไปศาลเลยในวันที่ศาลนัดพิจารณาคดี คดีประเภทนี้ ศาลจะสั่งว่าจำเลยขาดนัด และจะทำการสืบพยานและพิพากษาคดีไปฝ่ายเดียว เพราะถือตามข้อกฎหมายว่าจำเลยทราบนัดโดยชอบแล้วนั้นเอง แต่ก็ยังให้โอกาสจำเลยที่ขาดนัดจะมายื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีนั้นใหม่เมื่อจำเลยทราบในภายหลัง แต่ก็ต้องมีขั้นตอนและต้องยื่นในกำหนดระยะเวลาครับ เป็นไงครับเหตุผลที่ผมว่าหากผมใช้ความรอบครอบจริงๆ ก็จะได้บุญมากกว่าได้บาปนะ คิดแล้ว เศร้า.....

คราวหน้าจะเล่าเรื่องการใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส

หมายเลขบันทึก: 319004เขียนเมื่อ 8 ธันวาคม 2009 23:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

อ่านทั้งหมดแล้วติดใจเรื่องบุญ คำเดียวครับ ขออนุโมทนา

ขอขอบพระคุณท่านไกรษรมากครับที่ แวะมาให้กำลังใจ เรื่องที่ผมเล่ามาไม่น่าจะเป็น บุญ ครับ

เขียนดีอย่างนี้ เพื่อนรักผมครับ....อิอิ

ขอโทษทีตามอ่านบันทึกรวดเดียวเลย ไม่ได้มาร่วมแจมตั้งแต่แรกเพราะยุ่งอยู่กับการเตรียมงานฉลอง ๑๐๐ ปีสตรีภูเก็ต กับแจกการ์ดลูกขายจะแต่งงาน ไม่ได้เปิดบันทึกอ่านเลย ถ้าเพื่อนว่างก็เชิญนะที่อุทยานอาหารไทนาน ภูเก็ต ๑๑.๓๐ น.ของวันที่ ๒๗ ธันวาคม นี้ ฝากเหล็งแจ้งข่าวกำพล และพร แล้ว ลิมบอกดำ (ทำเนียบ) ถ้าเจอบอกด้วยนะ..

ขอบคุณครับท่านอัยการชาวเกาะที่แวะเยี่ยม

ดีใจด้วยเพื่อนรัก ที่ลูกจะมีครอบครัวสักที (หลานผมเองครับท่าน อิอิ..) แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบเพศจะรอดูทะเบียนสมรสครับ (แฮ..)

27 นี้ พบกันเพื่อนรัก

  • อ่านแล้วเศร้า...ชาวบ้านที่ไม่รู้กฏหมายมักตกเป็นเหยื่อเสมอ
  • ดีใจที่คุณและสำนักงานของคุณมีคุณธรรม
  • เพราะส่วนใหญ่  ทนาย  อัยการ ...น่าคิด...
  • ไม่แน่ใจว่ามองในแง่ร้ายไปไหม 
  • แต่ที่รู้จักมาแล้ว...น่าคิด  ทุกคน

อย่าเศร้าเลยครับคุณครูปริมปราง แม้ไม่รู้กฎหมายใช่ว่าจะต้องเป็นเหยื่อเสมอไป หากไปพบผู้รู้ก็ปกป้องได้

ฝากคุณครู แนะนำเด็กๆให้ไปบอกผู้ปกครองด้วยครับ

หากมีอะไรเกี่ยวกับกฎหมายให้ไปพบทนายความของสภาทนายประจำจังหวัดได้ (มีทุกจังหวัดครับ)

หากไม่ทราบว่าตั้งอยู่ที่ไหน ให้ไปที่ศาล และถามเจ้าหน้าที่ศาล หรือทนายความที่ศาลก็ได้

ผมไม่อยากให้คุณครูมีมุมมองที่....น่าคิด....กับทนายความ และ อัยการ ในทางลบเลย

ในเส้นทางของงานยุติธรรม ผมยืนยันว่ามีคนดีมากกว่าหลายเท่า ไม่เช่นนั้นแนวทางยุติธรรมจะไม่ดำรงอยู่ในสังคมได้

เพียงแต่ คนดีในเส้นทางนี้ส่วนใหญ่จะยินดีปิดทองหลังองค์พระครับ ในสังคม G2K ก็มีหลายท่านลองติดตามศึกษาดูครับ

นักกฎหมายทุกท่าน จะทราบดีว่าสิ่งใดคือความยุติธรรม

ไม่ว่านักกฎหมายท่านใดจะที่คิดคด หรือคิดดี มันก็ฝังตรึงอยู่ในหัวใจนักกฎหมายทุกท่านครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • น้องซิลเวียอ่านบทความเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่า..อาจารย์สะท้อนให้เห็นถึงการยึดมั่นในคุณธรรมของทุกวิชาชีพในสังคมออกมาได้อย่างน่าชื่นชมค่ะ
  • เพราะเรื่องบางเรื่องเราอยากยุติไว้ด้วยการ"ไม่ทำ"..แต่ก็ยัง"คนอื่น"กลับทำอีกมากมาย
  • อ่านบทความของอาจารย์แล้วได้ซึมซับความรู้ทางกฏหมายไปบ้างนิดหน่อยๆค่ะ..เพราะว่าน้องซิลเวียไม่ได้เรียนทางด้านนี้ อาจเข้าใจยากบางประเด็น
  • แต่จะหัดอ่านไว้ให้คุ้นชินค่ะ..ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ คุณน้องซิลเวีย ที่แวะมาอ่านบันทึก

หหมายเหตุ

ขอบคุณที่ให้เกียรติเรียกผมว่าอาจารย์

แต่ขอเถอะครับมันฟังดูแล้วสูงอายุยังไงไม่รู้...แฮะๆ.. เรียกพี่เถอะครับ

พอดีเกิน 35 เสียแล้วจะให้เรียกพี่รหัส เห็นจะไม่เหมาะ อิอิ.. (ส่วนเกืน ไม่บอก ปล่อยให้ งง..)

ดีใจที่เจอผู้รู้กฎหมายที่มีคุณธรรมสูงอย่าง จขบท ค่ะ

สวัสดีครับคุณมนัสนันท์

ผมพิมพ์ชื่อคุณหลายๆครั้งก็ชักอยากทราบความหมายของชื่อคุณมนัสนันท์  เห็นมีความตั้งใจและมุ่งมั่นในการอ่านอย่างน่าชมเชย ดีใจครับที่มีอาชีพเป็นครู เพราะความมุ่งมั่นอันนี้จะยังประโยชน์ต่อเยาวชนของชาติอย่างยิ่ง

ในความคิดผม ครูไม่ใช่เรือจ้าง แต่ครูคือเทวดาและนางฟ้า

จริงๆแล้วผมเชื่อว่านักกฎหมายทุกท่านมีคุณธรรม ที่ยึดตรึงอยู่ในใจ

เพียงแต่ นักกฎหมายแต่ละท่านจะดึงเอาคุณธรรมออกมาปฏิบัติหรือไม่

  • ได้ติดตามอ่านที่คุณกรุณาตอบทุกบันทึกแล้วนะคะ ขอบพระคุณที่ช่วยชี้แจงให้เข้าใจได้มากยิ่งขึ้น
  • ติดตามอ่านย้อนไปจนถึงบันทึกแรกที่ก่อนจะเริ่มเข้ามาเป็นทนายความ เพราะว่าอยากรู้ปัญหา และวิธีการแก้เป็นปัญหา และบทสรุปค่ะ
  • ทำให้ได้รู้ว่าท่านทำงานโดยควบคู่ไปกับคำว่าคุณธรรม ซึ่งขอยกย่องด้วยใจ
  • ตอบความหมายของชื่อนะคะ มนัสนันท์ แปลว่า ใจเป็นสุขค่ะ (ผู้มีใจเป็นสุข)
  • และขอขอบพระคุณที่คุณยกย่องให้เกียรติอาชีพ ครู ค่ะ

สวัสดีครับคุณมนัสนันท์

ขอขอบพระคุณครับที่แจ้งความหมายของชื่อให้ทราบ

ความหมายช่างเหมาะกับอาชีพครูอย่างยิ่ง

ผมเชื่อว่าวันที่เห็นศิษย์เก่ากลับมากราบคุณครู

และทราบว่าศิษย์มีอาชีพที่ดีเป็นทรัพยบุคคลคุณภาพของชาติ

ความรู้สึกของครูเป็นดั่งความหมายของชื่อครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท