พ่อจากไปเกือบ ๑๐ ปีแล้ว
เหลือไว้เพียงความทรงจำดีๆ ให้คิดถึง
ยามว่างพ่อมักจะเล่าเรื่องราวสมัยเด็กๆ ให้ฟังเสมอ
ชีวิตของพ่อวัยเด็กนั้น ช่างน่าสงสารเหลือเกิน
พ่อในวัยเด็กไม่ค่อยเป็นที่ต้องการของใคร ๆ
มีเพียงแม่ที่คอยดูแลเอาใจใส่ แต่แม่ก็มาตายจากไปตั้งแต่ยังเล็ก
ส่วนพ่อ (ปู่) ก็ไม่สนใจครอบครัว พ่อจึงเติบโตมากับญาติพี่น้อง
ไม่ค่อยได้เรียนหนังสือ ถามพ่อว่าจบชั้นไหน พ่อเองก็ตอบไม่ได้
จำได้แต่ว่าเคยเข้าโรงเรียนอยู่บ้าง หลังสงครามโลกก็โตแล้ว
พ่อเล่าด้วยความขมขื่นใจว่าไปอยู่กับใคร เขาก็ดูถูกดูแคลน
อยู่อย่างเทียบเทียมลูกหลานเขาก็ไม่ได้ ถูกดุ ด่า ได้ทุกวัน
ถามพ่อว่าโกรธไหม พ่อตอบว่าไม่โกรธ เพราะเราเป็นเด็ก
เขาให้ที่อยู่ที่กินกับเราก็ดีแล้ว ส่วนกับลูกๆ หลานเขาพ่อก็
ไม่ถือสา เขาให้เล่นด้วยก็เล่น เขาไม่ต้องการก็ปลีกตัวออกไป
ชีวิตของพ่ออิสระมากนัก แบบที่ไม่มีใครห่วงเลย อาหารการกิน
ก็รู้จักเวล่ำเวลามาหากินเอง ไม่มีการเก็บหรือแบ่งปันให้หรอก
พ่อเล่าเคล้าด้วยเสียงหัวเราะ
มีครั้งหนึ่ง พ่อไปเล่นคนเดียวอยู่กลางนาจนอ่อนเพลียแล้วงีบหลับ
อยู่ข้างคันนา พอสะดุ้งตื่นขึ้นมาก็มืดสนิทมองไม่เห็นอะไรเลย
จะกลับบ้านก็ไปไม่ถูกจึงนอนตากน้ำค้าง ตากลมต่อจนรุ่งเช้า
ไม่มีใครถามถึง ไม่มีใครสงสัยว่าหายไปไหนมา ต่างคนต่างอยู่จริงๆ
แต่พ่อก็ชาชินเสียแล้ว
ด้วยเป็นเด็กส่วนเกินที่ไม่มีใครสนใจไยดี ทำให้พ่อเกือบตายมาแล้ว
พ่อเล่าว่าวันนั้นพ่ออ่อนเพลียมาก อาจเพราะหิวมากก็เป็นได้
พ่อไปตักน้ำในบ่อ แต่กลับพลัดตกลงไป โชคดีที่บังเอิญว่ามีแผ่นไม้
แผ่นหนึ่งตกลงไปด้วย พ่อจึงคว้าแผ่นไม้นั้นลอยคออยู่ในบ่อน้ำลึก
อยู่เป็นนานสองนาน กว่าจะมีคนมาพบและช่วยชีวิตไว้
พ่อบอกว่า........คนยังไม่ถึงที่ตาย อย่างไรก็ไม่ตาย
พ่อเล่าถึงปณิธานของตัวเองในตอนนั้นว่า...........................
.............หากพ่อมีลูก........ พ่อจะรักลูก
ดูแลเอาใจใส่และไม่ทอดทิ้งลูก
เหมือนกับที่พ่อ........ถูกทอดทิ้งมา
ผ่านวัยเด็กมาอย่างทุลักทุเล ได้พบเจอกับพี่สาวเอาตอนวัยรุ่น
พ่อดีใจที่รู้ว่ายังมีญาติสนิทให้อุ่นใจบ้าง และมีน้องชายอีกคน
แต่พ่อไม่ได้เล่าให้ฟัง คงเติบโตกันมาคนละที่ละทางกระมัง
จำได้แต่ว่าถูกน้องหัวเราะเยาะ เมื่อพ่อไปทำงานรับจ้างและได้เงินมา
เป็นครั้งแรก ซึ่งพ่อดีใจมากที่สุด จึงถือเงินไว้และเอาขึ้นมาดูบ่อยๆ
ต่อมาพ่อสมัครเป็นทหารเกณฑ์ และด้วยความขยันหมั่นเพียร อดทน
ตั้งใจทำงาน พ่อจึงได้เป็นทหารจริงๆ เคยอยู่ในหน่วยเสนารักษ์
เรียนรู้การพยาบาลมาพอสมควร พ่อจึงได้ชื่อเล่นอีกชื่อว่า "หมอ
เมื่อครั้งสงครามบูรพา พ่อสมัครไปรบที่เกาหลีเป็นรุ่นที่ ๑๔
มีโอกาสได้ไปท่องเทียวที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่น
หลังจากนั้น พอเป็นทหารถึงยศสิบเอก พ่อก็ลาออกมาเป็นพ่อค้า
ขายของชำอยู่ที่บ้านหลายปี จนถึงวาระสุดท้าย
แม้ว่าพ่อจะเป็นคนพูดไม่เก่ง แต่ภาษาท่าทางของพ่อแสดงออกถึง
ความรักได้อย่างเต็มเปี่ยม และล้นเหลือ กับลูกแล้วพ่อมีรักให้ทุกวัน
เมื่อลูกเป็นเด็ก
เมื่อลูกโตพ่อถามความสมัครใจลูกว่าอยากเข้าโรงเรียนอะไร
ลูก ๓ คน จึงได้เรียนกันคนละแห่ง อยู่กันคนละทิศละทาง
สวัสดีค่ะ
มาร่วมระลึกถึงความดีของคุณพ่อ...ด้วยค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะคุณคนไม่มีราก
วันนี้มารำลึกถึงพ่ออีกคราหนึ่ง หลังจากที่ถวายพระพรออนไลน์แล้ว
วานนี้ไปวัด ทุกคนร่วมกันทำสมาธิแผ่เมตตาจิตถึงพระองค์ท่านด้วย
แต่ก่อน.............สงครามเกาหลี
ปัจจุบัน.............ซีรีย์เกาหลี
ใช่ค่ะ เรียนภาษาเกาหลีอีกแบบหนึ่ง