18.การติดตามข่าวสารของการญิฮาดและการเผยพร่มัน
การติดตามข่าวสารของการญิฮาดและมูญาฮิดีนนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจาก
19.การเผยแพร่งานเขียนของมูญาฮิดีนและอุลามาอฺของพวกเขา
ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่มุสลิมหลายคนอ้างว่า มูญาฮิดีนขาดแคลนซึ่งอุลามาอฺที่จะสนับสนุนพวกเขาและพวกเขาขาดแคลนซึ่ง กลยุทธ์ที่ชัดเจน ด้วยเหตุนั้นแหละสิ่งที่มูญาฮิดีนกำลังทำนั้นปราศจากการสนับสนุนนและปราศจาก ความก้าวหน้า ช่างเป็นข้ออ้างที่ห่างไกลจากความความจริงเสียนี่กระไร ในทุกวันนี้มีอุลามาอฺและนักกลยุทธ์มากมายที่สนับสนุนการญิฮาด ปัญหาก็คือเพราะพวกเขาอยู่บนสัจธรรม ดังนั้นพวกเขาส่วนมากจึงถูกฆ่า ถูกจำคุก หรือไม่ก็จำต้องหลบซ่อนอยู่ใต้ดิน กระนั้นก็ตาม ยังคงมีปัจจัยสนับสนุนและกลยุทธ์อีกมากมายที่ถูกเสนอสำหรับงานญิฮาด ความจริงแล้ว งานเขียนของอุลามาอฺญิฮาดนั้น มักจะมีแนวโน้มที่มีพื้นฐานที่ลึกซึ้งต่อชาริอะฮฺ เนื่องจากพวกเขามักจะพูดตามความเป็นจริง นั่นก็หมายความว่า พวกเขาไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวพันกับการปล่อยปะละเลยต่อหลักการชารีอะฮฺ บิดพลิ้วต่อบทบัญญัติชาริอะฮฺ และการขวนขวายซึ่งทัศนะที่ผิดแผกอย่างที่บางคนได้กระทำ อุลามาอฺของมูญาฮิดีนนั้น พวกเขาได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่เกรงกลัวผู้ใดนอกจากอัลลอฮฺและ พร้อมเสมอที่จะทำให้ผู้อื่นไม่พอใจหากสิ่งนั้นจะทำให้อัลลอฮฺทรงพอพระทัย พวกเขาอยู่กับอัลกุรอานและฮะดีษและคำพูดของปวงปราชญ์แห่งประชาชาติ เช่น อิบนุฮะญัร, อัล นาวาวี, อัลกุรฏุบี, อิบนุกะษีร, อิบนุตัยมียะฮฺ และบรรดาอีหม่ามทั้งสี่ พวกเขาไม่มีสิ่งใดซุกซ่อนหรือปิดบัง สิ่งเหล่านี้ทำให้ผลงานของเขานั้นชัดเจนและน่าเชื่อถือมากที่สุด และในการตอบโต้ข้อเท็จจริงที่ว่าไม่มีสำนักพิมพ์หรือผู้ผลิตสื่อรายใดที่ กล้าเสี่ยงสนับสนุนงานของพวกเขา มันจึงตกเป็นหน้าที่ของมูญาฮิดีนและผู้ที่เห็นด้วยกับพวกเขาในการทำงานเหล่า นั้น ดังนั้นภาระหน้าที่ของเราก็คือ การเผยแพร่ผลงานของพวกเขา
สิ่งที่ท่านสามารถมีส่วนร่วมในเผยแพร่ ได้แก่สิ่งดังต่อไปนี้
20.การออกฟัตวาที่สนับสนุนมูญาฮิดีน
มีอุลามาอฺมากมายที่เต็มใจพูดความจริง อุลามาอฺเหล่านี้ควรได้รับการสนับสนุน และพี่น้องทั้งหลายก็ควรให้การสนับสนุนอุลามาอฺเหล่านี้ และจงทำให้พวกเขารู้ว่า พวกเขาจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน คำฟัตวาของอุลามาอฺเลห่านี้ควรได้รับการเผยแพร่ไปยังมวลชนอย่างกว้างขวาง เพราะมีเยาวชนหนุ่มสาวหลายคนที่เห็นด้วยกับวิธีการของมูญาฮิดีน แต่พวกเขาไม่อาจน้อมรับวิธีการการเหล่านั้นได้อย่างเต็มใจได้ จนกว่าจะมีอุลามาอฺมาแสดงความเห็นด้วยกับวิธีการเหล่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วมวลชนเหล่านี้ก็คือผู้ตามและพวกเขาก้ต้องการให้อุลามา อฺชี้ทางให้แก่พวกเขา
21.การให้ข้อมูลแก่อุลามาอฺและบรรดาอิหม่าม
อันเนื่องมาจากคนที่เป็นนักวิชาการนั้น ไม่ได้มีความรอบรู้ในทุกๆด้าน ในความเป็นจริงแล้ว มีโอกาสสูงที่นักวิชาการเฉพาะด้านจะไม่มีความรู้ในสาขาอื่นๆ นักวิชาการเหล่านี้ควรได้รับการจัดเตรียมด้วยกับเนื้อหาที่ดี
จากการสนทนาของฉันกับบรรดาอุลามาอฺต่างๆ -ซึ่งบางคนก็อยู่ในเวทีระดับโลกมาแล้ว- ฉันต้องถึงกับแปลกใจเมื่อพวกเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับมูญาฮิดีนเลย พวกเขาไม่รู้ว่าที่ใดบ้างที่มีมูญาฮิดีนกำลังต่อสู้ดิ้นรนอยู่ และไม่มีข่าวสารเกี่ยวกับพวกเขา อันศัตรูของอิสลามนั้น พวกเขานั้นรู้ดีของอิทธิพลของอุลามาอฺเหล่านี้ ดังนั้นพวกเขาจึงเพ่งความสนใจไปยังอุลามาอฺเหล่านี้เป็นพิเศษ ศัตรูอิสลามชอบที่เห็นอุลามาอฺของเรากำลังถกเถียงกันในเรื่องปลีกย่อย เพื่อที่จะเบี่ยงเบนพวกเขาออกประเด็นที่แท้จริงที่ประชาชาติกำลังเผชิญอยู่
สิ่งที่พี่น้องสามารถกระทำได้ก็คือการโน้มน้าวอุลามาอฺเหล่านี้ เพราะการโน้มน้าวทัศนะของอุลามาอฺเพียงหนึ่งคน ท่านจะสามารถแปลี่ยนทัศนะของมุสลิมอีกหลายพันคน และจงตระเตรียมให้แก่อุลามาอฺเหล่านี้ด้วยการเลือกสรรเนื้อหาที่ดีให้เขาได้ อ่าน อันดับแรกที่ท่านควรทำก่อนคือ การให้ข้อมูลที่สั้นกระชับให้แก่พวกเขา จงจำไว้ว่าอุลามาอฺนั้นมักจะยุ่งอยู่กับธุระและกองหนังสืออันมากมายที่รอให้ เขาอ่านอยู่บนโต๊ะ เช่นนั้นแหละ ท่านจำต้องติดตามอย่างสม่ำเสมอว่าพวกเขาได้อ่านในสิ่งที่ท่านได้ให้พวกเขา หรือยัง จงสนทนากับพวกเขาด้วยกับหัวข้อที่ครอบคลุมในสิ่งที่พวกเขาอ่าน และจงสนทนากับพวกเขาในฐานะที่ท่านเป็นลูกศิษย์มิใช่คู่ปรปักษ์ จงหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับพวกเขาด้วยคำถามที่จะนำมาซึ่งความขัดแย้ง เพราะด้วยความระแวดระวังของพวกเขา จะทำให้พวกเขาให้ข้อมูลแก่ท่านด้วยข้อมูลที่ไม่มีสาระเนื้อหาที่พวกเขาเองก็ ไม่เชื่ออย่างบริสุทธ์ใจ แต่พยายามที่จะยืนหยัดและปกป้องในเรื่องนั้นเพียงเพราะพวกเขาได้พูดออกไป แล้ว จงแนะนำหัวข้อให้อิหม่ามเพื่อที่จะพูดในคุฏบะฮฺวันศุกร์ และตระเตรียมให้แก่พวกเขาซึ่งข้อมูลที่เขาจะใช้พูดในคุฏบะฮฺวันศุกร์นั้น
22.การเตรียมพร้อมทางด้านร่างกาย
ท่านร่อซูลศอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า “ผู้ศรัทธาที่แข็งแรงย่อมดีกว่าและเป็นที่รักของอัลลอฮฺมากกว่าผู้ศรัทธาที่ อ่อนแอ” [บันทึกโดยมุสลิม]
การฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรงนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมสำ หรับการญิฮาด สมรภูมิญิฮาดไม่ได้ต้องการนักเพาะกาย หากแต่ต้องการมูญาฮิดีนที่สามารถจะเดินทางไกลติดต่อกันได้เป็นระยะเวลานาน สามารถที่จะวิ่งได้เป็นระยะทางยาวไกล(เป็นทักษะสำคัญสำหรับการรบแบบกองโจร ) สามารถที่จะวิ่งได้ด้วยความเร็วสูง(เป็นทักษะสำคัญสำหรับสงครามกลางเมือง ) และสามารถที่จะป่ายปีนภูเขาได้ มูญาฮิดีนต้องสามารถปฏิบัติภารกิจดังกล่าวได้ในขณะที่กำลังแบกสัมภาระอัน หนักอึ้งอยู่
ในสมรภูมิญิฮาดอย่างบอสเนียและเชชเนีย บรรดามุญาฮิดีนจำต้องส่งพี่น้องของเราบางคนที่ไม่มีความพร้อมด้านร่าง กายกลับไป เพราะเขาได้ทำให้ทั้งญะมาอะฮฺปฏิบัติการได้ช้าลง นอกจากนั้นคนที่ไม่มีความพร้อมยังมีโอกาสที่จะถูกศัตรูเล่นงานได้ง่ายขึ้น ด้วย
แม้กระทั่งมุสลิมที่ไม่ได้ออกไปทำการต่อสู้ การฝึกฝนร่างกายให้มีความแข็งแกร่งก็ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น ตัวอย่างเช่นในกรณีของผู้ถูกคุมขัง นักโทษที่มีร่างกายแข็งแรงย่อมสามารถที่จะอดทนต่อการใช้ชีวิตในห้องขังและ การถูกทรมานได้ดีกว่าคนที่อ่อนแอ
บรรดาบรรพชนยุคแรกของเราต่างก็มีการฝึกฝนเตรียมความพร้อมด้านร่างกายจน กระทั่งการใช้ชีวิตอย่างนักรบได้กลายเป็นวิถีชีวิตของพวกท่าน ท่านอัมรฺ บินอาศ ซอฮาบะฮฺผู้พิชิตอียิปต์ในสมัยของคอลิฟะฮฺอุมัรและได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ ปกครองเมืองอียิปต์ในสมัยนั้นเคยกล่าวในขณะที่ท่านขึ้นคุตบะฮฺวันศุกร์ว่า “ฉันไม่ต้องการจะเห็นว่าใครในหมู่พวกท่านมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ในขณะที่ม้าของเขากลับมีน้ำหนักลดลง หากฉันพบว่าใครทำเช่นนั้น ฉันจะตัดเงินเดือนเขา”
ดังนั้น พี่น้องที่รักทั้งหลาย การฝึกฝนร่างกายด้วยเจตนาที่ถูกต้องนับเป็นอิบาดะฮฺอย่างหนึ่ง พี่น้องมุสลิมะฮฺเองก็ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับเรื่องนี้ พวกเธอจำต้องมีร่างกายที่สมบูรณ์ด้วย และสังคมมุสลิมจำต้องมีทางเลือกในการออกกำลังกายที่ฮะลาลไว้ให้แก่พวกเธอ ด้วยเช่นกันฃ
23.การฝึกฝนอาวุธ
การเตรียมพร้อมสำหรับญิฮาดนั้นได้ถูกกำหนดไว้แล้วเนื่องจากญิฮาดในวันนี้ นั้นเป็นหน้าที่เหนือทุกคน และกฎหมายชาริอะฮฺเองก็ได้กล่าวไว้ว่า “สิ่งใดก็ตามที่จำเป็นสำหรับหน้าที่หนึ่ง การกระทำของมันก็เป็นหน้าที่ด้วยเช่นกัน”
การฝึกฝนอาวุธเป็นหัวใจของการเตรียมพร้อมสำหรับการญิฮาด ดังที่อัลลอฮฺ(ซุบฮานะฮุวาตะอาลา) ได้ตรัสไว้ว่า “และพวกเจ้าจงเตรียมไว้สำหรับ (ป้องกัน) พวกเขา สิ่งที่พวกเจ้าสามารถ อันได้แก่กำลังอย่างหนึ่งอย่างใด และการผูกม้าไว้ โดยที่พวกเจ้าทำให้ศัตรูของอัลลอฮ์ และศัตรูของพวกเจ้าหวั่นเกรงด้วยสิ่งนั้น และพวกอื่นๆอีก อื่นจากพวกเขา ซึ่งพวกเจ้ายังไม่รู้จักพวกเขา อัลลอฮ์ทรงรู้จักพวกเขาดี…” [8:60] ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) กล่าวเกี่ยวกับโองการนี้ว่า “พึงทราบเถิด แท้จริงกำลังความเข้มแข็งนั้นคือการยิงธนู กำลังความเข้มแข็งนั้นคือการยิงธนู กำลังความเข้มแข็งนั้นคือการยิงธนู” (บันทึกโดยมุสลิม)
ประเด็นนี้มีความเสี่ยงสูง หากประเทศของท่านไม่อาจกระทำสิ่งนี้ได้ ก็คุ้มสำหรับท่านที่จะสละเวลาและเงินทองออกเดินทางไปยังประเทศอื่นเพื่อ ฝึกฝนอาวุธหากท่านมีความสามารถ
24.การฝึกปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ในหลายๆสถานการณ์มูญาฮิดีนไม่อาจเข้าถึงโรงพยาบาลได้ ในสถานการณ์เช่นนั้นการปฐมพยาบาลเบื้องต้นย่อมเป็นทางเลือกเดียวที่สามารถ กระทำได้ และในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นนี้เองที่พี่น้องของเราจำต้องได้รับการฝึกฝนทาง การแพทย์ที่เหมาะสมสำหรับความทรหดของสมรภูมิญิฮาด สิ่งเหล่านี้จำต้องได้รับตัดสินใจจากพี่น้องของเราที่ทำงานในด้านนี้ในการ ประสานงานกับพี่น้องที่มีประสบการณ์ในสมรภูมิญิฮาด
25.การศึกษาฟิกฮฺของญิฮาด
การศึกษาฟิกฮฺของญิฮาดนั้น หมายรวมถึงคำฟัตวาต่างๆของอุลามาอฺที่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นต่างๆที่มูญาฮิ ดีนกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน เช่น ฮุกุ่มของการญิฮาดในปัจจุบัน ฮุกุ่มของดารุลฮัรบฺ ประเด็นเกี่ยวกับพลเรือน และความเสียหายข้างเคียงที่เกิดขึ้น ประเด็นที่เกี่ยวกับการทำสนธิสัญญาความมั่นคงกับรัฐบาลที่มิใช่มุสลิม การต่อสู้ในกรณีที่ปราศจากผู้นำ และฮุกุ่มของรัฐบาลต่างๆในโลกมุสลิมยุคปัจจุบัน เหล่านี้ล้วนแล้วมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการศึกษาคุณค่าของการญิฮาดเลย
การศึกษางานเขียนต่างๆของอุลามาอฺและนักคิดที่วางหลักสูตรสำหรับการญิฮาดในปัจจุบันก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องศึกษาเช่นเดียวกัน
26.การปกป้องมูญาฮิดีนและการสนับสนุนพวกเขา
อัลลอฮฺ(ซุบฮานะฮุวาตะอาลา) ตรัสว่า “แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา และอพยพและต่อสู้ทั้งด้วยทรัพย์สมบัติของพวกเขา และชีวิตของพวกเขาในทางของอัลลอฮฺ และบรรดาผู้ที่ให้ที่พักอาศัย และช่วยเหลือนั้น ชนเหล่านี้แหละคือบางส่วนของพวกเขาย่อมเป็นผู้ช่วยเหลืออีกบางส่วน…” [8:72]
และพระองค์ยังได้ตรัสอีกว่า “และบรรดาผู้ที่ศรัทธา และอพยพ และต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ และบรรดาผู้ที่ให้ที่พักอาศัย และความช่วยเหลือนั้น ชนเหล่านี้แหละ พวกเขาคือผู้ศรัทธาโดยแท้จริง ซึ่งพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษ และเครื่องยังชีพอันมากมาย” [8:74]
ในยามที่มูญาฮิดีนตกอยู่ในอันตราย เราจำต้องให้การปกป้องแก่พวกเขา แม้ความจริงแล้วการปกป้องเช่นนั้นอาจจะมีราคาแพง แต่สิ่งนี้คือการเสียสละที่เรากำลังถวายแด่หนทางของอัลลอฮฺ กลุ่มฏอลีบันได้ใช้จ่ายซึ่งทรัพย์สินของพวกเขาเพื่อมอบความปลอดภัยแก่มูญาฮิ ดีนจากต่างแดน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสูญเสียรัฐบาลของพวกเขา แต่นั่นไม่ได้ทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ หากแต่มันคือชัยชนะต่างหาก เพราะ ณ ที่อัลลอฮฺแล้ว ท่านได้รับชัยชนะแล้ว ไม่สำคัญหรอกว่าท่านจะสูญเสียทรัพย์สินในโลกนี้ไปมากมายเพียงใด หากท่านยึดมั่นในศาสนาอย่างมั่นคง และไม่สำคัญหรอกว่าท่านจะได้รับอะไรจากโลกใบนี้ หากท่านคลอนแคลนในศาสนาของท่าน เราควรต้อนรับมูญาฮิดีนในหมู่พวกเรา และเราควรเสนอแก่พวกเขาซึ่งการสนับสนุนในสิ่งที่พวกเขาต้องการ สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องกระนั้นหรือสำหรับเหล่าอันศอรฺซึ่งฐานะ อันสูงส่งที่พวกเขาจะได้รับ?
27.การพัฒนาอากีดะฮฺเกี่ยวกับอากีดะฮฺวาลาอฺวัลบารออฺ
ประเด็นของความซื่อสัตย์ที่มีต่ออัลลอฮฺ รอซูลของพระองค์และบรรดาผู้ศรัทธา และการประกาศเป็นศัตรูกับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและพระเจ้าต่างๆของพวกมันนั้น เป็นสิ่งที่ไม่อาจแบ่งแยกได้อย่างเด็ดขาดในทัศนะของอิสลาม ดังที่อัลลอฮฺ(ซุบฮานะฮุวาตะอาลา) ได้ตรัสว่า “แน่นอนได้มีแบบอย่างอันดีงามสำหรับพวกเจ้าแล้วใน (ตัว) อิบรอฮีม และบรรดา (มุอฺมิน) ผู้ที่อยู่ร่วมกับเขา เมื่อพวกเขากล่าวแก่หมู่ชนของพวกเขาว่า แท้จริงพวกเราขอปลีกตัวจากพวกท่านและสิ่งที่พวกท่านเคารพบูชาอื่นจากอัลลอฮ์ เราขอปฏิเสธศรัทธาต่อ (ศาสนาของ) พวกท่าน และการเป็นศัตรูและการเกลียดชังระหว่างพวกเรากับพวกท่านได้ปรากฏขึ้นแล้ว (และจะคงอยู่) ตลอดไป จนกว่าพวกท่านจะศรัทธาต่ออัลลอฮ์องค์เดียว…” [60:4]
อัลลอฮฺ(ซุบฮานะฮุวาตะอาลา)ได้ทรงอธิบายถึงผู้หนึ่งที่ต่อสู้ในหนทางของ พระองค์ว่า “เป็นผู้นอบน้อมถ่อมตนต่อบรรดามุอ์มิน แข็งแกร่งแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา” [5:54] มูญาฮิดีนควรมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความซื่อสัตย์ที่พึงมีต่ออัลลอฮฺ (ซุบฮานะฮุวาตะอาลา) ต่อรอซูลของพระองค์รวมทั้งต่อบรรดาผู้ศรัทธา และการประกาศเป็นศัตรูอย่างแข็งกร้าวต่อบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา อิบนุตัยมียะฮฺกล่าวว่า “ท่านควรจะรักผู้ศรัทธาถึงว่าเขาจะทำผิดหรือกดขี่ท่านก็ตาม แต่ท่านจำต้องไม่ชอบผู้ปฏิเสธศรัทธาแม้ว่าเขาจะดีกับท่านก็ตาม”
การเกลียดชังพวกกุฟฟารคือองค์ประกอบสำคัญของหลักการทหารของเรา เราควรตระหนักเสมอว่า อัลลอฮฺจะยังไม่ทรงอนุมัติชัยชนะแก่เราเด็ดขาด ตราบใดที่หัวใจของเรายังคงมีความรักต่อศัตรูของพระองค์อยู่
เงื่อนไขทางจิตวิญญาณของการจงรักภักดีต่อัลลอฮฺอย่างราบคาบ และการเกลียดชังศัตรูของพระองค์อย่างสิ้นเชิงนั้น เป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรกต่อการพิพากษาของอัลลอฮฺ ระหว่างรอซูลของพระองค์และหมู่ชนที่ปฏิเสธศรัทธาของท่าน ไม่มีชัยชนะใดที่รอซูลของอัลลอฮฺและหมู่ชนของท่านจะประสบ จนกว่าการจงรักภักดีของพวกเขาที่มีต่ออัลลอฮฺและการตัดขาดจากพวกกุฟฟารฺนั้น สมบูรณ์
28.การทำหน้าที่ของเราที่พึงมีต่อพี่น้องมุสลิมที่ถูกคุมขังให้สมบูรณ์
ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) กล่าวว่า “และจงให้อิสรภาพแก่ผู้ที่ถูกคุมขัง” (อัลบุคอรี) อุลามาอฺของเราได้กล่าวว่า มันเป็นหน้าที่เหนือมุสลิมทุกคนในการปลดปล่อยบรรดาผู้ที่ถูกคุมขัง ถึงแม้ว่าเขาจะต้องใช้จ่ายทรัพย์สินของเขาจนหมดไปก็ตาม ปรากฏว่ามีมูญาฮิดีนหลายคนที่ถูกลืมและค้างอยู่ในคุกทั่วทุกมุมโลก มิใช่เพียงแค่บนเกาะกลางทะเลเท่านั้น เราจำต้องปลุกสำนึกของประชาชาติต่อประเด็นของพวกเขา จงอย่าลืมพวกเขาในดุอาอฺของพวกท่าน และจงดิ้นรนต่อสู้เพื่ออิสรภาพของพวกเขา
29.การสร้างเว็บไซต์เกี่ยวกับการญิฮาด
อินเตอร์เน็ตได้กลายเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญยิ่งในการเผยแพร่เสียง เรียกแห่งญิฮาด ตลอดจนการติดตามข่าวสารของบรรดามูญาฮิดีน วิธีการบางอย่างที่พี่น้องมุสลิมีนและมุสลิมะฮฺสามารถใช้เพื่อเป็น ‘มูญาฮิดีนในสนามอินเตอร์เน็ต’ ก็คือการมีส่วนรวมในในข้อหนึ่งข้อใดหรือหลายข้อก็ได้ดังสิ่งต่อไปนี้
30.การเลี้ยงดูลูกๆของเราให้มีความรักในการญิฮาดและบรรดามูญาฮิดีน
ลูกๆของเราจำเป็นต้องได้รับเลี้ยงดูด้วยความรักต่อการญิฮาดและมูญาฮิดีน เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับการญิฮาดในประวัติศาสตร์ควรจะถูกเล่าขานให้พวกเขา ฟัง เราควรจะให้เขาเติบโตขึ้นมาด้วยเรื่องราวของท่านอลี บิน อบีฏอลิบ, อบูอุบัยดะฮฺ, ซะอฺด บิน อบีวักก๊อศ, มุฮัมมัด อัล-ฟาติฮฺ, ซอลาฮุดดีน และคนอื่นๆ เช่นเดียวกับที่พวกเขาควรจะมีความชื่นชมบรรดาผู้นำการญิฮาดในปัจจุบัน นอกจากนั้นแล้วพวกเขาควรจะถูกสอนให้มีความเกลียดชังต่อฟิรเอานฺ กอรูน และอบูญะฮัล เช่นเดียวกับที่พวกเขาควรจะชิงชังฟิรเอานฺ กอรูน และอบูญะฮัลในยุคสมัยเรา
ลูกๆของเราไม่ควรได้รับสอนว่า “จงหลีกห่างจากปัญหาแล้วทำตัวเป็นเด็กดี” แต่พวกเขาควรจะถูกสอนว่า “จงทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถึงแม้ว่ามันจะนำปัญหามาก็ตาม” พวกเขาควรได้รับการสอนให้เป็นผู้ริเริ่ม มิใช่เป็นผู้ตาม
ท่าน ซุบัยรฺ บินอัลเอาวาม หนึ่งในศอฮาบะฮฺผู้ได้รับข่าวดีด้วยกับสวนสวรรค์ เคยนำอับดุลลอฮฺลูกชายของท่านที่ยังเป็นเด็กออกไปสู้รบในสมรภูมิด้วย แต่เนื่องจากขณะนั้นอับดุลลอฮฺยังเด็กเกินไปที่จะทำการต่อสู้ได้ พ่อของเขาจึงมอบมีดด้ามเล็กๆให้เขาหนึ่งด้าม เพื่อเดินไปรอบๆสนามรบและมองหาศัตรูที่กำลังบาดเจ็บ แล้วส่งพวกเขากลับไปพบพระเจ้าของพวกเขาด้วยมีดเล่มนั้น ต่อมาลูกชายคนนี้ของท่านซุบัยรฺก็ได้เติบโตขึ้นมาเป็นแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่คน หนึ่งของอุมมะฮฺนี้
แม้ว่าการออกไปรบในสมรภูมิญิฮาดจะเป็นหน้าที่ของผู้ชายเป็นหลัก แต่พี่น้องมุสลิมะฮฺของเราก็จำเป็นต้องมีชีวิตแบบมูญาฮิดอย่างที่สามี ของเธอได้เป็น เธอจำต้องให้การสนับสนุนเขาหากเขาได้ออกไปญิฮาด พอใจหากเขาได้เป็นชะฮีด และอดทนหากเขาถูกจับเข้าคุก พวกเธอจะเป็นเสมือนเหล่าสตรีแห่งอัลอันศอรฺ ถึงแม้พวกเธอจะเห็นว่าอิสลามได้พรากบิดาของพวกเธอไป พี่ชายและน้องชายของพวกธอไป สามีและบรรดาลูกๆของพวกเธอไป แต่พวกเธอก็ยังคงเปิดประตูต้อนรับเหล่ามูฮาญิรีน สละทรัพย์สินเพื่อพวกเขา ในขณะที่พวกเธอเองก็รู้ดีว่า ผลลัพธ์นั้นจะเป็นเช่นไร
ไม่มีความเห็น