การส่งจดหมายตามปกติมีโอกาสที่จดหมายไม่ถึงมือผู้รับได้จากหลายสาเหตุ เช่น ผู้รับไม่เคยอยู่บ้าน มีผู้รับจดหมายแทน หรือจ่าหน้าซองไม่ชัดเจนจนส่งผิดบ้าน เป็นต้น
ตั้งแต่ผู้เขียนเกิดมาก็จำไม่ได้ว่าส่งจดหมายติดแสตมป์ (Stamp)
ผ่านบริการส่งจดหมายของบริษัทไปรษณีย์ไทยไปกี่ฉบับ แต่คาดว่าไม่เกิน
100 ฉบับแน่นอน เพราะต้องซื้อแสตมป์มาติด
ราคาดวงละเท่าใดก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของจดหมาย (Letter)
ซึ่งปัจจุบันจดหมายธรรมดาที่น้ำหนักไม่เกิน 20 กรัมต้องติดแสตมป์ราคา
3 บาท ถ้าเป็นไปรษณีย์ลงทะเบียน (Registration) หรือไปรษณีย์ด่วนพิเศษ
(EMS = Express Mail Service) ก็จะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
ถ้าส่งไปต่างประเทศจะมีราคาสูงกว่าส่งในประเทศหลายเท่า
การส่งจดหมายตามปกติมีโอกาสที่จดหมายไม่ถึงมือผู้รับได้จากหลายสาเหตุ
เช่น ผู้รับไม่เคยอยู่บ้าน มีผู้รับจดหมายแทน
หรือจ่าหน้าซองไม่ชัดเจนจนส่งผิดบ้าน เป็นต้น
ซึ่งบริษัทไปรษณีย์ไทยจะรับผิดชอบต่อการสูญหายไม่เกินวงเงินตามประเภทของการจัดส่ง
- จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเมล(E-Mail)
เริ่มทดลองในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 2530
โดยเชื่อมต่อระหว่างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ไปยังมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น
ประเทศออสเตเลียผ่านสายโทรศัพท์ซึ่งมีข้อจำกัดเรื่องความเร็ว
จนกระทั่งปี 2537
มีบริษัทเอกชนร่วมกับการสื่อสารแห่งประเทศไทยเปิดให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่ผู้สนใจทั่วไป
จัดตั้งขึ้นเป็นบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์ (Internet
Service Provider) ในยุคแรกบริการอีเมลต้องใช้โปรแกรมเทลเน็ต (Telnet)
ในระบบดอส และเปลี่ยนเป็นเว็บเบสเมล (Web-based Mail)
วันนี้ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านบริการเอดีเอสแอล (ADSL
= Asymmetric Digital Subscriber Line) มีความเร็วเริ่มต้นที่ 2 Mbps
ซึ่งเร็วพอที่จะแนบแฟ้มภาพยนต์
หรือแฟ้มเพลงไปกับอีเมลที่ส่งไปให้เพื่อนในอินเทอร์เน็ตได้แล้ว
จุดเด่นของอีเมล คือ ผู้รับเปิดอ่านเมื่อใดก็ได้
ส่งข้อมูลได้ทั้งภาพและเสียง
เขียนครั้งเดียวแต่ส่งถึงผู้รับจำนวนมากได้ มักไม่สูญหายไประหว่างทาง
สามารถกรองจดหมายไม่พึงประสงค์ออกจากกล่องรับจดหมายได้
บางระบบสามารถส่งข้อความกลับไปให้ผู้ส่งเมื่อผู้รับเปิดอ่าน
-
หากถามถึงการแข่งขันระหว่างจดหมายติดสแตมป์กับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ก็คงต้องตอบว่าอยู่กันคนละเวทีไม่สามารถแข่งกันได้
ยังมีประชาชนมากกว่าครึ่งประเทศที่ไม่เคยใช้อินเทอร์เน็ต
ไม่ทราบว่าอีเมลคืออะไร
จึงไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีประเภทนี้ได้
ยังมีเอกสารอีกมากมายที่ต้องส่งเป็นเอกสาร หรือจดหมายติดแสตมป์ เช่น
ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ใบเสร็จทางการเงิน
และจดหมายปกติ ส่วนกลุ่มผู้ใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ก็มีอยู่ไม่น้อย
เช่น ครู นักเรียน พนักงานบริษัท ข้าราชการ
และผู้ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านโครงข่ายโทรศัพท์พื้นฐานของประเทศ
ซึ่งคาดการณ์ได้ว่าจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไม่มีวันทดแทนจดหมายไปรษณีย์ได้โดยสิ้นเชิง