หลุมพรางของความรู้


เมื่อหลงใหลได้ปลื้มกับความรู้ อัตตาแห่งตัวตนก็จะค่อยๆ พองขยายใหญ่ขึ้น จนในที่สุดเราก็มองไม่เห็นสิ่งอื่นใดนอกจากตัวเอง หลงมองว่าเราเป็นคนเก่งเหนือผู้ใด มีความรู้มากมายอย่างที่ผู้อื่นไม่สามารถรู้ได้ และเมื่อนั้นเราจะกลายเป็นคนที่ปราศจากความรู้เข้าโดยไม่รู้ตัว

        คอลัมน์ "นิทานวันอังคาร" ในหนังสือพิมพ์ "โพสต์ TODAY" ฉบับประจำวันวันอังคารที่ 23 พฤษภาคม 2549 เขียนโดย "ซานดิอาโก" เขียนไว้ว่า ...

      "......ความรู้เป็นสิ่งดี และเป็นสิ่งที่ทำให้คนเราแตกต่างกัน แต่เมื่อเริ่มรู้มากขึ้น สิ่งที่ต้องคอยระมัดระวังให้ดีอาจไม่ใช่ความไม่รู้ แต่กลับเป็นจิตใจของเราเอง เพราะหากปล่อยให้จิตใจได้ปลื้มไปกับความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาอย่างปราศจากสติยั้งคิด และการตรวจสอบตนเอง ความรู้ก็จะกลายเป็นอาวุธแหลมคมที่ย้อนกลับมาทิ่มตัวเราได้โดยง่าย

      เมื่อหลงใหลได้ปลื้มกับความรู้ อัตตาแห่งตัวตนก็จะค่อยๆ พองขยายใหญ่ขึ้น จนในที่สุดเราก็มองไม่เห็นสิ่งอื่นใดนอกจากตัวเอง หลงมองว่าเราเป็นคนเก่งเหนือผู้ใด มีความรู้มากมายอย่างที่ผู้อื่นไม่สามารถรู้ได้ และเมื่อนั้นเราจะกลายเป็นคนที่ปราศจากความรู้เข้าโดยไม่รู้ตัว

      อย่าลืมตรวจสอบจิตใจและอัตตาในตัวตนควบคู่ไปกับการเรียนรู้  ยิ่งเรียนรู้มากก็ยิ่งต้องระวังใจของตนเองให้มาก เพราะความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นย่อมเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้อัตตาพุ่งสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็วหากไม่ระวังให้ดี

      เมื่อไม่รู้ การใฝ่รู้ย่อมเป็นหนทางที่ควรทำ แต่ทว่าในการใฝ่รู้นั้นอย่าลืมที่จะให้จิตใจตนเองดำเนินไปอย่างมีสติ เนื่องจากในความรู้ย่อมมีหลุมพรางที่ล่อลวงให้เราเดินตกลงไปได้โดยง่าย

      หากไม่ระวังให้ดีเราอาจตกลงไปในหลุมพรางเหล่านั้นเข้าโดยไม่รู้ตัว และหลงคิดไปว่าเราเองเป็นผู้รู้ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว เราเองก็ไม่อาจมองเห็นได้เลยว่าความรู้และไม่รู้คืออะไร"

      ....อ่านแล้วชอบไหมครับ ผมว่าท่าน "ซานดิอาโก" เขียนได้จับใจดีจริงๆ ครับ...

       

หมายเลขบันทึก: 31806เขียนเมื่อ 29 พฤษภาคม 2006 20:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:03 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

อาจารย์ประพนธ์คะ แวะเข้ามาทักทายคะ :) เวอร์ชันสองจะมี feature ที่อาจารย์และหลายๆ คนอยากได้ด้วยนะคะ คือ

  • การส่ง email ให้เจ้าของบล็อกเมื่อมีคนเข้ามา comments คะ
  • และแถมให้อีก คือ Post by email คะ คือ เขียนบันทึกลงบล็อกโดยผ่านทาง email ได้ค่ะ

http://gotoknow.org/archive/2006/05/28/15/20/54/e31542

โดนใจครับ เพราะในชนบทแม่ฮ่องสอนที่ผมอยู่นี้ ผู้มี "ความรู้" มักจะกร่างกันมั่กๆ เป็นน้ำล้นแก้วกันเยอะ แตะอะไรไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะบุคลากรด้านการศึกษา ไม่รู้ว่าอะไรทำให้อัตตาพองโตกันอย่างนี้ แล้วเราจะมีหนทางใด ช่วยให้เขาพ้นทุกข์จากหลุมพรางที่ว่านี้ล่ะครับ
  • อ่านบันทึกนี้แล้วช่วยเตือนสติให้ตัวเองเป็นอย่างดีครับ
ขอบคุณครับที่หามาให้ได้อ่าน เพราะกำลังหาความรู้ KM อยู่ จะพยายามไม่ตกหลุม

เห็นแค่ชื่อเรื่องก็น่าชวนให้เข้ามาอ่านเหลือเกินค่ะ...แต่พอได้เข้ามาอ่านยิ่งกลับรู้สึกว่าคุ้มจริง ๆ

ขอเป็นคนฉลาดน้อย...ที่หาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอดีกว่าค่ะ...มันจะได้เติมเต็มอยู่ทุก ๆ วัน ไม่อยากเป็นคนฉลาดมากที่คิดว่าตนไม่ต้องใฝ่หาความรู้ใด ๆ อีกแล้ว เลยทนงตนจนกลายเป็นคนโง่ 

ขอบคุณ...สำหรับบันทึกดี ๆ ค่ะ  ช่วยเตือนสติได้ดีมากเลยค่ะ

ขอบคุณค่ะ อาจารย์ที่หามาให้อ่าน

ทุกวันนี้มีคนที่คิดว่าตนเองรู้มาก รู้จริง แล้วมองว่าคนอื่นโง่ หรือดูถูกความรู้ของคนอื่นน่ะ ..เยอะมากเลย.. แท้จริงคนอื่นอาจรู้ในสิ่งที่เขาไม่รู้เลยก็ได้ 

ในที่สุดคนเก่งก็ต้องโดดเดี่ยวน่าสงสาร  ที่ใครไม่อยากคบหาสมาคมด้วย  เลยไม่มีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากคนอื่น  ....

ในทางธรรม คนที่ติดดี ก็น่ากลัวพอกันค่ะ
อ่านแล้วชอบและโดนใจมากๆๆและจะส่งต่อให้กับคนอื่นๆได้อ่านต่อค่ะ...อาจารย์คะอยากจะบอกว่าที่ทำงานก้อมีคนแบบนี้อยู่พอสมควรเห็นแล้วเราก้อได้แต่ปลงและคนจำพวกนี้มักจะเบ่งเสียจนตัวพองเข้ากับใครๆไม่ค่อยได้เนื่องจากการที่คิดว่าตัวเองเก่งจนไม่สามารถพูดกับใครๆได้...และที่ทำให้เสียความรู้สึกก้อคือเจ้านายก้อเห็นดีไปกับเขาด้วย...ตอนนี้ KM ที่ทำงานยังไม่เห็นเคลื่อนไปซักเท่าไรเลยค่ะ....เศร้าจัง
ผมติดตามงานเขียนของท่าน ซานดิอาโก ทาง POSTTODAY มานานพอสมควร น่าเสียดายที่ทางหนังสือพิมพ์เลิกลงผลงานท่านแล้ว อยากจะติดต่อท่านผ่านทาง e-mail แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้อย่างไร ถ้าท่านผู้ใดทราบ ช่วยแนะนำด้วยครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท