จำเลยสอนมวยทนาย


อาทนาย หลอดกาแฟ กับกระดาษตะกั่วไม่ใช่ แต่อย่างอื่นใช่

กลับมาตามคำมั่นครับ

จำเลยสอนมวยทนาย

ในช่วงที่ผมเริ่มอาชีพ ทนายความใหม่ๆ ในคดีอาญาคดีหนึ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ผมรับเป็นทนายจำเลยเพราะ จำเลยเป็นหลานของพรรคพวกผม ท่านอัยการฟ้องในข้อหาเสพเฮโรอิน ข้อหาเดียว

เรื่องมีอยู่ว่า

จำเลยถูกจับขณะกำลังเสพ หลักฐานทุกอย่างชัดมากมีทั้งวัตถุพยาน พยานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ เจ้าพนักงานตำรวจที่จับกุม สำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน ผมได้รับการร้องขอจากพรรกพวกว่าขอให้ช่วยหน่อยเพราะเป็นหลานชายแท้ๆ ขณะที่ติดต่อผมปรากฏว่าผู้ต้องหา (ใช้เรียกจำเลยในชั้นสอบสวนก่อนฟ้องคดีนะ) ยังไม่ได้รับการประกันตัว สาเหตุเพราะพรรกพวกผมต้องการให้หลานชายจดจำอนุทินชีวิตไว้เป็นบทเรียน (คงเข้าใจว่าเป็นวิชาที่น่าจดจำมั่ง ...ฮิ.ฮิ.. )  เมื่อผมเข้าไปพบกับผู้ต้องหาที่สถานีตำรวจแล้วทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด เลยแนะนำพรรกพวกว่าคงต้องให้หลานชายรับเสีย โทษจำคุก ประมาณ 2หรือ3เดือน แต่ถ้ามีเหตุที่ศาลท่านเชื่อได้ว่าจำเลยสามารถกลับเนื้อกลับตัวได้ สภาพครอบครัวสามารถให้การดูแลจนกลับตัวได้ศาลท่านอาจให้รอการลงอาญาไว้ได้ แต่ข้อมูลที่ได้รับจากพรรคพวกบอกว่า เคยช่วยหลานชายคนนี้หลายครั้งแล้วจบชั้นพนักงานสอบสวนทุกครั้ง (ความจริงพรรกพวกผมเก่งกว่าผมเสียอีก ทำให้หลานไม่ถูกฟ้องเป็นจำเลยได้ทำไงนะอยากรู้จริงๆ...ฮิ.ฮิ...) คราวนี้ไม่ขอใช้วิชาการที่เรียกมา แต่จะขอใช้ทนายความแทนตามความเห็นของคนในครอบครัว

ต่อมาท่านอัยการมีคำสั่งฟ้องจำเลยในข้อหาเสพสารเสพติดต้องห้าม ในศาลนัดแรกผมแนะนำจำเลยว่าให้รับเลยนะโทษหนักจะได้เป็นโทษเบา แต่จำเลยกลับสอนผมว่า  อาทนายครับ อย่าให้ผมรับเลย เพราะถ้าผมรับต้องตายแน่ เลยถามว่าทำไม ก็ได้รับการชี้แจงว่า เขาถูกขังมา 30 วันแล้วถ้ารับพวกรุ่นพี่(น่าจะเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเดียวกัน แฮ..)บอกว่าจะถูกส่งไปทำงานหนัก เขาทำไม่ได้เพราะไม่มีแรงพอ ขอให้ต่อสู้ไปก่อนสักนัดสองนัดเมื่อครบ สาม เดือน แล้วค่อยรับ ศาลจะลงโทษเขาเพียง สาม เดือน ก็จะต้องนำวันถูกขังทั้งหมดมาหักออก ได้ออกในวันตัดสินพอดีไม่ต้องทำงานหนัก (ทราบจากจำเลยนั้นแหละว่าในคดีที่ยังไม่ถึงที่สุด จำเลยไม่ต้องทำงานในเรือนจำ) ผมเลยต่อสู้คดีให้ ท่านอัยการยังถามผมว่าจะต่อสู้ไปทำไม หลักฐานทุกอย่างมันชัดถ้าจะดูหลักฐานก็ได้ จำเลยจะถูกลงโทษหนักเอานะ ผมเลยเรียนท่านอัยการไปว่าผมอธิบายให้จำเลยทราบแล้วแต่จำเลยประสงค์จะต่อสู้ (ผมไม่ได้บอกว่าจำเลยสอนผมว่าให้ต่อสู้ไปก่อนครบสามเดือนแล้วค่อยรับก็ได้ศาลลงโทษจำคุกไม่เกินสามเดือนอยู่แล้ว...ฮา.....)

ในระหว่างสืบพยานท่านอัยการขนพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคลพยานวัตถุมาแสดงต่อศาลเต็มกำลัง (น่าจะเป็นเพราะเหม็นขี้หน้าผม...ฮา....ที่ไม่ช่วยให้คดีมันจบง่ายๆทั้งที่ทราบผลดี) ในช่วงที่ผมถามท่านเจ้าพนักงานจับกุม ผมถามชัดว่าขณะจับกุมจำเลยนั้น พยานเห็นจำเลยเสพอย่างไร พยานอธิบายในแบบนึกภาพตามได้เลย ว่านั่งอย่างไร มือซ้ายทำอะไร มือขวาทำอะไร ปากคาบหลอดกาแฟไว้อย่างไร เมื่อได้คำตอบ ท่านอัยการและศาลก็ยิ้ม คงคิดว่าทนายคนนี้จะช่วยจำเลยให้ติดคุกเพิ่มหรืออย่างไร....ฮิ.ฮิ.. เพราะตอนท่านอัยการถามก็ถามเพียงว่าเป็นผู้จับกุมตามบันทึกจับกุมที่ให้ดู และให้ยืนยันพยานวัตถุ (สมัยนั้นต้องส่งพยานวัตถุจริงๆไม่มีภาพถ่าย) ผมยังหยิบหลอดกาแฟกับกระดาษตะกั่วที่ใช้ขึ้นมาถามว่าใช่เครื่องมือที่จำเลยใช้เสพหรือไม่ ศาลยังบอกว่าไม่ต้องถามเพราะพยานตอบยืนยันตอนตอบโจทก์แล้ว (เวลา พยานฝ่ายโจทก์ซึ่งหมายถึงพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง เมื่อพยานตอบคำถามของพนักงานอัยการ ก็จะเรียกว่าตอบโจทก์ นะ)  ขณะนั้นจำเลยนั่งอยู่ใกล้ผมได้ดึงขากางเกงผม แล้วบอกว่าอาทนาย หลอดกาแฟ กับกระดาษตะกั่วไม่ใช่ แต่อย่างอื่นใช่ ( อย่างอื่นคือไม้ขีดไฟ เทียนไข กับขวดน้ำ ขณะนั้นศาลท่านก็ถามผมว่ามีอะไรจะถามอีกหรือไม่ ผมเรียนท่านว่าขอปรึกษาจำเลยสักสองสามนาที ) จำเลยบอกผมว่าหลอดกาแฟเมื่อใช้แล้วจะดำและงอ กระดาษตะกั่วจะออกเหลืองไม่เงา พอทราบดังนั้นผมเรียนศาลไปว่าจะขอแสดงหลักฐานให้ศาลเห็นว่าพยานปากนี้ไม่ใช่พนักงานจับกุมและไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตามที่ได้เบิกความ แต่ขอให้ศาลจดคำให้การของพยานอีกครั้งเสียก่อนว่าวัตถุพยานที่ถามคือหลอดกาแฟ กับกระดาษตะกั่วนี้พยานเก็บจากที่เกิดเหตุและเป็นคนเก็บเองและเห็นจำเลยใช้หลอดกาแฟกับกระดาษตะกั่วที่ให้ดู ศาลถามพยานอีกครั้งว่าจะยังคงยืยยันหรือไม่ พยานยืนยันว่าใช่ ผมจึงขออนุญาตศาลว่าขอให้ท่านเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ ลงไปขอหลอดกาแฟกับกระดาษตะกั่วที่ห่อบุหรีจากร้านค้าในศาลมาให้ เมื่อได้มาแล้วผมก็จุดไม้ขีดไฟกับเทียนของกลาง แล้วเอากระดาษตะกั่วลนไฟแล้วเอาหลอดกาแฟวางบนกระดาษตะกั่วทำอาการตามที่พยานอธิบาย แล้วถามพยานว่าจำเลยทำอย่างที่แสดงถูกต้องหรือไม่พยานยืนยันว่าถูกต้อง ผลปรากฏว่าหลอดกาแฟมันงอตัวและกระดาษตะกั่วมีสีดำเทาๆและออกไปทางเหลือง เมื่อผมเทียบกับวัตถุพยานในคดีให้ศาลดู แล้วแถลงให้ศาลทราบว่าวัตถุพยานที่โจทก์อ้างส่งศาลไม่ใช่วัตถุพยานที่จำเลยใช้กระทำความผิดตามที่ถูกฟ้องเพราะไม่มีลักษณะที่ผ่านการใช้งานมาเลย คือยังใหม่อยู่เลยครับ พยานอ้างว่าจับกุมจำเลยขณะกระทำความผิดคือกำลังเสพซึ่งขัดกับหลักความเป็นจริงที่วัตถุพยานจะต้องมีลักษณะคล้ายหรือเหมือนกับหลอดกาแฟและกระดาษตะกั่วที่แสดงให้ศาลดู ปากคำพยานดังกล่าวจึงไม่น่าเชื่อถือ  จำเลยไม่ได้รับว่าเสพสารเพสติดตามฟ้อง ผมจบคำถามไว้เพียงนั้น 

ผลของคดีนี้ปรากฏว่าศาลยกฟ้องโจทก์ เพราะคดีมีพิรุธในข้อสงสัยของวัตถุพยานเลยต้องยกประโยชน์ให้จำเลย และเนื่องจากท่านอัยการไม่ฟ้องข้อหามีสารเสพติดต้องห้ามไว้ในครอบครองมาด้วย จำเลยจึงลอดคุกไป (สมัยนั้นฟ้องอย่างไรลงโทษเพียงนั้นแม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏเป็นความผิดอื่นก็ตาม)

ผมทราบจากท่านอัยการว่า วัตถุพยานที่ส่งศาลนั้น เป็นเพราะพนักงานสอบสวนเองที่ไม่รอบครอบ แทนที่จะเก็บรักษาหลอดกาแฟ กับกระดาษตะกั่วไว้ให้ดีๆ เมื่อจะต้องส่งศาลจึงหยิบเอาหลอดกาแฟกับกระดาษตะกั่วที่ร้านค้าข้าง สน.มาส่งแทน นี้ถ้าหากท่านจำเลยไม่สอนผม...ฮา... ก็คงต้องทำตามที่ผมชี้แจงแล้วต้องคำพิพากษาให้จำคุกไปแล้ว แต่กรรมมีจริงครับเพราะหลังจากนั้นไม่นานทราบว่าถูกจับอีก และเห็นพรรกพวกบอกว่าศาลลงโทษจำคุก 6 เดือนปรับ สามพันบาท  เห็นหรือยังครับการเรียนรู้เกิดได้เสมอในเส้นทางการเป็นนักกฎหมาย

ยุติธรรมคือศาสตร์จริงๆนะ

คราวหน้าจะเล่าเรื่องคุณธรรมที่อยากนั่งเครื่องย้อนเวลากลับไปแก้ไข

 

หมายเลขบันทึก: 317417เขียนเมื่อ 1 ธันวาคม 2009 14:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 พฤษภาคม 2012 20:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

สวัสดีครับคุณทนายชาวฝนแปดแดดสี่

แวะมาอ่านความรู้เรื่องกฎหมาย สนใจและศึกษากฎหมายอยู่เหมือนกันครับ แล้วจะแวะมาเก็บเกี่ยวความรู้ดีๆอีกนะครับ

สนุกค่ะท่าน

ได้ความรู้(เอาตัวรอดค่ะ)

อิอิอิ

ยินดีที่ได้รู้จักครับ ท่านอัสรัน บทความผมเขียนตอนบ่ายโมงยังไม่ได้ตรวจทานเลยเข้ามาตรวจทานได้รับกำลังใจจากท่าน ขอขอบพระคุณที่แวะมาชมครับ ผมมีข้อคิดวิธีเรียนกฎหมายขอเล่าให้ฟัง คือตอนผมเรียนจะใช้วิธีอ่านประมวลทั้ง ป.แพ่ง ป.อาญา ป.วิแพ่ง ป.วิอาญา ทุกเล่มก่อนอ่านคำอธิบายต่างๆ และใช้วิธีอ่านสามรอบ รอบแรกอ่านผ่านไม่สนใจว่าจะรู้และเข้าใจหรือไม่ รอบที่สองอ่านและพยายามจำมาตราหลักๆ รอบที่สามอ่านผ่านและพยายามนึกทำความเข้าใจและนึกถึงมาตราที่ในแต่ละมาตราอ้างอิงถึง หลังจากนั้นถึงอ่านคำอธิบายครับก็พอผ่านมาได้ จนเป็นทนายความนี้แหละครับ

ขอบพระคุณ ท่านสาวเหนือคนงาม (น้าอึ่งอ๊อบ คนสวย ) ที่แวะมาให้กำลังใจ บทความของท่านก็ให้ข้อคิดดีๆครับ

ผมมีข้อคิดวิธีเรียนกฎหมายขอเล่าให้ฟัง คือตอนผมเรียนจะใช้วิธีอ่านประมวลทั้ง ป.แพ่ง ป.อาญา ป.วิแพ่ง ป.วิอาญา ทุกเล่มก่อนอ่านคำอธิบายต่างๆ และใช้วิธีอ่านสามรอบ รอบแรกอ่านผ่านไม่สนใจว่าจะรู้และเข้าใจหรือไม่ รอบที่สองอ่านและพยายามจำมาตราหลักๆ รอบที่สามอ่านผ่านและพยายามนึกทำความเข้าใจและนึกถึงมาตราที่ในแต่ละมาตราอ้างอิงถึง หลังจากนั้นถึงอ่านคำอธิบายครับก็พอผ่านมาได้ จนเป็นทนายความนี้แหละครับ

ขอบคุณมากครับสำหรับเคล็ดลับดีๆ แล้วจะนำไปใช้นะครับ บางครั้งก็ตาลายกับมาตราต่างๆเหมือนกัน แหะๆ :-)

อ่านแล้วเข้าใจชิวิตมากขึ้น แต่บางเรื่องก็เป็นกฏแห่งกรรมครับ

สวัสดีครับ

หน้าที่ของผมอย่างหนึ่งก็คือการจับกุมผู้ต้องหาครับ จับแล้วก็ทำบันทึกการจับกุมพร้อมเขียนข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ที่ปรากฏส่งให้พนักงานสอบสวนไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ต่อจากนั้นบางคดีที่จะต้องสืบพยานกันที่ศาลผมก็ต้องไปเป็นพยานศาลตามปกติ

การเป็นพยานศาลผมถือว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำ ไม่ทำไม่ได้ แต่การเบิกความก็จะต้องเบิกตามที่ตนเองรับรู้หรือเห็นเหตุการณ์ ไม่รู้ก็คือไม่รู้ รู้ก็คือรู้ ไม่มีสิทธิ์ไปปรักปรำใครเพราะไม่มีนอกมีในกับใครทั้งนั้น แล้วส่วนใหญ่ในการเบิกความที่ศาลก็จะต้องมีทนายจำเลย ผมรู้จักทนายความเยอะแยะ ส่วนใหญ่ก็เพื่อนๆ กันทั้งนั้น เวลาเบิกความในศาลใครที่ไม่เข้าใจก็อาจจะคิดว่า แหม ผมกับทนายทั้งๆ ที่เป็นเพื่อนกันแต่ทำไม้ทำไมเหมือนจะเอาเป็นเอาตายไปข้างหนึ่ง ไม่ใช่ครับ นั่นคือหน้าที่ของแต่ละคนแต่ละฝ่าย มีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดีที่สุด แต่ก็ไม่ใช่หมายความว่าเอาเรื่องเท็จหรือเรื่องที่กุขึ้นไปให้การ โชคดีครับที่เพื่อนๆ ทนายที่ผมรู้จักเป็นคนดีทั้งนั้นเลย ผลการพิจารณาเป็นอย่างไรสุดท้ายก็อยู่ที่ศาลท่านจะพิจารณาตามท้องสำนวน เบิกความเสร็จแล้วก็เพื่อนกันเหมือนเดิม

ผมคิดและเชื่อตามที่ท่านเขียนไว้ตลอดเวลาเลยครับนั่นก็คือคำว่า “ยุติธรรมคือศาสตร์”

สวัสดีครับ

ขอบพระคุณท่านสารวัตรที่แวะมาครับ

หากมีโอกาสไปศาลทางเหนือ จะแวะไปให้ท่านเลี้ยงข้าวแกงข้าง สน.ครับ เห็นพรรคพวกผมบอกว่า หร่อยแรง...

ยินดีที่ได้รู้จักกับท่านครับ

สวัสดีค่ะ แวะเข้ามาทักทายคุณทนายค่ะ

ขอขอบพระคุณ ครูปริมปรางที่แวะมาครับ

ผมไปแอบดูคุณครูมาแล้ว พอดีพึ่งกลับจากศาลยังไม่ได้อ่านบทความของคุณครู

เอาไว้คืนนี้จะแอบไปขโมยความรู้ครับ

อ่านแล้วดีมากค่ะ โดยเฉพาะเรื่องหลอดกาแฟ

ขอเป็นสมาชิกด้วยคนนะค่ะ

ดิฉันเพิ่งได้รับตั้วทนายความ

เปรียบกับมีดาบ แต่ใช้ไม่เป็น

ช่วยแนะนำด้วยนะค่ะ

สวัสดีครับคุณลูกหมู

ยินดีตอนรับครับ

ไม่คิดจะไปทางสายอัยการ หรือตุลาการ หรือครับ

อยากแนะนำให้ไปทางสายนั้นจะดีกว่านะ

งานทนายกว่าจะเดินทางถึงจุดที่ยืนได้โดยไม่ต้องมีพี่เลี้ยงต้องผจญกับหลายสิ่งมากหลาย

เช่น สอบข้อเท็จจริงต้องก็ต้องทำเอง พยานหลักฐานก็ต้องหาเอาเอง ตรวจดูสถานที่ก็ต้องไปเอง

จะมีหนังสือขอหลักฐานใดๆจากหน่วยงานต่างๆ กว่าจะได้แสนลำบาก ไม่มีใครไปหาให้

ท่านอัยการก็ดี ท่านผู้พิพากษาก็ดี เพียงมีคำสั่งออกไปก็มีเจ้าหน้าที่จัดการให้แล้ว

เรียกว่าถ้าจะเป็นทนายความ ต้องทำทุกหน้าที่ เริ่มแต่พนักงานเดินเอกสาร พนักงานสอบสวน

นักสืบ พิจารณาคดี บางครั้งต้องทำตัวเป็นกรรมการมวยด้วยนะ เห็นยังว่าหนัก แฮ...

แต่ถ้าชอบ จิง....จิง... ชีวิตนี้ ดิฮั้น ขอเป็นทนายความ ก็ยินดีครับ มีข้อแนะนำดังนี้ครับ

1 ติดตามรุ่นพี่หลายๆท่านไปศาลทุกนัด เพื่อดูเทคติกของท่าน

2 ถ้าเป็นไปได้ ขอสำนวนจากท่านมาอ่านทำความเข้าใจ ข้อเท็จจริง

3 ขณะที่รุ่นพี่ซักพยาน ลองคิดตาม ว่าถ้าเป็นเราจะถามอย่างที่รุ่นพี่ถามหรือไม่

4 ห้ามตัดสินคดีแทนผู้พิพากษา เพราะเราเป็นทนายความมีหน้าที่นำเสนอข้อเท็จจริงให้ศาลพิจารณาตัดสินคดี

5 ทันทีที่ลูกความเล่าเรื่องจบ อย่ารีบด่วนตัดสินว่าเขาผิดหรือถูก สิ่งแรกที่ต้องบอกเขาคือ

ให้ใจเย็นๆยังพอมีทางแก้ไขหรือยังพอทำได้อะไรทำนองนี้ แล้วค่อยๆสืบสวนเอาความจริงที่เขาไม่ปรุงแต่งภายหลัง

6 หากว่าความมาไม่เกิน ห้าปี ควรจะต้องมีทนายความรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ อย่างน้อยสัก สิบปีขึ้นไปไว้เป็นที่ปรึกษา

7 ติดตามข่าวสารด้านกฎหมาย และกฎหมายใหม่ๆ ให้มากๆ

8 ถ้าถูกถามคำถามเกียวกับกฎหมายใดๆ หากไม่รู้หรือไม่ทราบหรือไม่แน่ใจ ห้ามตอบ ต้องไปศึกษามาก่อนแล้วถึงตอบเขา

9 ต้องเก็บความลับให้เป็น ข้อเท็จจริงที่เราทราบหากจะเปิดสู่บุคคลภายนอกต้องหวังผลได้

และ ต้องพิจารณาแล้วว่าลูกความของเราจะไม่เสียหาย

ก็ยังมีเทคติกอีกมากครับ ค่อยๆเรียนรู้ไปนะครับ ถ้าตั้งใจจริง ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

สวัสดีครับคุณมนัสนันท์

นอนดึกเหมือนกันนะครับ

ขอขอบพระคุณที่ติดตามอ่านครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท