เมื่อวันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2552 ได้รับฟังการปาฐกถาพิเศษเรื่อง "ต้นแบบคนดี คนเก่งที่สังคมไทยต้องการ" ของท่านอสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในงานประชุมระหว่างส่วนราชการกับสำนักงาน ก.พ. ประจำปี 2552 ที่หอประชุมสุขุมนัยประดิษฐ สำนักงาน ก.พ. จังหวัดนนทบุรี
จึงอยากนำเนื้อหาสาระที่ได้รับฟังมาแบ่งปัน เท่าที่สมองน้อยๆ บันทึกจดจำมาได้ มาเล่าสู่กันฟัง...ดังนี้
ท่านนายกฯ บอกว่าหัวข้อเรื่องที่จะพูดนี้ เป็นหัวข้อที่ยากที่สุด แต่เป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องมีความตระหนักว่ามีความสำคัญมาก
บ้านเมืองจะมีความเจริญก้าวหน้าได้ ขึ้นกับ คน และ ระบบ
ระบบ
-ในระบบของการเมืองไทย ยังมีการปฎิรูปพัฒนาระบบไม่จบสิ้น
คน
- ข้าราชการ คือ การเสียสละเพื่อส่วนรวม ข้าราชการเงินเดือนไม่สูง แต่ได้รับในแง่สวัสดิกการที่ดี และได้รับความภาคภูมิใจในการทำงานที่เสียสละเพื่อส่วนรวม
-ภาพลักษณ์เก่าของข้าราชการ คือ การเป็นเจ้าคน นายคน ราชการยุคเก่า มีอำนาจมาก ภาคส่วนอื่นต้องเดินตาม แต่ปัจจุบัน ราชการมีบทบาทเชิงการบริการ บริการประชาชน และการบริหารจัดการ กลับกับเมื่อก่อน ข้าราชการเป็นนาย ปัจจุบัน ข้าราชการต้องรับใช้นาย คือ ประชาชน
การค้นหาคนต้นแบบคนดี คนเก่ง
คนเก่ง
-ในระบบราชการ เราต้องทำงานกับคน หน่วยงาน องค์กร จำนวนมาก ยากมากที่ลำพังหน่วยงานเดียวจะผลักดันการทำงาน โดยไม่ต้องพึ่งพา ประสานงานกับหน่วยงานอื่น ต้องอาศัยจุดแข็งของแต่ละองค์ประกอบ ร่วมกันทำงานจึงจะสำเร็จ
-ไม่ใช่ค้นหาคนเก่งทุกเรื่อง คนเก่งทุกเรื่องไม่มี แต่ต้องค้นหาคนที่เก่งมีทักษะที่สอดคล้องกับภารกิจหน้าที่ตัวเอง คนที่เก่งเรื่องหนึ่ง ถ้าไปอยู่ไม่ถูกที่ก็อาจไม่เก่ง
-ต้องคำนึงถึงความหลากหลายของมนุษย์ ต้องค้นพบตนเอง ว่ามีความเก่งอะไร ทุกคนควรมีเวลาสำรวจตัวเอง ว่ามีอะไรเก่งบ้าง จะได้ใช้ประโยชน์ในหน้าที่การงาน
-เชื่อว่า ความเก่ง ทักษะต่างๆ สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ ไม่ใช่เกิดจากพรสวรรค์อย่างเดียว ต้องมีพรแสวง การทุ่มเทเรียนรู้ตลอดเวลา
-ประสบการณ์ของนายกฯ เอง ตอนเป็นเด็ก มีความสนใจการเมือง แต่ไม่ชอบเรื่องสังคม และภาษา ตอนเด็กเงียบมาก ไม่ชอบพูด ไม่ชอบพูดในที่สาธารณะ ต้องฝึก ค่อยๆฝืนตัวเอง ทำในสิ่งที่ไม่ชอบ จนทำได้
-นอกเหนือจากการค้นพบตนเอง ว่าเก่งอะไร ต้องดูว่าอะไรคือจุดอ่อน แล้วพัฒนา ศึกษาเรียนรู้ ลองทำดู ทุกวันนี้ นายกฯ ยังต้องศึกษาเรียนรู้ตลอดเวลา
-คนที่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องเป็นคนที่ ไฝ่รู้ คนคว้าหาความรู้ตลอดเวลา ซึ่งปัจจุบันนี้ง่ายมาก สารสนเทศมีมากมาย เมื่อทำงานเสร็จแล้ว ควรมีเวลาค้นคว้าหาหนังสือ หาความรู้ใหม่ ยังมีอีกหลายอย่างที่เราไม่รู้ หาทางพัฒนา อันนี้เป็นจุดเริ่มต้น ที่ทุกคนจะเป็นคนเก่ง
-การสนับสนุนให้เกิดคนเก่ง ก.พ. มีโครงการอยู่ แต่ต้องทำให้มากขึ้น นโยบายของรัฐบาล ให้ความสำคัญกับการศึกษา ตั้งแต่เด็กเล็ก ให้เด็กได้มีการค้นพบตัวเอง พัฒนาทักษะ
-ยุคนี้การฝึกอบรมมีมาก แต่หลักสูตรยังไม่ถูกใจ คนอบรมส่วนใหญ่ ต้องการเกิดเครือข่าย ต้องยอมรับว่าระบบอุปถัมป์ยังมีอยู่ในสังคมไทย และความก้าวหน้า ตามกฎระเบียบ คุณวุฒิต่างๆ
-อยากเห็นการเปิดโอกาสให้การพัฒนามีความหลากหลายมากขึ้น เช่น การไปศึกษาเรียนรู้ในภาคเอกชน การให้โอกาสข้าราชการ เรียนรู้ประสบการณ์จากหน่วยงานอื่น หลายหน่วยงานต้องทำงานด้วยกัน แต่ยังไม่เข้าใจกัน
คนดี
-ยิ่งพูดยาก ถ้าพูดจริงๆ ไม่ยาก ว่าคนดีต้องเป็นคนที่มีจิตใจดีงาน มีคุณธรรม จริยธรรม นักการเมืองก็มีประมวลจริยธรรม แต่ไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงมากนัก
-จุดใหญ่ของการเป็นคนดี มีจริยธรรม การประมวลจริยธรรม เป็นเพียงแนวทางกว้างๆ เท่านั้น ไม่เหมือยกฎหมาย ก็ยังบังคับใช้ยาก นายกฯ ยังเคยถูกฟ้องผิดจริยธรรม ข้อหา ชอบใส่ร้ายคน คนที่มีความสามารถ เก่ง แต่ใช้ในทางที่ผิด จะสร้างความเสียหายมาก โดยเฉพาะภาครัฐ
การเป็นคนดี ให้ยึดถือหลัก 4 ข้อ
1. เมตตาธรรม
-ปฎิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเอื้อาทร ห่วงใย ไม่เห็นแก่ตัว เห็นแก่คนอื่น ถ้าทำได้สภาวะแวดล้อมการทำงานจะดีขึ้น
2. สามัคคีธรรม
-พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเน้นย้ำ เรื่อง การรู้รัก สามัคคี เราได้ยินมาเป็นสิบปีแล้ว
3. สุจริตธรรม
-ความซื่อสัตย์ ซื่อตรง ขาดไม่ได้ในระบบะณณมาภิบาล
4. ความเที่ยงธรรม
-มีความซื่อสัตย์ ซื่อตรงต่อวิชาชีพ
ควรส่งเสริมให้เป็นคุณธรรมประจำชาติ 4 ข้อสั้นๆ นี้ ถ้าทำได้ ก็น่าจะเพียงพอ
คำว่า เป็น คนดี เกิดได้ในหลายบริบท ต้องสามารถแยกแยะได้ระหว่างการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และสาธารณะอื่นๆ ปัญหาเกิดขึ้น เพราะว่าสิ่งที่เป็นค่านิยม และนามธรรมขัดแย้งกันได้ เช่น
-ความกตัญญู เป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อเข้ามาดำรงบทบาทในหน่วยงาน คนที่มีบุญคุณกับเราทำผิด จะทำอย่างไร ต้องตอบแทนหรือเปล่า
-การรักเพื่อฝูง เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าประโยชน์เพื่อนฝูงขัดกัน จะเลือกข้างไหน
-การเมืองรณรงค์ให้รับเงินได้ แต่อย่าเลือก แต่คนรับจะรู้สึกผิด แต่ถ้ารับ แล้วเลือก ก็จะเกิดความเสียหาย
-เพราะฉะนั้น คนดี ต้องเป็นอย่างไร ถึงเวลาต้องรณรงค์ ให้คนสามารถแยกแยะระหว่างคนดีส่วนตัว กับคนดีส่วนรวม รณรงค์ทำความเข้าใจเรื่องนี้ ถ้าเรายังก้าวไม่พ้นเรื่องนี้ ก็ไม่มีประโยชน์
-ระบบการประเมินต่างๆ การสร้างตัวชี้วัดต่างๆมากมาย ถ้าไม่แยกการประเมินให้คะแนน ตัวชี้วัดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ถ้าไม่แยกจากตัวบุคคล ไม่มีความหมาย ถ้าตั้งธงไว้ก่อนว่าจะให้ใคร แล้วมากรอกคะแนนตามธงที่ตั้งไว้
-ความเที่ยงธรรม นกยกฯที่มีต่อหน้าที่ เป็นสิ่งที่ต้องช่วยกัน นายกฯ ยังเชื่อในคุณภาพของคนไทย ถ้ามีการบริหารจัดการที่ถูกต้อง บ้านเมืองจะเจริญก้าวหน้า ต้องมีการพัฒนาตนเอง พัฒนาคนอื่น ให้เป็นคนดี คนเก่ง
-สุดท้าย เมื่อเรามีความคิดชัดเจนขึ้น ว่าคนดี คนเก่งเป็นอย่างไร และต้องรักษาคนดี คนเก่งได้ บ้านเมืองจะก้าวสู่ความสำเร็จ
ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"... ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครทำทุกคนให้เป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงไม่ใช่อยู่ที่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากอยู่ที่การส่งเสริมคนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้ ..."
นันทา ติงสมบัติยุทธ์
29 พย.52
ขอบคุณสำหรับสาระดีๆ ของต้นแบบคนเก่ง คนดีที่เป็นจะเป็นแบบอย่างของเยาวชนไทยได้นะค่ะ
ขอบคุณมากครับ งานนี้ผมก็ได้เข้าร่วมด้วย
(คนดีเป็นอยู่แล้วครับ แต่คนเก่งพยายามอยู่ครับ