367 งานแสดงสินค้านานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียใต้


2.5 ล้านคน ใน 2 สัปดาห์

 

 

งานแสดงสินค้านานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของอินเดียและภูมิภาคเอเชียใต้ IITF 2009 

ระหว่างวันที่ 14-27 พย. 2552 มีงานแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย ชื่องาน India International Trade Fair หรือ IITF 2009 ประมาณว่าในแต่ละปีที่จัดงานมีผู้แสดงสินค้าร่วมงานกว่า 7000 ราย รวมทั้งจากต่างประเทศ 29 ประเทศและมีผู้มาเข้าชมงานกว่า 2.5  ล้านคน เมื่อวันที่ 14 พย.ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปร่วมพิธีเปิดงานแสดงสินค้านานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย ซึ่งมีประธานาธิบดีอินเดียมาเป็นประธานเปิดงาน รู้สึกประทับใจในหลายๆ เรื่อง จึงขอเล่าสู่กันฟัง ดังนี้

Smt. Pratibha Devisingh Patil ประธานาธิบดีอินเดียได้กล่าวในสุนทรพจน์ที่น่าสนใจในตอนหนึ่งว่าวันที่ 14 พย.2009 นั้นตรงกับวันครบรอบวันเกิด 120 ปีของนายยวาฮาราล เนรูห์ (Jawaharlal Nehru)  นายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดีย ผู้ซึ่งมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในหลายเรื่องอาทิ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ทำให้อินเดียเจริญมาจนทุกวันนี้และด้วยการริเริ่มและผลักดันของบัณฑิตเนรูห์ ทำให้อินเดียมีความก้าวหน้าในเรื่องเทคโนโลยีด้านอวกาศสามารถส่งยานอวกาศ “จันทรญาน” ไปโคจรรอบดวงจันทร์ได้สำเร็จ ซึ่งจะมีการแสดงความก้าวหน้าในเรื่องนี้ของอินเดียด้วยในงานนี้ที่อาคารเนรูห์ Nehru Pavillion

ประธานาธิบดียังได้แสดงความมุ่งมั่นด้วยว่าในอนาคตจะต้องทำให้อินเดียกลายเป็นคลังสมองของความรู้และคลังผู้เชี่ยวชาญสำหรับโลกให้ได้ และจบลงที่คำว่า Jai Hind ซึ่งหมายถึงว่าอินเดียจงเจริญ คล้ายกับชัยโยของบ้านเรา...............

เป็นพิธีเปิดงานที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยสาระและความมุ่งมั่นที่แสดงออกมาจากทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม มุขมนตรีนครเดลี  ท้ายสุดมีนักเรียนระดับประถมออกมายืนเรียงแถวหน้าเวทีร้องเพลงชาติ Jana Gana Mana ให้ผู้มีเกียรติที่มาร่วมพิธีเปิดได้ฟังกัน เป็นอันเสร็จพิธีเปิด 

มาดูกันว่าทำไมอินเดียจึงก้าวหน้าในเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไม่น่าแปลกใจเลย เนื่องจากมีมหาวิทยาลัยกว่า 162 แห่ง ในแต่ละปี ผลิตผู้จบการศึกษาปริญญาเอกกว่า 4000 คนและบัณฑิตกว่า 15000 คน มีศูนย์วิจัยและค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมกว่า 40 แห่ง ทำให้อินเดียมีบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ไม่ต้องพูดถึงด้านไอที ที่ทุกๆ ปีจะมีผู้จบการศึกษาด้านนี้กว่า 3 แสนคน บวกกับความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ และความช่างคิดช่างเจรจาทำให้คนอินเดียรุ่นใหม่เป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญไม่เฉพาะในประเทศแต่ของโลก 

สิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจในตัวผู้นำและผู้บริหารอินเดียก็คือแต่ละคนมีความรู้ความสามารถสูง โดยเฉพาะความมุ่งมั่นสูงมากที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ เป็นความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในความเป็นอินเดียที่จะไม่ยอมเป็นรองใครในโลก

ย้อนมามองการเมืองไทย นักการเมืองไทยหรือผู้บริหารของรัฐบาล ส่วนใหญ่ขาดความมุ่งมั่นที่ชัดเจนตรงนี้ 

ในปีนี้ ประเทศไทยได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้านี้ด้วยโดยได้เป็นประเทศหุ้นส่วน Partner Country มีผู้ประกอบการกว่า 60 รายจากประเทศไทยนำสินค้ามาแสดงและขายในงาน ทั้งนี้มีประเทศต่างๆ เข้าร่วมทั้งหมด 29 ประเทศ โดยปีนี้ประเทศจีนเป็นประเทศที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ Focus country น่าเสียดายที่ว่าในพิธีเปิดวันนั้น ไทยเราไม่ได้แสดงบทบาทมากนัก เนื่องจากบางฝ่ายเห็นว่าเป็นงานที่มาขายสินค้าอย่างเดียวและมองว่าคนที่มางานก็ตั้งใจมาซื้อของอย่างเดียว ซึ่งในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ในฐานะประเทศหุ้นส่วน ประเทศไทยสามารถมีบทบาทได้มากกว่านี้ ซึ่งทั้งประธานาธิบดี รัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมและมุขมนตรีของนครเดีลที่มาร่วมเปิดงานต่างก็กล่าวในสุนทรพจน์ของแต่ละคนว่ารู้สึกยินดีและขอบคุณที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นประเทศหุ้นส่วนในงานด้วย ซึ่งทำให้งานมีสีสันและน่าสนใจยิ่งขึ้น

ก็เพียงหวังว่าในปีหน้า หากมีเวลาเตรียมตัวนานกว่านี้ ประสานนโยบายกันมากกว่านี้ ประเทศไทยคงจะใช้โอกาสของงานที่ยิ่งใหญ่นี้ แสดงบทบาทให้มากขึ้น 

Pragati Maidan ปรากะติ เมยดานเป็นศูนย์แสดงสินค้านานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย เริ่มดำเนินการเมื่อปี 1972 ประกอบด้วยอาคารใหญ่ มากถึง19 อาคาร พื้นที่แสดงนิทรรศการมากกว่า 6 หมื่นตารางเมตร รวมทั้งพื้นที่นอกอาคารอีก 1 หมื่นตารางเมตร มีบริการแทบจะทุกอย่างในบริเวณนั้นไม่ว่าจะโรงภาพยนต์ ห้องสมุด ร้านอาหาร สถานีดับเพลิงและสถานีอนามัย

หลังจากร่วมพิธีเปิด ผมได้ไปเยี่ยมอาคาร 12 ซึ่งมีผู้ประกอบการไทยออกร้านซึ่งก็มีสินค้าหลากหลายที่นำมาขายในงานและปรากฏเป็นที่นิยมอย่างมากของคนอินเดีย ในโอกาสนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลีร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าต่างประเทศประจำเดลีได้จัดนิทรรศการความสัมพันธ์ไทย-อินเดียเพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบด้วย ถือเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ประเทศไทยเสริมการขายสินค้าไปด้วย

สินค้าไทยนั้นเป็นที่นิยมของคนอินเดียมาก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หัตถกรรม อาหารสินค้าตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์และสปา เอามาเท่าไหร่ก็ขายหมด ผู้ประกอบการไทยรายหนึ่งบอกกับผม สิ่งที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันก็คือคนอินเดียต่อราคาเก่งมาก ต่อได้ต่อดีไม่รู้จักเกรงใจ(คนขาย) หรือเหน็ดเหนื่อย เรียกว่ามีลูกอึดและอดทนสูง ซึ่งถ้าเรามองกลับมุม ถ้าเราเป็นคนซื้อ คนไทยจะเกรงใจ จะต่อรองราคาก็ยังไม่กล้าต่อราคาต่ำนัก กลัวคนขายจะว่า

ผมได้แสดงความเห็นว่าลักษณะของคนอินเดียนั้นน่าสนใจและน่าเรียนรู้เพราะตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่าจะไม่ยอมเสียเปรียบใครและไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ อีกทั้งตัววัดภูมิปัญญาและความสามารถของคนคือการทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตให้ประสบความสำเร็จ กล่าวคือทำอย่างไรก็ได้ให้ประสบความสำเร็จ แม้จะไม่อยู่ในกรอบหรือนอกกรอบไม่ถูกต้องไปบ้าง ก็ไม่เป็นไร ผมได้เล่าให้ผู้ประกอบการไทยฟังว่า เด็กอินเดียทุกคนต่างเติบโตท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ต้องต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มากมาย ด้วยความที่อินเดียมีประชากรมากนับพันล้าน ทรัพยากรธรรมชาติ และโอกาสต่างๆ ไม่ได้มีเพียงพอสำหรับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน การดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดและสร้างโอกาสสำหรับตนเองจึงมีอยู่ในตัวของคนอินเดียทุกคน สิ่งนี้เองที่ทำให้อินเดียมีศักยภาพในด้าน “คน”

บวกกับความสามารถในเรื่องภาษาอังกฤษ ในเรื่องคณิตศาสตร์และเรื่องไอที ทำให้ทุกวันนี้ คนอินเดียทำในสิ่งที่คนประเทศต่างๆ ทำไม่ได้ดีเท่า   

ทุกวันนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ได้กล่าวเกินจริงถ้าจะบอกว่าในทศวรรตหน้า ไม่มีประเทศใดจะหลีกเลี่ยงการผงาดขึ้นมาในเวทีโลกของอินเดียได้ และนี่คือสิ่งที่รัฐบุรุษอินเดียไม่ว่าจะเป็นคานธี เนห์รู อินทิรา ราจีฟและโซเนีย ต่างมุ่งหวังและนำพาอินเดียมาถึงทุกวันนี้...น่าชื่นชมจริงๆ ครับ

ใจฮินด์  Jai Hind

หมายเลขบันทึก: 316614เขียนเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2009 22:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สนใจนำผลิตภัณฑ์ของกิจการชมรมอหิงสาธรรมเกษตรสากลเขเาร่วมแสดงในประเทศสาธารณรัฐอินเดีย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท