Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

อรรถกถาสีวลิเถรปทาน: ผลแห่งการถวายทานของพระสีวลี


พระสีวลีเถระ เป็นผู้เลิศด้วยลาภและเลิศด้วยยศ เพราะผลแห่งการถวายสักการะแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า "วิปัสสี"

       ลำดับนั้น   ท่านพระสีวลีเถระ  ได้บรรลุพระอรหัต   ได้รับเอตทัคคะแล้ว    ระลึกถึงบุรพกรรมของตนแล้ว   เกิดความโสมนัสใจ    เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนได้เคยประพฤติมาแล้วในกาลก่อน      จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร  นาม  ชิโน  ดังนี้.

 แม้พระเถระรูปนี้  ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้วในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน ๆ  ได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้เป็นอันมากในภพนั้น ๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า  “ปทุมุตตระ”   ท่านได้บังเกิดในเรือนอันมีสกุล  ได้ไปยังพระวิหารโดยนัยดังที่ได้กล่าวไว้แล้วในหนหลังยืนอยู่ท้ายบริษัท   ก็กำลังฟังธรรม    ในเห็นพระภิกษุรูปหนึ่ง    ซึ่งพระศาสดาทรงสถาปนาเธอไว้ในตำแหน่งที่เลิศกว่าพวกภิกษุผู้มีลาภ   แล้วคิดว่า  ในอนาคตกาลแม้เราก็ควรเป็นเช่นภิกษุรูปนี้บ้าง  จึงได้นิมนต์พระทศพล   ถวายมหาทานแด่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขตลอด ๗ วัน แล้วได้ตั้งความปรารถนาไว้ว่า  

"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ด้วยกรรมดีที่สั่งสมไว้นี้    ข้าพระองค์มิได้ปรารถนาสมบัติอื่นเลย  หากแต่ในอนาคตกาล  ในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง  แม้ข้าพระองค์พึงก็เป็นผู้เลิศกว่าพวกภิกษุผู้มีลาภเหมือนเช่นภิกษุที่พระองค์ทรงสถาปนาไว้ในตำแหน่งที่เลิศนั้นเถิด".

พระศาสดา  ทรงเห็นว่าเขาไม่มีอันตราย  จึงทรงพยากรณ์ว่า "ความปรารถนาของเธอนี้ จักสำเร็จในสำนักของพระโคดมพุทธเจ้าในอนาคตกาล" แล้วเสด็จหลีกไป.  กุลบุตรนั้น ได้กระทำกุศลไว้จนตลอดชีวิตแล้ว  ได้เสวยสมบัติทั้ง ๒ ในเทวโลกและมนุษยโลก   

ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า "วิปัสสี"  เขาได้เกิดในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง   ซึ่งไม่ไกลจากพันธุมดีนคร  ในสมัยนั้น  ชนชาวพันธุมดีนคร  ได้สนทนากันกับพระราชาแล้วได้ถวายทานแด่พระทศพลเจ้า.

วันหนึ่ง  คนทั้งหมดได้รวมเป็นพวกเดียวกัน    เมื่อจะถวายทานก็ตรวจดูว่า  ความเลิศแห่งทานของพวกเรามีหรือไม่หนอ  ไม่ได้เห็นน้ำผึ้งและนมส้ม.  คนเหล่านั้นจึงคิดว่าพวกเราจักนำมาจากที่ไหนหนอ  จึงมอบหน้าที่ให้พวกบุรุษยืนอยู่ที่หนทางจากชนบทเข้าพระนคร.  

ครั้งนั้น  กุลบุตรคนนั้นถือเอาหม้อนมส้มมาจากบ้านของตน  เดินทางไปยังเมืองด้วย  คิดว่าเราจักแลกนำอะไรบางอย่างมา  ดังนี้   มองไปเห็นสถานที่อันมีความผาสุกคิดว่า    เราจักล้างหน้า   ชำระล้างมือและเท้าให้สะอาดก่อนแล้วจึงจักเข้าไปดังนี้  แล้วได้มองเห็นรังผึ้งอันไม่มีตัวผึ้งประมาณเท่าหัวไถ  คิดว่า  สิ่งนี้เกิดขึ้นแล้วแก่เราด้วยบุญ  จึงถือเอาแล้ว  เข้าไปยังพระนคร.  

บุรุษที่ชาวพระนครมอบหมายหน้าที่ให้  เห็นเขาแล้วจึงถามว่า  “แน่ะเพื่อน  ท่านนำน้ำผึ้งเป็นต้นนี้มาเพื่อใคร”. 

เขาตอบว่า  “นาย   เรามิได้นำมาเพื่อใคร   สิ่งนี้เราขาย”.

บุรุษนั้นจึงพูดว่า    “ถ้าเช่นนั้น  ท่านจงถือเอากหาปณะนี้แล้ว   จงให้น้ำผึ้งและนมส้มนั้นเถิด”. 

           เขาคิดว่า น้ำผึ้งเป็นต้นนี้มิได้มีค่ามากสำหรับเราเลย  แต่บุรุษนี้ย่อมให้ราคามากโดยการให้ราคาครั้งเดียวเราจักพิจารณาดู  ต่อแต่นั้นเขาจึงกล่าวกะชาวเมืองนั้นว่า  “เราจะไม่ยอมให้ด้วยราคาเพียงกหาปณะเดียว”. 

บุรุษชาวเมืองจึงกล่าวว่า   “ถ้าอย่างนั้นท่านรับกหาปณะ  ๒  อันไป   แล้วจงให้น้ำผึ้งเป็นต้นเถิด”

 เขากล่าวว่า  “ถึงจะให้กหาปณะ ๒ อัน  เราก็ไม่ยอมให้”.   บุรุษชาวเมืองเพิ่มกหาปณะขึ้นด้วยอุบายนั้น  จนถึงพันกหาปณะ.  

เขาคิดว่า   เราไม่ควรเพิ่มราคาขึ้น หยุดไว้ก่อน  เราจักถามถึงการงานที่ผู้นี้จะพึงทำ. 

ลำดับนั้นเขาจึงกล่าวกะบุรุษชาวเมืองนั้นว่า  “น้ำผึ้งเป็นต้นนี้   มิได้มีค่ามีราคามากเลย  แต่ท่านให้ราคาเสียมากมาย  ท่านจะรับน้ำผึ้งเป็นต้นนี้ไปเพราะจะทำอะไร”.  

บุรุษชาวเมืองชี้แจงว่า  “ท่านผู้เจริญ   ชาวพระนครในที่นี้  ได้ขัดแย้งกับพระราชากำลังถวายทานแด่พระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า  มองไม่เห็นน้ำผึ้งเป็นต้นทั้งสองนี้ ในทานอันเลิศ  จึงใช้ให้เรามาแสวงหา  ถ้าว่าจักไม่ได้น้ำผึ้งเป็นต้นทั้งสองนี้ไซร้ พวกชาวเมือง  ก็จักมีความพ่ายแพ้แน่  เพราะฉะนั้นเราให้ทรัพย์พันกหาปณะแล้ว  จะขอรับน้ำผึ้งเป็นต้นนี้ไป”.   

เขากล่าวว่า  “ก็น้ำผึ้งเป็นต้นนี้   สมควรแก่พวกชาวเมืองเท่านั้นหรือ   หรือว่า สมควรเพื่อให้แก่ชนเหล่าอื่นก็ได้”. 

บุรุษชาวเมืองตอบว่า   “น้ำผึ้งเป็นต้นนี้    เรามิได้ห้ามเพื่อจะให้แก่ใคร”.  

เขากล่าวว่า  “มีใครบ้างไหม   ที่ให้ทรัพย์พันหนึ่งตลอดวันหนึ่งในทานของพวกชาวพระนคร”

บุรุษชาวเมืองตอบว่า “ไม่มีดอกเพื่อน”.

เขากล่าวว่า  “น้ำผึ้งเป็นต้นนี้  ที่เราให้แก่พวกชาวเมืองเหล่านั้น  ท่านจงรู้ว่ามีค่าราคาตั้งพันเชียวนะ”.   

บุรุษชาวเมืองตอบว่า   “ใช่   เรารู้”.  

เขากล่าวว่า   “ถ้าเช่นนั้นจงไปท่านจงบอกให้พวกชาวเมืองรู้ว่า  บุรุษคนหนึ่ง  ไม่ยอมให้สิ่งของเหล่านี้ด้วยมูลค่าสองพัน  เขาประสงค์จะร่วมกับพวกท่านให้ด้วยมือของตนเอง   พวกท่านจึงหมดความกังวล  เพราะเหตุแห่งสิ่งของทั้งสองอย่างนี้เถิด”.  

บุรุษชาวเมืองกล่าวว่า  “ท่านจงเป็นพยานของผู้มีส่วนเป็นหัวหน้าในทานนี้ด้วยเถิด"    แล้วก็ไป  

ส่วนกุลบุตรนั้น  ได้เอากหาปณะที่ตนเก็บไว้เพื่อเสบียงเดินทางจากบ้าน  ไปซื้อเครื่องเทศ  ๕  อย่างแล้ว   ทำให้ป่น  นำเอาน้ำส้มมาจากนมส้มแล้วคั้นรังผึ้งลงในนั้น   ปรุงด้วยจุณเครื่องเทศ ๕  อย่างแล้ว  ใส่ลงในใบบัวตระเตรียมสิ่งนั้นเรียบร้อยแล้ว  ถือไปนั่งในที่ไม่ไกลพระทศพล. 

เมื่อมหาชนเป็นอันมากนำเอาสักการะไป   เขามองดูวาระที่จะถึงแก่ตนในลำดับ  รู้ช่องทางแล้วจึงเข้าเฝ้าพระศาสดา   กราบทูลว่า  “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  สักการะอันยากไร้นี้เป็นของข้าพระองค์   ขอพระองค์โปรดอาศัยความอนุเคราะห์ข้าพระองค์  รับสักการะนี้เถิด”. 

พระศาสดาทรงอนุเคราะห์เขา  ทรงรับสักการะนั้น  ด้วยบาตรศิลา  อันท้าวมหาราชทั้ง  ๔   ถวายแล้ว  ได้ทรงอธิษฐานโดยประการที่เมื่อถวายแก่ภิกษุ  ๖  ล้าน  ๘  แสนรูป  สักการะก็ไม่หมดไป.

           กุลบุตรนั้น  ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า   ผู้เสร็จภัตรกิจเรียบร้อยแล้ว  นั่ง  ณ  ที่สมควรข้างหนึ่งแล้ว  กราบทูลว่า  “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญข้าพระองค์ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว   วันนี้พวกชาวพันธุมดีนครนำ สักการะมาถวายพระองค์  ด้วยผลแห่งการถวายสักการะนี้   แม้ข้าพระองค์พึงเป็นผู้เลิศด้วยลาภและเลิศด้วยยศ  ในภพที่เกิดแล้วเกิดแล้วเถิด”   

พระศาสดาตรัสว่า  “จงเป็นอย่างปรารถนาเถิดกุลบุตร”  แล้วทรงกระทำภัตตานุโมทนาแก่เขา  และชาวพระนคร  แล้วก็เสด็จหลีกไป. 

กุลบุตรคนนั้น  ทำกุศลจนตลอดชีวิตแล้ว ท่องเที่ยวไปในเทวโลก และมนุษยโลก

 

เชิญอ่านรายละเอียดต่อได้ที่นี่นะคะ

อรรถกถาสีวลิเถรปทาน: บุพกรรมของพระสีวลี

http://gotoknow.org/blog/veeranon/316088

 

บุญรักษา  ธรรมคุ้มครองค่ะ

หมายเลขบันทึก: 316083เขียนเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2009 16:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 15:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท