ลูกสาวจะเรียนมัธยม 1 ที่ไหนดี


ความในใจ จริง ๆ แล้วในตอนนั้นความเป็นพ่อ และแม่นั้นหวังและตั้งใจว่าจะให้ลูกเรียนวิทย์คณิตเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีช่องทางเลือกในการที่จะต่อมหาวิทยาลัยมากกว่าเมื่อจบออกมา

ตอนที่ 39

              

        ลูกสาวจะเรียนมัธยม 1 ที่ไหนดี

        เมื่อลูกสาวจบประถมศึกษาปีที่ 6 จะให้ลูกไปเรียนมัธยมที่ไหนดี  ก่อนอื่นแน่นอนต้องดูในพื้นที่ก่อนว่าพื้นที่โรงเรียนโอเคไหม  ถ้าในเขตพื้นที่ลูกโอเคเราก็โอเค ผมและภรรยาพาลูกไปดูโรงเรียนในเขตพื้นที่ทะเบียนบ้านอยู่แถวเสาชิงช้าโรงเรียนในเขตพื้นที่ขึ้นอยู่กับโรงเรียนเบญจมราชาลัย  พาลูกไปดูลูกไม่ค่อยปลื้มบอกว่าที่อื่นมีอีกไหม ผมตอบลูกไปว่ามี แต่ต้องสอบมีสองโรงเรียนคือสตรีวิทย์ และโยธินบูรณะภาคภาษาอังกฤษ  ลูกไปสอบทั้งสองที่ ได้ที่โรงเรียนโยธินบูรณะวิทย์ สตรีวิทย์ไม่ได้ผมก็ยังแปลงใจเหมือนกันว่าทำไมสอบเข้าสตรีวิทย์ไม่ได้ในเมื่อเรียนได้เกรด 4 มาตลอด  ไม่รู้ว่าไปพลาดตรงไหน

          เมื่อไปฟังประถมนิเทศที่โรงเรียนโยธินบูรณะ ผมกับภรรยาชักไม่แน่ใจว่าจะส่งลูกเรียนดีหรือเปล่า เพราะค่าแป๊ะเจี๊ยะแพงมาก  ค่าเทอมอยู่ที่ปีละ 30,000 บาท แต่มานึกอีกทีก็คุ้มเพราะเรียนได้ถึง ม. 6 ตั้ง 6 ปี  ตังค์ก็มีน่ะแต่ก็นึกเสียดายเงินเหมือนกันในตอนนั้น เพราะเงินมันสูงเอาการ แต่ก็ตัดใจเพราะเป็นการลงทุนให้ลูกทรัพย์สินเงินทองนั้นเรามีไม่มาก แต่การให้ความรู้ต้องให้สูงที่สุดแล้วแต่ว่าลูกจะรับได้แค่ไหน  จะว่าไปแล้วเผอิญพี่สาวของแฟนสนับสนุนหลานจ่ายค่าแป๊ะเจี๊ยะให้ ผมและถรรยาเลยไม่รอช้าที่จะรีบรับความช่วยเหลือจากพี่สาวแฟนทันที  พอเรียนถึง ม.3 ลูกขอไปทดลองสอบเพื่อเปลี่ยนสถานที่เรียนใหม่ที่เตรียมอุดมศึกษา สายศิลป์ภาษา  และให้สัญญากับพ่อและแม่ว่าถ้าไปสอบแล้วไม่ได้จะกลับมาเรียนสายวิทย์คณิตที่เดิม

          ความในใจ  จริง ๆ แล้วในตอนนั้นความเป็นพ่อ และแม่นั้นหวังและตั้งใจว่าจะให้ลูกเรียนวิทย์คณิตเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีช่องทางเลือกในการที่จะต่อมหาวิทยาลัยมากกว่าเมื่อจบออกมา ซึ่งในตอนนั้นหวังว่าลูกคงจะได้เรียนหมอฟันตามที่ตนเองเคยตั้งความหวังไว้  ในเมื่อลูกตัดสินใจอย่างนั้นก็แล้วแต่ลูก 

          ผลสอบออกมาลูกสอบได้  พ่อแม่ก็ดีใจไปกับลูกด้วย  เพื่อนบ้านข้างเคียงรวมถึงพี่สาวของแฟนแสดงความยินดีด้วยและพูดว่าเข้าเตรียมอุดมศึกษาได้ก็เหมือนกับว่าได้เข้ามหาวิทยาลัยข้างเคียงไปแล้วครึ่งตัวพอเรียนอยู่ชั้น ม. 5 ลูกขอไปทดสอบอีกเพื่อชิงทุนแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ AFS อีก และก็สอบได้ลูกไปอยู่รัฐเท็กซัส อเมริกา 1 ปี 

          ในระหว่างที่ลูกไปเรียนอยู่นั้นเกิดเหตุกราณ์ต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อพ่อและแม่มาก แต่ก็ไม่ได้บอกกับลูก กลัวว่าลูกจะกังวล อีกอย่างคิดว่าอย่างไรก็แล้วแต่คงจะไม่เกิดปัญหาอย่างแน่นอน และอีกอย่างถือว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ต่อมาเมื่อลูกทราบข่าวจากทีวี ลูกก็ไม่ได้มีความกังวลถือว่าพ่อได้ปฏิบัติหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว  แต่ถึงอย่างไรก็ตามลูกก็อดห่วงพ่อไม่ได้  

          นับว่าเป็นความโชคดีของลูกที่ครอบครัวที่ลูกไปอยู่ด้วยให้ความรักและเอ็นดูลูกเป็นอย่างดี  ช่วงแรกอาจจะมีติดขัดบ้าง  แต่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

          เมื่อครบ 1 ปี ต้องกลับมาเรียนต่อที่เดิม จริงแล้วทางโรงเรียนอนุญาตให้ข้ามชั้นได้ แต่ลูกกลัวไม่แน่นเลยต้องเรียนซ้ำชั้น ม. 5 อีก 1 ปี  

          พอ ม. 6 ปลายปี ลูกสอบตรงเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คณะนิติศาสตร์ได้  เลยสบายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนสอบเอ็นทรานส์ ระบบใหม่

          เมื่อเรียนถึงปี 3 ลูกขอสอบชิงทุนไปเรียนภาษาและกฏหมายที่ญี่ปุ่น 1 ปี  ขณะนี้กำลังเรียนอยู่ครับ (ปี 2552) จะกลับมาเรียนต่อปีสี่เดือนมีนาคม 2553 

หมายเลขบันทึก: 315490เขียนเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2009 14:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 11:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท