หนานเกียรติ
เกียรติศักดิ์ หนานเกียรติ ม่วงมิตร

โจน จันได : ผู้มีชีวิตง่ายและงาม


“ชีวิตมันเป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่ต้องทำให้มันยาก” ปรัชญาชีวิตที่ผ่านการตกผลึกของเขา

 

    ชายร่างกำยำ กายกร้านแดด สวมเสื้อยืดเก่าคร่ำคร่า สีมอซอเช่นเดียวกับกางเกงเลที่สวมใส่ เดินเท้าเปล่านำหน้าไปยังบ้านดินที่อยู่บนยอดเนินเขา บ้านดินที่เขาอาศัยอยู่กับลูกและภรรยาชาวอเมริกัน

    โจน จันได คือชายผู้นั้น ลูกชาวนาแห่งยโสธร ผู้บุกเบิกและก่อตั้งศูนย์พันพรรณ ชุมชนแห่งการพึ่งตนเอง ที่พำนักของผู้คนที่ต้องการใช้ชีวิตง่าย ๆ

    “ชีวิตมันเป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่ต้องทำให้มันยาก” ปรัชญาชีวิตที่ผ่านการตกผลึกของเขา

    เขาเรียนหนังสือจนจบ ป.๗ รุ่นสุดท้าย ก็มาบวชเป็นสามเณรในกรุงเทพฯ อาศัยเรียนการศึกษานอกโรงเรียน จนกระทั่งจบการศึกษาผู้ใหญ่มัธยมศึกษาตอนปลายที่วัดสัมพันธหงษ์ แล้วก็ลาสิกขาไปเรียนนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เรียนได้ราว ๓ ปี ก็เริ่มถามตัวเองว่า “เรียนไปทำไม เรียนไปเพื่ออะไร” ในที่สุดก็ตัดสินใจหันหลังให้กับการศึกษา พาตัวเองไปอยู่เชียงใหม่ เงินที่พอมีอยู่นำไปซื้อที่ดินจนหมด

    อยู่ที่นั่นไม่ได้กินข้าวเป็นเดือน เพราะไม่มีเงินซื้อ กินหน่อไม้ กินผัก แรก ๆ ปลูกปลูกผักบุ้งเพราะอายุเก็บเกี่ยวสั้น ได้กินเร็วกว่าผักอย่างอื่น แล้วปลูกข้าวโพด ปลูกผักไว้กินกิน ปลูกเสร็จไม่มีอะไรทำ ก็เดินเล่นตามป่า ขึ้นเขา ชีวิตวนเวียนอยู่อย่างนี้ราว ๗ เดือน เป็นที่มาของปรัชญาชีวิต “ชีวิตมันเป็นเรื่องง่าย ๆ”

     “...ชีวิตมันเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่เราทำให้มันยาก เราใช้เวลาไม่มากนักในการทำมาหากิน มันเหลือกินแล้ว แต่ว่าเราใช้เวลาเยอะมากในการหาเพื่อครอบครัว เราทำให้ชีวิตซับซ้อน จนไม่มีเวลาคิดถึงตัวเอง คิดถึงแต่เรื่องงาน หาเงิน ใช้เงิน ทำงานหนักไม่มีเวลาพัก ไม่มีเวลากิน ทำงานหนักขนาดนี้ ทำไมไม่ทำชีวิตให้ง่าย เรื่องชีวิตนี้มันง่าย ทำไมต้องทำให้มันยาก...”

    เขาตอกย้ำความง่ายของชีวิต เมื่อครั้งที่กลับคืนสู่ท้องทุ่งอีสานบ้านเกิดเมืองนอน ก่อนที่จะมาลงหลักปักฐานที่ศูนย์พันพรรณ ว่า

     “...ผมเคยลองไปทำนา ทำแค่ปีละ ๒ เดือน ได้ข้าวมา ๔ ตัน ปีนึงคน ๖ คนกินข้าวไม่ถึงครึ่งตัน ที่เหลือก็ยังได้ขาย บ้านก็ทำเป็นบ้านไม้ไผ่ อยู่ได้สบายไม่มีปัญหา ใช้เวลารดน้ำผักวันละ ๓๐ นาที มีผักเลี้ยงคน ๖ คนต่อวัน ยังมีเหลือพอเอาไปขายที่ตลาดอีก ได้เงินวันละห้าสิบวันละร้อย มีบ่อปลา ๒ บ่อ ก็รู้สึกว่าทำไมชีวิตมันง่ายอย่างนี้ ไม่มีอะไรยากเลย...”

    อย่างไรก็ตามวิถีชีวิตที่เขาดำรงนั้น แม้จะดูไม่ผิดแผกไปจากชาวบ้าน แต่เขาก็ไม่ได้อยู่แบบชาวบ้าน

     “...ผมกลับไปอยู่บ้าน แต่ไม่ได้อยู่แบบชาวบ้าน ชาวบ้านส่วนใหญ่เขาปลูกเพื่อขาย ยิ่งทำก็ยิ่งไม่เหลืออะไร ยิ่งปลูกก็ยิ่งมีหนี้ ทันทีที่คิดจะลงทุน ต้องหาเงินไปจ่ายค่าเมล็ดพันธุ์ ค่ายา ค่าปุ๋ย เริ่มต้นจากการเป็นหนี้ แล้วก็เสี่ยงเพราะปลูกผักจะได้หรือไม่ได้มันขึ้นกับดินฟ้าอากาศ โรคและแมลง ขึ้นอยู่กับคนที่มารับซื้อ ชาวไร่ชาวนาจึงอยู่ในสถานะของนักการพนันที่แย่ที่สุด ไม่มีโอกาสที่จะลืมตาอ้าปากได้ ถ้าปลูกเพื่อขายเราจะติดกับดักทันที คนที่คิดจะปลูกเพื่อขาย ไม่มีใครรวย ไม่มีใครไม่เป็นหนี้...

     ...ที่ผมปลูก ปลูกเพื่อกิน พริก มะเขือ หอม กระเทียม ปลูกไว้แค่ไม่เกินอย่างละ ๕ ต้นก็อยู่ได้แล้ว กินไม่เคยหมด เหลือเก็บไปขายก็ยังได้เงินสองร้อยสามร้อยบาทต่อวัน อย่างกระจอกที่สุดก็ห้าสิบบาท ในสายตาคนทั่วไปเงินห้าสิบบาทอาจไม่มีค่าอะไรเลย แต่ครอบครัวไม่มีค่าใช้จ่าย เงินห้าสิบบาทถือว่ามากแล้ว...

     ...ผมต้องการให้ชีวิตง่ายและสุขขึ้น ชีวิตเราสั้นมาก จะใช้ชีวิตบนโลกนี้ไปเพื่ออะไร เราควรหาความสงบสุข หาความง่ายให้ตัวเอง ให้มีเวลาอยู่กับตัวเอง อยู่กับครอบครัวมากขึ้น...”

    โจน จันได เชื่อเรื่องการพึ่งตนเอง เชื่อว่าคนจะมีความสุขได้ก็ต่อเมื่อเขาสามารถพึ่งตนเองได้ สามารถที่จะเข้าถึงปัจจัยสี่ได้โดยง่าย แต่สังคมเปลี่ยนไป ผู้คนเข้าถึงปัจจัยสี่ได้ยากขึ้น แพงขึ้น ชีวิตเป็นอยู่ยากขึ้น

     “..ผมมีความเชื่อว่าชีวิตที่พัฒนาที่ดีที่สุด ชีวิตที่มีความสุขที่สุดคนต้องเข้าถึงปัจจัยสี่ได้ง่ายที่สุด แต่ทุกวันนี้รู้สึกว่ามีแต่จะแย่ลง...

     ...ทุกวันนี้คนกว่าจะได้บ้านหลังหนึ่ง ต้องทำงานเก็บเงินเป็นยี่สิบสามสิบปี อาหารก็แพง และไม่มีความปลอดภัยเลย ชีวิตผู้คนทุกวันนี้หาสิ่งที่เป็นสาระไม่ได้ ทำไปด้วยความงมงาย ไม่รู้เรื่องรู้ราว ทำชีวิตให้ยากขึ้น จนลืมไปว่าชีวิตเกิดมาทำไม ครอบครัวเป็นยังไง มีความสำคัญยังไง ธรรมะคืออะไร ความสุขเป็นยังไง ไม่มีใครสอนเลย คนมีแต่ซื้อ ๆ ๆ ๆ เพื่อจะให้มีความสุข แต่ถามจริง ๆ ว่ามันใช่ไหม...

     ...สุดท้าย เราก็เลยกลับมาชีวิตว่า ชีวิตที่มีความสุข คือชีวิตที่ง่าย บริโภคน้อยลง พึ่งตนเองได้ เราก็เลยกลับมาที่ปัจจัยสี่ อาหาร บ้าน ผ้า และยา...

     ...อย่างการมีอาหาร คนทำงานในเมืองวันละ ๘-๑๒ ชั่วโมงแต่ไม่พอกินสำหรับคนเดียว ทำเพื่ออะไรกัน ผมทำสวนวันละ ๓๐ นาที ปลูกและรดน้ำผัก ผมมีอาหารเลี้ยงคน ๗-๘ คนได้สบาย เวลาที่เหลือพักผ่อน ทำในสิ่งที่อยากทำ อยู่กับครอบครัว หาความสุขให้ชีวิต ง่ายมากเลย นี่คือความง่าย...”

 


ภาพประกอบจาก internet 

 

คำสำคัญ (Tags): #โจน จันได
หมายเลขบันทึก: 314518เขียนเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2009 00:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 19:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (42)

สวัสดีครับพี่หนานเกียรติ

ชอบมากๆๆๆๆ ครับ ชายคนนี้คุณโจน จันได ยิ่งผมอ่านสัมภาษณ์ใน a day แล้วคล้อยตามเลยครับ เชื่อเลยว่าเรานี้ทำชีวิตให้ยากจัง ^^

อ่านชีวิตและแนวคิดแกแล้วก็เพลินนะพี่ ชอบที่แกพูดถึงการรักษาเมล็ดพันธุ์แท้ๆของพืชครับ...มันจริงว่ะ ^^

สวัสดีค่ะ...น้อง

P
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตัวจริงนะคะ

โจน จันได

กู้ ศักดิ์ศรี

เพราะได้เมียเป็นฝรั่ง

แต่ที่ขอนแก่น

สาวๆ อีสาน ได้ ผัวฝรั่ง กันมากครับ แบบนี้ ขาดทุนการค้า

เคยเห็นออกรายการเจาะใจเมื่อหลายปีก่อน

เพิ่งทราบว่าอยู่เชียงใหม่

เป็นชีวิตที่พอเพียง แบบเฮ็ดอยู่ เฮ็ดกิน แบบภูมิปัญญาไทยอีสาน

ขอบคุณคุณหนานเกียรติที่นำมาบอกให้ทราบ

 

P สวัสดีครับ น้องเดย์ adayday

สวัสดีครับพี่หนานเกียรติ
ชอบมากๆๆๆๆ ครับ ชายคนนี้คุณโจน จันได ยิ่งผมอ่านสัมภาษณ์ใน a day แล้วคล้อยตามเลยครับ เชื่อเลยว่าเรานี้ทำชีวิตให้ยากจัง ^^
อ่านชีวิตและแนวคิดแกแล้วก็เพลินนะพี่ ชอบที่แกพูดถึงการรักษาเมล็ดพันธุ์แท้ๆของพืชครับ...มันจริงว่ะ ^^

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
ชีวิตพีโจมันส์สุดยอดจริง ๆ ครับ
แกทำเรื่องง่าย ๆ ได้ยิ่งใหญ่มาก

 

P สัวสดีน้องพรทั้งหล้า ♥paula ♥ที่ปรึกษาตัวน้อย✿

เดย์...ไปนอนไป๊...อิอิ

น้องนอนมั่งรึเปล่าเนี่ย...

 

P สวัสดีครับ คุณครูอี๊ด

สวัสดีค่ะ...น้องหนานเกียรติ
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตัวจริงนะคะ

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
ใช่ครับ พี่โจ ตัวจริงเสียงจริงเลยครับ

 

P สวัสดีครับ นาย ศุภรักษ์ ศุภเอม

โจน จันได
กู้ ศักดิ์ศรี
เพราะได้เมียเป็นฝรั่ง
แต่ที่ขอนแก่น
สาวๆ อีสาน ได้ ผัวฝรั่ง กันมากครับ แบบนี้ ขาดทุนการค้า

ขอบคุณคุณหมอที่แวะมาเยี่ยมครับ
ที่ศูนย์พันพรรณ ชียงใหม่ มีฝรั่งมาอยู่เพียบเลยครับ บางคนมาอยู่เป็นเดือน ๆ เพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบง่าย ๆ
แหะ แหะ เป็นเมียฝรั่งมันโก้ดีครับคุณหมอ ผู้สาวเลยมักครับ...

 

P สวัสดีครับ อาจารย์ พรชัย

เคยเห็นออกรายการเจาะใจเมื่อหลายปีก่อน
เพิ่งทราบว่าอยู่เชียงใหม่
เป็นชีวิตที่พอเพียง แบบเฮ็ดอยู่ เฮ็ดกิน แบบภูมิปัญญาไทยอีสาน
ขอบคุณคุณหนานเกียรติที่นำมาบอกให้ทราบ

ขอบคุณอาจารย์ที่แวะมาเยี่ยมครับ
ตอนนี้พี่โจเดินทางน้อยลง ออกสื่อน้อยลง แต่งานในพื้นที่ขยายทั้งคุณภาพและปริมาณ
เมล็ดพันธุ์ที่พี่โจสะสม ถูกแจกจ่ายไปทั่วประเทศ ขณะที่เป็นแหล่งรับเมล์ดพันธุ์จากที่ต่าง ๆ ด้วย

 

  • สวัสดีค่ะ 
  • แวะมาเยี่ยมเยียนค่ะ
  • อากาศช่วงนี้เปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ ปลายฝน ต้นหนาวแล้ว รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ
  • ระลึกถึงค่ะ

 

P สวัสดีครับ คุณ บุษรา

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
ระลึกถึงเช่นกันครับ....

ตอบโจทย์ วิถีพอเพียง ... ที่ทุกคนใฝ่หา

... วิถีสงบ งาม เงียบ และ เรียบง่าย ...

Simply Living, High Thinking ท่านคานธี

 

 

P สวัสดีครับ คุณ poo

ถูกต้องที่สุดเลยครับ

... วิถีสงบ งาม เงียบ และ เรียบง่าย ...

พี่หนานเกียรติ คะ

เคยได้ดูโทรทัศน์ที่นำเสนอเรื่องราวของพี่โจน ไว้ ต้องขอบอกว่านับถือในแนวความคิดมากค่ะ และมานั่งทบทวนตัวเอง ชีวิตคนเรา เราทำให้มันซับซ้อนไปหรือเปล่า จริงๆ แล้วมันง่ายมากแต่เราสร้างเงื่อนไขให้มันยากไปไหม

เรื่องราวชีวิตของพี่โจน ทำให้ได้กลับมาคิดทบทวนตัวเองเยอะเลยค่ะ :)

ขอบคุณพี่หนานเกียรติ นะคะ ที่นำเรื่องราวดีๆ มาถ่ายทอด

 

P สวัสดีครับ น้อง มะปรางเปรี้ยว

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
ดีใจที่บันทึกนี้ทำให้ได้คิดทบทวนตัวเอง
ผมก็ได้คิด ไตร่ตรองตัวเองมากมาย หลังจากที่ได้คุยกับพี่โจ
ผมมีตอนต่อีกตอนนึง จะพูดถึงศูนย์ พันพรรณ ที่พี่โจทำอยู่...

อยากไปกินขนมจีนอีกสักรอบครับ...

อ้อ... แวะไปเสนอชื่อมาแล้วนะครับ

 

มาชม

อ่านแล้วเป็นวิถีชีวิตที่ไม่ธรรมดานะครับ...

เคยได้ยิน ชื่อ ของ คุณโจน จันได เพราะมี workshop กับ คุณวิจักษ์ครับ

P สวัสดีครับ อาจารย์ umi

มาชม
อ่านแล้วเป็นวิถีชีวิตที่ไม่ธรรมดานะครับ...

ครับ "ไม่ธรรมดา"
ผมไปคุยกับพี่โจ เหมือนคุยอยู่กับพระเลยครับ...

 

P สวัสดีครับ คุณ Phornphon

เคยได้ยิน ชื่อ ของ คุณโจน จันได เพราะมี workshop กับ คุณวิจักษ์ครับ

ทั้งคู่เป็นทีมงานที่จัดฝึกอบรมร่วมกันบ่อย ๆ ครับ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ

 

น่าชื่นชมมากๆค่ะ..คณะทำงานหนังสือ "พพ.๘๒๙"ของเรา ได้สัมภาษณ์ชีวิตพอเพียงของ คุณโจน จันไดไว้ตามที่พี่ใหญ่กล่าวถึงแล้วใน blog นี้ค่ะ..

http://gotoknow.org/blog/nongnarts/306380

 

P สวัสดีครับพี่ใหญ่  - นาง นงนาท สนธิสุวรรณ

ผมได้นั่งคุยกับพี่โจ นานเลยครับ เป็นที่มาของบันทึกนี้และงานเขียนอีกชิ้นนึงครับ
ว่าจะทยอยเอามาลงแบ่งปันกันอ่านครับ..

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ......

 

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ

อ่านแล้วก็ได้ลองมองย้อนชีวิตตัวเองดู

ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่

จริงอย่างที่คุณโจนว่า บางครั้งเรื่องง่ายๆ เราก็ทำให้มันยาก วุ่นวายครับ

สวัสดีค่ะคุณน้า

หนูอ่านบันทึกของคุณน้าเขียนเหมือนเป็นเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งนะคะ

ถ้าไม่คิดแบบนี้  ก็จะมีแต่เรื่องชิงดีชิงเด่นในสังคมใช่ไหมคะ

อย่างเช่นบางคนไม่เคยอ่านธรรมะ ไม่เคยปฏิบัติธรรมเลย  แต่ดันมาเสียชีวิต

พระก็อ่านธรรมะให้ฟังตอนก่อนเผา  หนูไม่แน่ใจว่าเขาจะได้ยินหรือไม่

หนูดีใจที่คุณน้าจะไปจัดค่ายให้ค่ะ

  • สวัสดีค่ะ คุณหนานเกียรติ
  • เข้ามาอ่านบทความนี้แล้ว ชอบจัง
  • ชีวิตมันจะง่ายอย่างนี้ได้จริงหรือ
  • ถ้าทำได้สักครึ่งก็เก่งแล้ว
  • แต่ชีวิตนี้ยังมีปัจจัยหลายๆอย่าง
  • อีกนานไหมกว่าเราจะทำได้อย่างนี้
  • มอบดอกไม้เป็นกำลังแด่..โจน   จันได

 

                    Free Pics Men Pictures Photo Sharing

 

อ่านแล้วอยากลุงขึ้นไปปลูกผักสัก 6 ร่อง คะน้า 2 ผักบุ้ง2 ถั่วพู 2 เฮ้ออิจฉาโจนจัง..

 

P สวัสดีครับ คุณ ชยินท์

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ
อ่านแล้วก็ได้ลองมองย้อนชีวิตตัวเองดู
ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่
จริงอย่างที่คุณโจนว่า บางครั้งเรื่องง่ายๆ เราก็ทำให้มันยาก วุ่นวายครับ

ขอบคุณที่แวะมาอ่านครับ
ดีใจที่ชอบครับ ผมมีเรื่องของพี่โจ ลงในนี้อีกสักตอน ตามอ่านนะครับ

 

P สวัสดีครับ น้องนัท

สวัสดีค่ะคุณน้า
หนูอ่านบันทึกของคุณน้าเขียนเหมือนเป็นเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งนะคะ
ถ้าไม่คิดแบบนี้  ก็จะมีแต่เรื่องชิงดีชิงเด่นในสังคมใช่ไหมคะ
อย่างเช่นบางคนไม่เคยอ่านธรรมะ ไม่เคยปฏิบัติธรรมเลย  แต่ดันมาเสียชีวิต
พระก็อ่านธรรมะให้ฟังตอนก่อนเผา  หนูไม่แน่ใจว่าเขาจะได้ยินหรือไม่
หนูดีใจที่คุณน้าจะไปจัดค่ายให้ค่ะ

น้องนัทมีความคิดเหนือเด็กในวัยเดียวกันมาก
ตอนที่พี่ เอ้ย น้า อายุเท่าน้องนัท ยังคิดอะไรได้ไม่ถึงครึ่งของน้องนัทด้วยซ้ำไป
คิดดี เขียนดี น่าชื่นใจมาก ๆ
พบกันตอนจัดค่ายฯ ครับ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ

 

 

P สวัสดีครับ คุณกานต์

สวัสดีค่ะ คุณหนานเกียรติ
เข้ามาอ่านบทความนี้แล้ว ชอบจัง
ชีวิตมันจะง่ายอย่างนี้ได้จริงหรือ
ถ้าทำได้สักครึ่งก็เก่งแล้ว
แต่ชีวิตนี้ยังมีปัจจัยหลายๆอย่าง
อีกนานไหมกว่าเราจะทำได้อย่างนี้
มอบดอกไม้เป็นกำลังแด่..โจน   จันได

ขอบคุณที่แวะมาอ่านครับ
ดีใจมากที่รู้สึกชอบ ขอมอบความดีนี้ให้พี่โจเจ้าของเรื่องครับ

 

P สวัสดีครับคุณพี่ อ้อยเล็ก

อ่านแล้วอยากลุงขึ้นไปปลูกผักสัก 6 ร่อง คะน้า 2 ผักบุ้ง2 ถั่วพู 2 เฮ้ออิจฉาโจนจัง..

พี่มีเมล็ดพันธุ์หรือยังครับ
ให้เฌวาไปช่วยขึค้นแปลงไหม...

  • "คำตอบสุดท้ายของชีวิต   คือชีวิตที่เรียบง่าย"
  • หนึ่งตัวอย่างชีวิตที่เตือนสติคนมักใหญ่ใฝ่สูงค่ะ
  • แวะมาทักทาย  ขอบพระคุณเรื่องราวดี ๆ ค่ะ

 

P สวัสดีครับ พี่ธรรมทิพย์

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
พี่โจทำให้ผมได้สติเรื่องการใช้ชีวิตมาก ๆ เลยครับ
และก็ดีใจที่บันทึกนี้ทำให้หลายคนได้คิดครับ...

 

สวัสดีค่ะ

  • ยินดีต้อนรับ  สู่โรงเรียนวิทยสัมพันธ์นะคะ

 

P สวัสดีครับ ครูนิน

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
พบกันที่วิทยสัมพันธ์นะครับ...

 

  • "อย่างการมีอาหาร คนทำงานในเมืองวันละ ๘-๑๒ ชั่วโมงแต่ไม่พอกินสำหรับคนเดียว ทำเพื่ออะไรกัน ผมทำสวนวันละ ๓๐ นาที ปลูกและรดน้ำผัก ผมมีอาหารเลี้ยงคน ๗-๘ คนได้สบาย เวลาที่เหลือพักผ่อน ทำในสิ่งที่อยากทำ อยู่กับครอบครัว หาความสุขให้ชีวิต ง่ายมากเลย นี่คือความง่าย" เป็นคำถามที่เป็นเหตุเป็นผล น่าคิดมากครับ
  • นานแล้วครับ เคยอ่านบทความของอ.เสกสรรค์ ประเสริฐกุลในหนังสือพิมพ์ แกตั้งคำถามในทำนองนี้ "ชีวิตทำไมต้องเร็ว ทำไมต้องรีบ"
  • ถ้าใครคิดเรื่องนี้ได้เมื่อไร การปฎิบัติตัว-ปฏิบัติตน น่าจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น มีความสุขขึ้น สบายใจขึ้น ยึดติดต่อสิ่งไม่จำเป็นน้อยลง
  • ขอบคุณข้อคิดดีๆครับ และขอบคุณโจน จันได

สวัสดีคะพี่ หนานเกียรติ

เทียนน้อยเคยไปทำบ้านดินกับพี่โจน จันได ที่แม่ริม  ไปเจอกับสาวๆไทยใหญ่

ที่มาจากพม่าน่ารักมากคะ  ทุกคนที่นั่นน่ารักใจดีและเป็นกันเอง...และไปเรียนรู้ต่อ

ที่ไร่ของพี่โจน จันได ที่แม่แตง...เชียงใหม่...อืมๆเป็นอีกความทรงจำดีๆที่ไม่เคยลืม

กับการได้เรียนรู้ความงามของชีวิต ที่เรียบง่าย...

ขอบคุณมากค่ะ ^_^

 

P สวัสดีครับ ธนิตย์ สุวรรณเจริญ

  • "อย่างการมีอาหาร คนทำงานในเมืองวันละ ๘-๑๒ ชั่วโมงแต่ไม่พอกินสำหรับคนเดียว ทำเพื่ออะไรกัน ผมทำสวนวันละ ๓๐ นาที ปลูกและรดน้ำผัก ผมมีอาหารเลี้ยงคน ๗-๘ คนได้สบาย เวลาที่เหลือพักผ่อน ทำในสิ่งที่อยากทำ อยู่กับครอบครัว หาความสุขให้ชีวิต ง่ายมากเลย นี่คือความง่าย" เป็นคำถามที่เป็นเหตุเป็นผล น่าคิดมากครับ
  • นานแล้วครับ เคยอ่านบทความของอ.เสกสรรค์ ประเสริฐกุลในหนังสือพิมพ์ แกตั้งคำถามในทำนองนี้ "ชีวิตทำไมต้องเร็ว ทำไมต้องรีบ"
  • ถ้าใครคิดเรื่องนี้ได้เมื่อไร การปฎิบัติตัว-ปฏิบัติตน น่าจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น มีความสุขขึ้น สบายใจขึ้น ยึดติดต่อสิ่งไม่จำเป็นน้อยลง
  • ขอบคุณข้อคิดดีๆครับ และขอบคุณโจน จันได

ขอบคุณอาจารย์ที่มาแวะเยี่ยมเยียนนะครับ
ดีใจที่ชอบครับ
ผมได้เรียนรู้ ได้ฉุกคิดจากการพูดคุยกับพี่โจมากเลยครับ
ยังอยากจะไปเยี่ยมแกอีกสักคร้ัง

 

 

P สวัสดีครับ น้อง เทียนน้อย

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
แหม..ไปมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย...

 

น้องหนานเกียรติ

        ได้รับทราบแง่คิดของคุณโจน จันได จากรายการที่ส่งเข้ามาที่ Thai PBS เมื่อไม่นานมานี้ และเห็นด้วยกับแง่คิดงดงามในหลายประเด็น

        อย่างไรก็ดี วิถีที่คุณโจนเลือกอาจจะเหมาะกับบางคนในบางวัฒนธรรม เพราะหากมองภาพกว้างออกไป หากไม่มีสังคมเมือง หรือสังคมที่แข่งขันกันในบางเรื่อง (อย่างมีกติกาที่เป็นธรรมพอสมควร) เราจะสร้างความรู้ ตรวจสอบหาความจริง ฯลฯ ในอีกหลายๆ มิติของชีวิตและสังคมได้อย่างไร

        เอาง่ายๆ ว่า หากไม่มีคนจำนวนหนึ่งที่มุมานะสร้างเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์-อินเทอร์เน็ตให้พวกเรามาใช้งานง่ายๆ ไฉนเลยพวกเราชาว G2K จะได้พบกัน (ทั้งออนไลน์และตัวเป็นๆ)

        โลกนี้อยู่ได้ด้วยความหลายหลายครับ แต่กรณีของคุณโจนนี่ ก็ถือว่ามีค่ายิ่ง เพราะน่าจะช่วยสะกิด หรือกระตุกให้ไม่หลงไปกับเรื่องที่ไม่ใช่แก่นสาระอย่างสุดโต่งจนเกินไป

        ขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆ ครับ

P สวัสดีครับ พี่ชิว บัญชา ธนบุญสมบัติ

ขอบคุณความเห็นที่แบ่งปันครับพี่ชิว...
ผมเห็นด้วยกับพี่ชิวครับ คนเราย่อมเหมาะสมกับแบบแผนการดำเนินชีวิตบางอย่างตามแบบฉบับของเรา
ผมคิดว่าพี่โจน ก็คงคิดแบบนี้ เพราะที่ศูนย์พันพรรณ ก็ใช้โทรศัพท์ ใช้คอมพิวเตอร์ ใช้อินเตอร์เน็ท แต่ที่ผมเห็นต่างไปจากที่อื่น ที่นี่ใช้ของเหล่านี้เป็นปัจจัย (เครื่องมือ) ครับ มิได้ให้ความสำคัญมากไปกว่านั้น

 

แวะมาทักทายคะ

  • ชอบแนวคิดของคุณโจน และอีกหลายคน
  • ปีนี้เลยลองปลูกผัก ในที่ทำงาน ไว้ทานกันเองกับเพื่อนร่วมงาน
  • วันนี้  ตัดสินใจ  ไถที่  เตรียมทำนาในโรงพยาบาล
  • วันนี้ จะเริ่มอนุรักษ์พันธุกรรมข้าว 
  • ตลอดชีวิตยังไม่เคยทำนาเลย 

ขออนุญาตมาแลกเปลี่ยนรู้บ่อยๆคะ

ดีครับ เพื่อนอยากไปเรียนกับพี่เขาอะครับไม่รู้จะ

ไปยังไงติดต่อได้อย่างไรอะครับทำไงดี ครับพี่ๆๆท่านไหนรู้รบกวนนิดนะครับ

ขอบคุณครับ

ถ้าลองมองให้ลึกๆแล้วแนวคิดวิถีชีวิตแบบนี้เหมาะกับทุกคนนะครับ  มันไม่ใช่แค่การไปเป็นชาวสวนอยู่อย่างพอเพียง   แต่วิถีชีวิตของพี่โจนเนี่ยหลักๆแล้วน่าจะเป็นการพึ่งตัวเองได้ในเรื่อง ปัจจัย4 ได้แบบมั่นคงที่สุดและใช้เวลาในการหาปัจจัยสี่ให้ตัวเองไม่มาก    จนมีเวลาเหลือมากพอจะทำประโยชน์กับคนอื่นต่อไป  ซึ่งเวลาเพื่อสังคมอันนี้พี่โจนเลือกที่จะเก็บเมล็ดพันธ์พื้นบ้านแท้ ( ถ้าเป็นคนอื่นจะเอาเวลาไปพัฒนาโลกไซเบอร์หรืออะไรก้แล้วแต่ตามความสามารถ)  วิถีชีวิตแบบนี้คนเมืองเอาเป็นแบบอย่างได้ครับ

สุงสุดคืนสู่สามัญ คือประสบการณ์ชีวิตที่สั่งสมให้คนคนหนึ่งรู้ว่าจะต้องมีความสุข ด้วยการดำเนินชีวิตอย่างไร? ที่ไม่ตกอยู่ในอวิชชา ชีวิตมนุษย์ไม่ได้สิ้นสุดบนโลกนี้แต่ยังมีโลกหน้าที่ต้องสั่งสมความดี บุญกุศลเป็นหลักประกันสำหรับความสุขนิรันดรอีกด้วย คนเราดำเนินชีวิตอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น กินอะไรก็จะเป็นอย่างนั้น คิออย่างไรก็จะเป็นอย่างน้ัน จิตผูกมัดอยู่กับสิ่งใดก็จะตายไปกับสิ่งน้ัน ผูกมัดกับสิ่งดีก็จะได้สวรรค์ ผูกมัดกับความชั่วก็ต้องลงนรกอย่างแน่นนอน.......

ความมั่นคงที่เห็นได้อย่างชัดเจนในปัจจัยสี่ หนึ่งในสิ่งที่คุณโจน จันใดได้ปฏิบัติและเตือนสติคนไทยคือ เรื่องอาหาร คนเราต้องกินทุกวัน หากไม่มีอะไรจะกินคุณจะทำอย่างไร?ดังนั้นอาหารจึงถือว่าเป็นความมั่นคงอีกอย่างหนึ่งที่คนไทยต้องภูมิใจและรักษาเกียรตินี้ไว้ตลอดไป ยืนบนลำแข้งและหายใจด้วยจมูกของตนเอง อย่างให้ใครจูงและชี้นำ......

อยากให้เขียนเรื่องของผมบ้างครับ เกี่ยวกับ อ็อกซิเจนกับมนุษย์ ซึ่งเป้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต แต่เรากลับรุ้เรื่องนี้ น้อยมาก

เยี่ยมมากเลยครับคุณโจน จันได เมื่ออ่านประวัติดูแล้วจึงรู้ว่าเป็นคนอีสานบ้านเราที่ยโสธรนี้เองแต่ไปอยู่ที่เชียงใหม่และได้เมียฝรั่งด้วยนี้สิเก่งมากเป็นเกษตรกรกรตัวอย่างของคนไทยเลยครับคุณโจน จันไดครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท