หากถามว่า “ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์” คืออะไร คำตอบที่ได้คงหลายหลายตามการตีความของแต่ละคน และ หากถามต่อว่า “อะไร” ที่ทำให้คุณรู้สึกว่าทำให้ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ลดน้อยลง คำตอบก็คงมีหลากหลายไม่แพ้กัน หรือ อาจไม่ได้คำตอบ เพราะไม่แน่ใจว่า “ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์” คืออะไร
สำหรับเธอ ฟราว ชมิทซ์ ก็ไม่ได้บอกเราตรงๆ แต่พฤติกรรมของเธอผ่านการบอกเล่าของอดีตแฟนหนุ่มที่มีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งในช่วงวัยกระเตาะของเขา ทำให้เราผู้อ่านเข้าใจได้ว่า การอ่านหนังสือไม่เป็น เขียนไม่ได้ เป็นเรื่องโหดร้ายในชีวิตเธอ อันนำมาซึ่งนาฏกรรมที่แสนเศร้า
เรื่องราวของฟราว ชมิทซ์ (ฮันนาห์) และคู่สัมพันธ์หนุ่มน้อยโลดแล่นอยู่ในหนังสือเรื่อง The Reader หลายคนคงเคยอ่านแล้ว เพราะฉบับภาษาไทยนี่ เขาพิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2545 ปีนี้เป็นการพิมพ์ครั้งที่หกแล้ว การพิมพ์ในปีนี้ คงเป็นผลจากการมี The Reader ฉบับภาพยนตร์ โดยเฉพาะเป็นหนังดีที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์เมื่อต้นปีหลายสาขาและหนึ่งในนั้นคือสาขานักแสดงนำหญิง เคท วินส์เล็ต นักแสดงเจ้าบทบาท ก็แซงหน้าผู้เข้าชิงอีกสี่คนเอารางวัลไปครอง
ดังนั้นเมื่อเห็นหนังสือนี้ที่แผง จึงไม่รีรอที่ที่จะเข้าไปหยิบจับ พออ่านคำนิยม ทั้งหน้าในและปกหลัง ก็ตัดสินใจซื้อโดยไม่รีรอ และเมื่อได้อ่าน ก็ทำให้ต้องอ่านแบบรวดเดียวจบ เพราะความดึงดูดใจของเรื่องราว ภาษา และการเล่าเรื่อง เป็นไปตามคำนิยมที่โปรยไว้
หนังสือแบ่งเป็นสามภาค ภาคแรก เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์อันแสนสุขของหนุ่มน้อยกับสาววัยสามสิบกว่า เนื้อเรื่องเหมือนจะติดเรท แต่ด้วยภาษาที่เรียบง่าย และการเรียงร้อยที่สุภาพ ไม่ทำให้รู้สึกดังว่า ประสบการณ์รักแรกของหนุ่มวัยกระเตาะ ได้ฝังลึกในจิตใต้สำนึกของเขา และยังคงหลอกหลอนเขาตลอดมา ภาคสอง เป็นการพิจารณาคดีผู้มีส่วนร่วมในค่ายกักกันนาซี ทำให้เราเห็นโศกนาฎกรรมของคนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ผ่านมุมมองของคนรุ่นใหม่ ภาคนี้ยังเปิดปมว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ ฮันนา มาจากการที่เธอ อ่านหนังสือไม่ออก และ เขียนไม่เป็น! ส่วนภาคสาม เป็นผลพวงของเรื่องราวในสองภาค ทั้งที่เกิดกับ ฮันนาและคู่สัมพันธ์หนุ่ม ไมเคิล เบร์ก
ดังนั้น หนังสือเรื่องนี้ ไม่ใช่จะเป็นเพียงเรื่องราวเกี่ยวกับสัมพันธภาพอันงดงามลึกซึ้งของหนุ่มน้อยกับสาวใหญ่เท่านั้น แต่มีอีกหลายเรื่องราว หลายปมประเด็นที่ซ่อนอยู่
นอกจากตัวเรื่องราวแล้ว ส่วนที่ทำให้อ่านได้แบบรวดเดียวจบ เป็นเพราะการเรียบเรียงเรื่องราวอย่างแยบยล แต่ใช้ภาษาเรียบง่าย ไม่ต้องปีนกระไดอ่าน ถึงแม้ผู้เขียนจะเล่าเรื่องราวกลับไปกลับมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน แต่หาทำให้เราสับสนแต่อย่างใด กลับทำให้เข้าใจภูมิหลังของพฤติกรรมตัวละครได้ดียิ่งขึ้น
และที่ทำให้หนังสือฉบับแปลภาษาไทยน่าอ่านได้ขนาดนี้ คงเป็นเพราะความสามารถของผู้แปลเขาหล่ะ
อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ทำให้รู้สึกว่า ไม่ควรจะมีคำแก้ตัว “ไม่มีเวลา” ต่อการไม่อ่านหนังสือ ด้วยประการทั้งปวง
เป็นหนังสือที่ทั้งหนอน และ ไม่ใช่หนอนหนังสือ ควรหาอ่านเป็นอย่างยิ่ง...
เดอะ รีดเดอร์ The Reader
ผู้เขียน : เบิร์นฮาร์ด ชลิงค์
ผู้แปล : สมชัย วิพิศมากูล
สำนักพิมพ์ : มติชน
สวัสดีค่ะอาจารย์
สวัสดีปีใหม่2553 ครับคุณหมอ
สวัสดีปีใหม่ทั้ง 3 ท่าน คุณ KRUPOM น้องซิลเวีย และครูจ่อย
และผู้ที่มีส่วนสร้างคุณค่านี้ให้เกิดกับเราผู้อ่านออกเขียนได้ ก็คือผู้ที่ทำหน้าที่ "ครู" ดังเช่นที่ครู KRUPOM และ ครูจ่อย ทำอยู่
ดูหนังก็โอเคครับ แต่ผมว่าอ่านจากหนังสือสะเทือนอารมณ์กว่ามากๆ