ท่านพุทธทาสภิกขุ.......เล่าว่า
สมัยเมื่ออาตมาเป็นเด็กเล็กๆ โยมแม่เล่าให้ฟังถึงการตายของตา ตาได้ตายอย่างวัฒนธรรมของพุทธบริษัทตามประเพณีวิถีของพุทธบริษัท ตาเป็นคนแก่อายุมากแล้วแต่ไม่ใช่แก่หง่อม
เมื่อถึงเวลาที่จะตายบอกว่าไม่กินอาหารแล้ว กินแต่น้ำและยา ต่อมาบอกว่า ยาไม่กินแล้ว กินแต่น้ำ พอถึงวันที่ตาย แกนั่งพูดกับลูกหลาน รวมทั้งโยมแม่ด้วยถึงเรื่องที่จะตาย แล้วก็ไล่ให้คนที่ร้องไห้ออกไป คงเหลืออยู่คนเดียวที่กล้า ที่บังคับตนเองได้ ที่ไม่ร้องไห้ พูดตามที่จะพูด ซึ่งก็หลายนาทีอยู่เหมือนกัน แล้วจึงขอนั่ง แล้วขอตาย
นี่วิธีการตายตามธรรมเนียมโบราณของพุทธบริษัทที่ดี เขาทำได้แม้กระทั่งว่าจะตายลงในการหายใจครั้งไหน เป็นการหายใจครั้งสุดท้ายแบบปิดสวิตซ์ไฟฟ้า
ขอขอบคุณ
คอลัมน์กลั่นจากใจ : จดหมายข่าว "สานพลังปฏิรูประบบสุขภาพ" ฉบับเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๒
สวัสดีค่ะอาจารย์
อ่านเรื่องนี้แล้วทำให้นึกว่ามีน้อยคนมากๆที่จะมีสติยอมรับความตายได้อย่างคุณตาของท่านพุทธทาสภิกขุค่ะ
และยังได้ข้อคิดว่าควรฝึกควบคุมสติในทุกเรื่อง
ขอบพระคุณค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ อ. อ้อม และคุณพี่นงนาท ที่แวะมาเยี่ยมเยียน
ระลึกถึง ความตาย สบายนัก
มันหักรัก หักหลง ในสงสาร
บรรเทามืด โมหันต์ ในสันดาน
ทำให้หาญ หายสะดุ้ง ไม่ยุ่งใจ
(ขออภัยที่ไม่ทราบว่าใครแต่งกลอนอันไพเราะบทนี้ ดิฉันลอกเขามาค่ะไม่ได้แต่งเอง)
สวัสดีค่ะ
มาขอความรู้ด้วยคนค่ะ
ขอบคุณมากค่ะคุณณัฐรดา ดิฉันก็ตามไปขอความรู้กลับจาก Blog คุณณัฐรดาเช่นกันค่ะ และค้นพบว่า เป็น Blog ที่สมพงษ์กับรสนิยมของดิฉันมากๆ เลยละค่ะ ต้องคอยติดตามซะแล้ว........... : )
.........................................................................................
ยศและลาภหาบไปไม่ได้แน่ คงเลือแต่ต้นทุนบุญกุศล
ทรัพย์สมบัติทิ้งไว้ให้ปวงชน ร่างของตนเขาก็เอาไปเผาไฟ
เมื่อเจ้ามามีอะไรมาด้วยเจ้า เจ้าจะเอาแต่สุขสนุกไฉน
เมื่อเจ้ามามือเปล่าจะเอาอะไร เจ้าก็ไปมือเปล่าเหมือนเจ้ามา
.........................................................................................
ตายอย่างมีสติอย่างมากครับ
ขอบพระคุณครับ
ขอบคุณมากค่ะ คุณ Phornphon
ขออนุญาต ดูดบันทึกที่เกี่ยวข้องของคุณ Phornphon มาต่อยอดความรู้ไว้ด้วยนะคะ
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ผู้ดับไม่เหลือ
ต้องปฏิบัติ ลำบาก จึงพ้นได้
ถ้ารู้จริง สิ่งเดียว ก็ง่ายดาย
รู้ดับให้ ไม่มีเหลือ เชื่อก็ลอง
อย่าพรั่นพรึง หวาดไหว ให้หม่นหมอง
ระวังให้ ดีดี "นาทีทอง"
คอยจดจ้อง ให้ตรงจุด หลุดได้ทัน
ตั้งสติ ไม่ประมาท เพื่อดับขันธ์
ด้วยจิตว่าง ปล่อยวาง ทุกสิ่งอัน
สารพัน ไม่ยึดครอง เป็นของเรา
จะถึงที่ มุ่งหมาย ได้ง่ายเข้า
สมัครใจ ดับไม่เหลือ; เมื่อไม่เอา
ก็ดับ"เรา" ดับตน ดลนิพพานฯ
พุทธทาสภิกขุ