นางสมศรี พุ่มพงษ์ บ้านเลขที่ 21 หมู่ที่ 1 ตำบลหนองนางนวล อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี ประกอบอาชีพทำนา ตั้งแต่เด็กพ่อแม่ประกอบอาชีพทำนาได้ช่วยพ่อแม่ทำนา สมัยก่อนการทำนาใช้ควายไถนาและการใช้ปักดำไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ใช้แรงงานในการเก็บเกี่ยวไม่มีปัญหาอะไร
ต่อมาแต่งงานแยกเรือนกับพ่อแม่ ก็ยึดอาชีพทำนำเหมือนเดิม การใช้สารเคมีเริ่มมีเกิดขึ้น การใช้ปุ๋ยเคมีก็เช่นกัน ฃเมล็ดพันธุ์ข้าวก็ใช้พันธุ์ กข. ไม่ใช่นาปีแบบเดิม ภาวะการแข่งขันการผลิตเกิดขึ้น การใช้สารเคมี และปุ๋ยเคมีใช้ตามเพื่อนบ้าน ไม่เชื่อคำแนะนำของเจ้าหน้าที่คิดว่า การปลูกข้าวมากต้นมากรวง การหว่านข้าวน้ำตมเริ่มเกิดขึ้น หว่านข้าวใช้เมล็ดพันธ์มาก 4 ถังต่อไร่ ใช้ปุ๋ยเคมีใส่ในระยะแรกเพื่อให้ใบงามเขียวเข้ม พอหนอนกินใบ ก็จะฉีดสารเคมี พอข้าวเหลืองก็ฉีดสารเคมี พอหอยกินก็หว่านยาเคมี ฯลฯ
ฉะนั้น พอใช้สารเคมีมาก ๆ เข้าก็เกิดปัญหา คือ
1. สารเคมีแพงมากขึ้น
2. สุขภาพเริ่มเจ็บป่วย
3. แมลงศัตรูพืชระบาดมากขึ้น ต้องฉีดพ่นสารเคมีบ่อยขึ้น
4. ต้นทุนการผลิตเพิ่มมากขึ้น เป็นหนี้
5. ผลผลิตลดลง
เมื่อเกิดภาวะปัญหาดังกล่าวจึงเปลี่ยนแนวความคิดว่า การทำนาแบบใช้สารเคมีมาก ๆ เราตายแน่เพราะอายุมากขึ้นเริ่มเป็นหนี้สินค้างค่าปัจจัยการผลิตพอเมื่อได้รับคำแนะนำเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร ดูโทรทัศน์บ้าง ฟังข่าวบ้าง ก็เกิดความสนใจโดยเริ่มจาก
1. การลดต้นทุนการผลิต
1.1 ลดการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวลงไป จาก 4 ถังต่อไร่ เหลือ2 ถังครึ่งต่อไร่
1.2 ลดการใช้สารเคมี จนไม่ใช้สารเคมีเลย
2.เริ่มจากเตรียมดิน
2.1โดยการไถหมักตอซัง ทิ้งไว้ 1 เดือน โดยไม่เผาตอซัง
2.2 ผลิตเชื้อราเขียว เพื่อผสมราดเมล็ดข้าวก่อนหว่านป้องกันเชื้อรา
2.3 ใช้ปุ๋ยอินทรีย์หว่านปรับปรุงบำรุงดิน ระยะแรกพร้อมปุ๋ยสูตร 16-20-0 ในนาดินเหนียว
2.4 ไม่ไล่นกปากห่างเพราะมันมากินหอย ทำให้ไม่ต้องใช้สารเคมี
2.5 ฉีดพ่นสารสมุนไพรผสมฮอร์โมนที่หมักเอง
2.6 หากเกิดแมลงมาก ก็จะฉีดสารสมุนไพรเพื่อไล่แมลง
3. กรรมวิธีการปฏิบัติดูแลแปลง
3.1 หากพบข้าววัชพืช ข้าวดีด ข้าวหาง ข้าวแดง ทุกคนในบ้านช่วยกันถอนทิ้งตั้งแต่ข้าวยังเล็กจนถึงข้าวเจริญเติบโต
3.2 หากพบแมลง ก็จะฉีดสารสมุนไพร
3.3 ฉีดพ่นสารเชื้อราเขียว (ไตรโคเดอร์ม่า) เมื่อพบว่าข้าวเป็นเชื้อรา โดยเฉพาะหน้าหนาว
3.4 ตัดหญ้าบริเวณหัวคันนาไม่ให้รก
3.5 หากมีปัญหาแบคทีเรีย ก็จะใช้สารชีวภัณฑ์ช่วย
3.6 ปัจจุบันการหลีกเลี่ยงจากข้าววัชพืชที่ดีที่สุด คือการปักดำ เพราะดูแลง่าย ลดการใช้สารเคมีเพราะดูแลง่ายกว่านาน้ำตม
การผลิตฮอร์โมนใช้เอง
อัตราส่วนที่ผลิต
1.น้ำมะพร้าว 40 กิโลกรัม
2.ลูกตาลสุก 10 กิโลกรัม
3.มะละกอสุก 5 กิโลกรัม
4.ฟักทอง 5 กิโลกรัม
5.กากน้ำตาล 5 กิโลกรัม
6.หัวเชื้อจุลินทรีย์ 5 ลิตร
วิธีทำ
นำน้ำมะพร้าว ใส่ถังพลาสติก นำผลไม้ทุกอย่างตามสูตรมาบดพอหยาบ ๆ ใส่ลงในถังใส่กากน้ำตาล ใส่หัวเชื้อจุลินทรีย์ คนให้เข้ากัน ปิดฝา เก็บในที่ร่ม คนส่วนผสม วันละ 1 ครั้ง หมักไว้
1 เดือน แล้วนำไปใช้ได้
วิธีการใช้
นำน้ำ 200 ลิตร ใส่ถังตักหัวเชื้อที่หมักไว้ 1 ลิตร ผสมสารจับใบนำไปฉีดพ่นบนต้นข้าวได้ 4 ไร่ สารไล่แมลงที่ผลิตใช้เองนี้ คิดได้จากสรรพคุณของสมุนไพรในบ้านและหมู่บ้าน ที่หมอสมุนไพรใช้เป็นยารักษาโรคในหมู่บ้านแล้วนำมาประยุกต์ใช้
สมุนไพรไล่แมลง
ส่วนผสม
- น้ำหรือน้ำมะพร้าว 30 ลิตร
- สาร พด.1 1 ซอง
- เหล้าขาว 3 ขวด
- กากน้ำตาล 3 กิโลกรัม
- น้ำส้มสายชู 5 % 3 ขวด
- หัวเชื้อจุลินทรีย์ 3 ลิตร
สมุนไพรที่ใช้หมัก ประกอบด้วย
1. หัวหนอนตายหยาก1 กิโลกรัม
2. หัวกลอย1 กิโลกรัม
3. บอระเพ็ด 1 กิโลกรัม
4.โล่ติ้น 3 ขีด
5. ข่าแก่ ครึ่งกิโลกรัม
6. หญ้าหนวดแมว 3 ขีด
7. ฟ้าทะลายโจร 3 ขีด
8.ทองพันชั่ง 3 ขีด
9. ใบมะกา 3 ขีด
10.ตะไคร้หอม 3 ขีด
11.ใบน้อยหน่า 3 ขีด
12.สาบแล้ง-สาบกา3 ขีด
13.ใบสาบเสือ 3 ขีด
14.มะกล่ำ(ต้น,ราก ,ใน,เมล็ด) 3 ขีด
15.หัวอุตตพิษ 3 ขีด
16.เม็ดสะเดา 1 กิโลกรัม
17.เปลือกซาก (บด) 3 ขีด
18.เปลือกกรวย 3 ขีด
19.เปลือกยูคาลิปตัส 3 ขีด
20.กระเพรา 3 ขีด
วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ในถังพลาสติก ใช้ไม้คนให้เข้ากัน ตั้งถังในที่ร่ม ปิดฝาให้สนิทใน 1 สัปดาห์แรกต้องคนทุกวันหลังจากนั้น คนอาทิตย์ละ 2 ครั้ง หมักไว้ 30 วัน นำไปฉีดพ่นเป็นสารไล่แมลง
อัตราส่วนที่ใช้
นำน้ำสมุนไพร 1 ลิตร ผสมน้ำ 200 ลิตร และสารจับใบ ฉีดพ่นในแปลงนาข้าวทุก 15 วันยิ่งดีการหลีกเลี่ยงจาก การที่มีข้าววัชพืช ข้าวดีด ข้าวเด้งการปักดำนา เป็นทางเลือกของเกษตรกร ที่มีปัญหาของวัชพืชข้าว ที่ไม่ต้องใช้สารเคมีป้องกันกำจัด
ข้อมูลจาก
เกษตรกรต้นแบบครูติดแผ่นดินข้าว
คุณ สมศักดิ์ ยิ้มพักตร์
โทร 0898597532
ไม่มีความเห็น