ผู้เล่า คุณพรพิสมัย(บัวชมพู) นักกายภาพบำบัด
แก่นของเรื่อง การติดตามดูแลผู้ป่วยอัมพาต ทำให้พบผู้ป่วยซ่อนเร้นในบ้าน ซึ่งทีมไม้เลื้อยได้ช่วยดูแล ประสานการรักษาอย่างทันท่วงที และไม่ย่อท้อ จนผู้ป่วยหายดี
เนื้อเรื่อง
ทีมไม้เลื้อยได้มีโอกาสไปเยี่ยมคุณยายสี(นามสมมุติ) อายุ 70+ ปี ผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีกซ้าย ยายป่วยมานานกว่า 5 ปี ที่ผ่านมาคุณยายอาศัยอยู่บนบ้านอย่างเดียว เพราะสภาพบ้านคุณยายเป็นลักษณะยกสูงชั้นเดียว ที่ต้องอยู่บนบ้านตลอดก็เพราะ ไม่มีใครสามารถพาคุณยายลงมาจากบนบ้านได้ เพราะสภาพบ้านยกสูง และบันไดทางขึ้นก็สูงและชันมากทีเดียว ส่วนผู้ดูแลก็คือสามีคุณยายที่อายุก็ไล่เลี่ยกัน มีปัญหาเจ็บออดๆแอดๆ ตามวัย
ทีมได้ไปช่วยเหลือดูแลคุณยายเป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปรับสภาพบ้าน ให้คุณยายสามารถขับถ่ายบนบ้านโดยไม่ลำบาก คือให้ต่อท่อ PVC ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางกว้างพอสมควร ผู้เขียนก็ไม่แม่นเรื่องความยาวนี้มากนัก แต่ก็ประมาณว่าใหญ่กว่ารูทวาร ต่อจากบนบ้านลงมาถึงไต้ถุนบ้านและก็ต่อลงท่อเดียวกันกับโถส้วมเลย
วันหนึ่งในการออกเยี่ยมบ้านปกติ ทีม อ.ส.ม.ชุมชนได้แจ้งว่าให้ไปเยี่ยมบ้านยายสีให้หน่อยเพราะลูกชายยายมาอยู่ที่บ้านและก็นอนซมอย่างเดียว
ทีมไม่รอช้ารีบไปที่บ้านยาย และก็พบคุณนคร(นามสมมุติ)ชายไทยอายุประมาณ 35ปี ตอนที่ทีมไปเจอคุณนคร สภาพเหมือนกับคนใกล้ตาย ไม่กระดุกกระดิก จนทีมเข้าไปทักทายและสอบถามอาการ เขาบอกว่าเขาเหนื่อย เพลีย ปวดหลัง ปวดขาไปหมด
ทีมจึงเก็บเสมหะ เลือดคุณนครไปตรวจ และพบว่าป่วยเป็น วัณโรคปอด และดูเหมือนจะลามไปที่กระดูก เพราะมีอาการปวดหลัง พอนักกายภาพตรวจกำลังกล้ามเนื้อขาก็พบว่าอ่อนกำลังลงจริง ทีมไม่รอช้าประสานกับเจ้าหน้าที่สถานีอนามัย และโรงพยาบาลให้เริ่มรักษาทางยาทันที
สัปดาห์ต่อมาเราก็ไปเยี่ยมยายสี กับคุณนครอีกแต่จะโฟกัสไปที่คุณนครมากกว่าเพราะทีมถือว่าฉุกเฉินกว่า แต่คุณนครไม่ได้นอนอยูใต้ถุนบ้านเหมือนเดิม จากการสอบถามเพื่อนบ้าน ได้ความว่า แต่ก่อนคุณนครไม่ค่อยชอบอยู่บ้านจะชอบไปอยู่ที่วัด และมีความสนิทสนมกับพระอาจารย์ที่วัดซึ่งอยู่ห่างจากบ้านคุณนครไม่ไกลนัก
ทีมงานไม่ละเว้นที่จะตามไป เพื่อติดตามการกินยาของเขา พอไปสอบถามจากพระอาจารย์ ได้ความว่าที่เขาชอบมาที่วัด เพราะว่ามีอาหาร ข้าวปลาให้กินอย่างเต็มอิ่ม ที่ว่าอย่างนั้นเพราะความสัมพันธ์ในบ้านคุณนครไม่ค่อยดีนัก
ประวัติครอบครัวคือ คุณตากับคุณยายหรือพ่อกับแม่คุณนครในปัจจุบัน แต่งงานกันแล้วไม่มีบุตร จึงขอเด็กมาเลี้ยงดูอนุเคราะห์ 2 คน คือคุณนคร และน้องสาวอีกคน แต่ก็ไม่ได้ให้ความรักความอบอุ่นอย่างเต็มที่ ส่วนน้องสาวก็แต่งงานแล้วมีปัญหากับครอบครัวหย่าร้างกับสามี ทุกคนในบ้านจึงดูเหมือนไม่ให้ความสำคัญแก่กันเท่าใดนัก
หลังจากนั้น เราเอายาไปให้ แต่ก็น่าแปลกด้วยฤทธิ์ของยาหรือเกิดจากตัวโรคก็ไม่ทราบได้ แต่อย่างใดก็แล้วแต่ ช่วงแรก จากที่ไปทำงาน ตัดฝืน ตัดไม้ เผาถ่านได้ คุณนครกลับอาการแย่ลง กลับมานอนซมใต้ถุนบ้านอย่างเดียว ทีมจึงกำชับให้คุณนครกินยาให้ครบที่กำหนด คุณนครรับคำว่าจะกินให้ครบ
จนสัปดาห์ต่อมา อาการคุณนครหนักยิ่งกว่าเดิมเพราะ ไม่ได้กินยา ตอนแรกหมอเอายาไปให้คุณนคร เขาเอาไว้ที่หัวที่นอน ใต้ถุนบ้านที่เขานอนอยู่ แต่พอถาม และช่วยกันค้นหาถุงยา กลับไม่เจอซะแล้ว คุณนครบอกว่าสงสัยแมวคาบไป ทุกท่านทราบไหมค่ะว่า แมวตัวนั้นคือพ่อของเขานั้นเอง เหตุผลที่ทำอย่างนั้นเพราะว่า พอคุณนครกินยา จากผลข้างเคียงของยาทำให้มีอาการอ่อนเพลียทำงานไม่ได้ เหมือนเดิม พ่อจึงเอายาไปทิ้ง
พอได้ปัญหาใหม่จึงมาหาแนวทางแก้ไขว่าทีมจะทำอย่างไรดีเพื่อให้ผู้ป่วยได้กินยาครบและต่อเนื่อง คิดไป คิดมา พี่เล็กเจ้าหน้าที่ สถานีอนามัยบอกว่า กุญแจสำคัญคือพระอาจารย์ที่วัด เพราะปัจจุบันตัวพระอาจารย์เองก็เป็นวัณโรคปอด ขณะนี้กินยาใกล้ครบกำหนดแล้ว และคุณนครก็ช่วยเหลือที่วัดและสนิทสนมกับพระอาจารย์พอสมควร
สรุปว่าคำตอบนี้สามารถตอบโจทย์ที่ตั้งขึ้นได้ พระอาจารย์รับปากที่จะช่วยเหลือคุณนครอย่างเต็มใจ หลักจากนั้น พระอาจารย์กำกับดูแลเรื่องการกินยาและเช็คสมุดการกินยาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทั้งดูแลในเรื่องอาหารการกิน ที่อยู่ ที่หลับที่นอน และอยู่ที่วัดก็ได้ทำงานเล็กๆน้อยๆได้ออกกำลังกายไปในตัว
อาการของคุณนครดีขึ้นเป็นลำดับ วันนี้ทีมไปเยี่ยมคุณนครที่วัด หน้าตาเขาดูแจ่มใสขึ้นมากพระอาจารย์บอกว่านครอยากไปทำงานหาเงิน เพราะรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงดีแล้ว ทีมงานทุกคนมองหน้ากันและคงติดเหมือนกันว่านี้คือสันชัยที่เราต้องการให้ผู้ป่วยมาถึง ไม่ว่าจะมีอุปสรรคเพียงใด แต่ด้วยความตั้งใจและช่วยเหลือกันทุกฝ่าย ความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นเสมอ
สำหรับคุณยายสี ทีมให้แนวทางการแก้ไขคือ ต้องประคับประคองอาการไปเรื่อยๆ ช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ ไม่ให้อาการคุณยายทรุดลง คุณตาซึ่งเป็นผู้ดูแลและเป็นสามีก็อาจจะเจ็บป่วยตามมาในอนาคตได้ ในทางกลับกัน ถ้าคุณตาอาการทรุดหรือป่วยขึ้นมา คุณยายซึ่งเป็นอัมพาตครึ่งซีกอยู่แล้ว ก็คงจะลำบากและอาการทรุดลงแน่นอน เพราะฉะนั้นต้องกระตุ้นให้ตากับยายดูแลสุขภาพดีๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ ร่วมกับการออกกำลังกายเป็นประจำ
การดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวมถือว่าเป็นสิ่งที่ยากและท้าทาย แต่ถ้าแก้ปัญหาได้ หมายถึงเราได้ฟื้นชีวิตให้เขาเลยทีเดียว
ผู้บันทึก คุณพรพิสมัย พินิจมนตรี(บัวชมพู) นักกายภาพบำบัด วันที่ 30 ต.ค. 2552
ขอบคุณ เรื่องราวดี ที่กุฉิณารายณ์ สามารถเป็นแรงผลักดันให้ผม ทำงานชุมชนต่อไปได้
อ่านแล้วรู้สึกเศร้าใจจังเลยค่ะ
ทำให้คิดได้ว่า...แม้รอบๆ ตัวเราจะถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกดำคลึ้ม
แต่เมื่อเรากล้าตัดสินใจที่จะเดินผ่านม่านหมอกนั้นไปได้
เราก็จะพบกับแสงสว่างที่รอเราอยู่หลังม่านหมอกนั้น...
ก็คงเหมือนกับทีมไม้เลื้อย...ที่พบว่ามีอุปสรรคมากมาย...
แต่ทีมก็ตัดสินใจที่จะก้าวผ่านม่านหมอกนั้นมา...จนทำให้ทีมมีกำลังใจที่ได้ช่วยคนไข้ได้
และช่วยให้คนไข้ได้มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
สวัสดีครับเอก
ขอต้อนรับเข้าสู่วงการนะครับ
มีเรื่องราวของตัวเองที่อยากจะเล่าให้ฟังจังเลย แต่ไม่กล้ากลัวจะเศร้าจนนำตาท่วมจอ
เป็นกำลังใจให้ทีมงานไม้เลื่อยทุกคนนะค่ะ
ตอนนี้ทาง ทีมไม้เลื้อยได้มีเว็บไซต์ขึ้นมาเป็นของตัวเองแล้วครับ คือ http://202.170.115.181/mailuey/index.html ถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงหรือจดทะเบียนชื่อเว็บขึ้นเป็นทางการจะแจ้งให้ทราบอีกทีนะครับ (ตอนนี้กำลังรวบรวม ผู้สนับสนุน กับ งบประมาณดำเนินการอยู่นะครับ ^^)