3. ความสำคัญของกฎหมายต่อสังคมและบุคคล
เมื่อมนุษย์อยู่รวมกันมากๆ
ผลประโยชน์มักขัดกันหรือมีการกระทบกระทั่งจากการที่ต่างคนต่างใช้สิทธิ
ดังนั้นเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุกในกลุ่มสังคมนั้นๆ
จึงจำเป็นต้องมีระเบียบปฏิบัติในกลุ่มของตน
ซึ่งระเบียบดังกล่าวนี้เรียกว่ากฎหมาย
กฎหมายจึงเป็นสิ่งจำเป็นของการอยู่รวมกันเป็นสังคมของมนุษย์เพื่อใช้ในการแก้ปัญหา
ขจัดความขัดแย้งต่างๆ
ที่เกิดขึ้นระหว่างประชาชนด้วยกันหรือระหว่างรัฐกับประชาชน
หรือระหว่างรัฐต่อรัฐ
โยมีเจตนารมณ์เพื่อช่วยให้เกิดความสงบเรียบร้อยของสังคม
จากการศึกษาประวัติศาสตร์พบว่า
แม้ในสังคมโบราณซึ่งมีรูปแบบการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายก็จำเป็นต้องมีระบบกฎเกณฑ์ข้อบังคับไว้สำหรับจัดระเบียบในการอยู่ร่วมกันของสมาชิกในสังคม
ไม่มีสังคมใดเลยที่ปล่อยให้สมาชิกประพฤติตนอย่างไรก็ได้ตามใจชอบโดยปราศจากกฎเกณฑ์ไว้ควบคุมความประพฤติบางประการที่ไม่เหมาะสมซึ่งเป็นผลร้ายต่อสังคมส่วนรวม
ดังนั้นทำให้สรุปได้ว่ากฎหมายมีความสำคัญต่อสังคมเป็นอย่างยิ่งดังมีคำกล่าวไว้ว่า
“ที่ใดมีสังคม ที่นั่นต้องมีกฎหมาย”
ความสำคัญของกฎหมายต่อสังคม
1. กฎหมายเป็นเครื่องมือในการบริหารประเทศ
ในการปกครองประเทศที่ผู้ใช้อำนาจในการบริหาร คือ
รัฐบาลซึ่งจะบริหารปกครองประเทศให้เป็นไปด้วยความราบรื่นนั้น
จะต้องอาศัยกฎหมายเป็นหลักให้ประชาชนประพฤติปฏิบัติตาม
ถ้าประชาชนของประเทศเข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ก็ย่อมทำให้การบริหารประเทศเป็นไปด้วยดี
และส่งผลให้การพัฒนาประเทศเป็นไปด้วยดี
และส่งผลให้การพัฒนาประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว เช่น
ประชาชนรู้จักหน้าที่ของตน ก็จะไปเสียภาษีตรงตามกำหนดเวลา
รับราชการทหารตามที่กฎหมายบัญญัติไว้
ตลอดจนช่วยป้องกันประเทศและช่วยเหลือราชการ เป็นต้น
2.
กฎหมายเป็นเครื่องมือในการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมและประเทศชาติ
เมื่อคนจำนวนมากมาอยู่รวมกัน
ถ้าคนเหล่านี้ทำอะไรตามใจชอบก็ย่อมจะทำให้สังคมวุ่นวาย
แต่เมื่อมีกฎหมายเป็นข้อบังคับของสังคมและประเทศชาติ
ทุกคนต้องปฏิบัติตามก็ย่อมทำให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความสงบสุข
เช่น เมื่อทุกคนรู้จักสิทธิในชีวิต
ร่างกายและทรัพย์สินของตนเอง
ก็จะไม่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น เป็นต้น
3. กฎหมายก่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม
กฎหมายเป็นกฎเกณฑ์สำคัญที่เป็นหลักของความยุติธรรม
ในกรณีที่เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้นทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
ผู้ที่ได้รับความเสียหายก็ย่อมได้รับการชดใช้ค่าเสียหายอย่างยุติธรรม
ตามบทบัญญัติของกฎหมายเมื่อมีการฟ้องร้องคดีกันต่อศาล
ศาลก็จะตัดสินโดยยึดตัวบทกฎหมายเป็นหลัก
4.
กฎหมายเป็นหลักในการจัดระเบียบการดำเนินชีวิตให้แก่ประชาชน
ทำให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยและอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขในสังคม
เช่น การกำหนดให้บุคคลดำเนินการตั้งแต่การแจ้งเกิด
การแจ้งตาย
การแจ้งการย้ายถิ่นที่อยู่ตามกฎหมายทะเบียนราษฎร
หรือการทำบัตรประจำตัวประชาชน เป็นต้น
5. กฎหมายเป็นหลักสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์
มีกฎหมายหลายฉบับที่กำหนดให้บุคคลต้องปฏิบัติในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพของตนเองและสิ่งแวดล้อม
เช่น
กฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาที่กำหนดให้รัฐจัดการศึกษาให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
หรือกฎหมายที่กำหนดให้ประชาชนมีหน้าที่ต้องช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป็นต้น
ความสำคัญของกฎหมายต่อบุคคล
1. กฎหมายช่วยกำหนดสิทธิหน้าที่แต่ละบุคคลอย่างเหมาะสม เพื่อจะได้ไม่ใช้สิทธิที่ตนมีอยู่เกินขอบเขต อันจะเกิดการเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน อีกทั้งก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่บุคคลอื่น กฎหมายจะเป็นเครื่องกำกับดูแลให้ทุกคนอยู่ในกรอบระเบียบอันดีของสังคม
2. กฎหมายมีส่วนเกี่ยวพันกับชีวิตของบุคคลทุกคนในสังคมตามสถานะและโอกาส จะเห็นได้ว่าการดำเนินชีวิตประจำวัน การประกอบสัมมาอาชีพทุกแขนงย่อมต้องเกี่ยวข้องกับกฎหมาย ด้วยเหตุนี้การรู้กฎหมายจึงช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการประกอบอาชีพของบุคคล
3. การศึกษาหรือเรียนรู้กฎหมายช่วยเสริมสร้างให้บุคคลเกิดสำนึกในความยุติธรรม เมื่อบุคคลได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองถูกต้องและครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดและใช้สิทธิที่มีอยู่ในขอบเขตของกฎหมายซึ่งนอกจากช่วยให้บุคคลได้รับประโยชน์โดยตรงแล้วยังช่วย
ส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าต่อประเทศชาติสามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
กล่าวได้ว่าการที่รัฐหรือประเทศมีบทบัญญัติกฎหมายออกมาแล้วประชาชนทุกคนปฏิบัติตามโดยเคร่งครัดแล้ว ย่อมส่งผลดีต่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข และเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติให้ก้าวหน้าไปอย่างมั่นคง
4. ผลกระทบที่เกิดจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
เนื่องจากกฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ข้อบังคับสำหรับใช้ควบคุมความประพฤติของบุคคลในสังคม เพื่อให้เกิดความสงบสุขและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการอยู่ร่วมกัน ทุกคนจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หากปรากฏว่ามีใครคนใดคนหนึ่งหรือหลายคนฝ่าฝืนกฎหมาย ความไม่สงบเรียบร้อยย่อมเกิดขึ้นและมีผลกระทบต่อบุคคลและสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งอาจแยกกล่าวเป็นแต่ละด้านได้ ดังนี้
ผลกระทบต่อบุคคล ขอให้นักเรียนดูตัวอย่างง่ายๆ จากข้อปฏิบัติที่กฎหมายกำหนดไว้ดังต่อไปนี้
- เมื่อเด็กเกิดในบ้าน เจ้าบ้านต้องแจ้งเกิดเพื่อขอออกสูติบัตร การไม่แจ้งเกิดภายในกำหนดเวลา 15 วัน บุคคลย่อมได้รับโทษปรับตามที่กฎหมายกำหนด
- เมื่อบุคคลมีอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ ต้องขอมีบัตรประจำตัวประชาชน โทษของการไม่ขอมีบัตรประจำตัวประชานภายใน 60 วันนับจากวันที่มีอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ บุคคลนั้นต้องเสียค่าปรับ
- เมื่ออายุ 17 ปีบริบูรณ์ หากเป็นชายที่มีสัญชาติไทยก็ต้องไปแสดงตนเพื่อลงบัญชีทหารกองเกินและต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารกองประจำการเมื่ออายุ 21 ปี โทษของผู้ฝ่าฝืนคือต้องถูกจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ
- เมื่อชายหญิงสมัครใจอยู่กินร่วมกันฉันสามีภรรยาก็ต้องจดทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมาย ผลของการไม่จดทะเบียนสมนสคือจะไม่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ทางด้านทรัพย์สิน สิทธิหน้าที่ระหว่างสามี ภริยา
- เมื่อบุคคลจะประกอบธุรกิจร่วมกันก็ต้องไปจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท การไม่จดทะเบียนย่อมไม่สามารถมีและใช้สิทธิในการประกอบธุรกิจตามกฎหมายได้
- เมื่อบุคคลมีรายได้ก็ต้องมีหน้าที่ต่อรัฐคือเสียภาษีอากร ถ้าหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรย่อมได้รับโทษปรับ
- เมื่อบุคคลตายในบ้าน เจ้าบ้านหรือผู้พบเห็นก็ต้องไปแจ้งทางอำเภอหรือเขตเพื่อขอออกใบมรณบัตร ถ้าไม่แจ้งภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด มีโทษปรับตามที่กฎหมายกำหนด
จากตัวอย่างที่ยกมา นักเรียนคงทราบดีว่าถ้าบุคคลละเลยไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด เช่น บุคคลผู้มีรายได้หลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ย่อมได้รับโทษปรับตามที่กฎหมายกำหนด
ผลกระทบต่อสังคม
นักเรียนคงทราบดีว่าเมื่อเราอยู่โรงเรียนก็มีข้อบังคับระเบียบวินัยของโรงเรียนกำหนดไว้สำหรับบังคับแก่นักเรียนที่อยู่โรงเรียน ในระดับสังคมหรือระดับประเทศก็ต้องมีกฎหมายกำหนดเอาไว้สำหรับห้ามปรามมิให้มีการกระทำผิดหรือฝ่าฝืนกฎหมาย เพราะผลกระทบต่อสังคมนั้นมีมากมาย อาทิ
- การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับชุมชนก่อให้เกิดแหล่งเสื่อมโทรมและเกิดปัญหาต่อเนื่อง ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาเด็กทำทารุณกรรม
- การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการรักษาความสะอาดก่อให้เกิดมลภาวะจากขยะหรือสิ่งปฏิกูล
- การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ทางน้ำ ก่อให้เกิดอุบัติเหตุทั้งทางน้ำและทางบก ทำความเสียหายต่อเศรษฐกิจของรัฐอย่างมากมาย
- การไม่ปฏิบัติตนตามกฎหมายอาญา เช่น การยกพวกไปทำร้ายร่างกายหรือก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันทำให้สังคมไม่มีความปลอดภัย
การฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ
เลยต่อผู้ฝ่าฝืน
ตรงกันข้ามมีแต่จะเกิดเป็นผลเสียหายหรือเป็นโทษแก่ผู้กระทำและมีผลกระทบถึงสังคมคือสังคมขาดความสงบเกิดความไม่ปลอดภัยในการดำเนินชีวิต
การพัฒนาประเทศเป็นไปได้อย่างล่าช้า
5. บทสรุป
กฎหมายเป็นกติกาของสังคมที่จะทำให้สังคมมีระเบียบสงบสุข แต่ถ้าหากว่าสมาชิกของสังคมฝ่าฝืนกฎหมายหรือกติกาของสังคมก็จะทำให้สังคมนั้นเดือดร้อน สับสนวุ่นวาย และที่สำคัญสมาชิกของสังคมจำเป็นที่จะต้องรู้กฎหมาย เพราะจะได้รู้จักระวังตนเองไม่ให้พลาดพลั้งกระทำผิดอันเนื่องมาจากไม่รู้กฎหมาย ถ้าทำผิดแล้วต้องรับผิดตามกฎหมายจะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ และยังช่วยป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเอาเปรียบและถูกโกงโดยความไม่รู้กฎหมายและยังเป็นประโยชน์ในการประกอบอาชีพและประโยชน์ในทางการเมืองการปกครอง
บรรณานุกรม
ปกรณ์ มณีปกรณ์,พันตำรวจโท. (2550).
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป กรุงเทพฯ
ห้างหุ้นส่วนจำกัดเวิลด์เทรด ประเทศไทย.
พรพิมล บุญนิมิต. (2541). การสร้างชุดการสอนเรื่อง กฎหมายแพ่งสำหรับเยาวชน ในรายวิชา
ส 043 กฎหมายน่ารู้ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดราชาธิวาส
กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (หลักสูตรและการสอน)
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2544). พจนานุกรมศัพท์กฎหมายไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพ:
ห้างหุ้นส่วนจำกัดอรุณการพิมพ์.
สุโขทัยธรรมาธิราช,มหาวิทยาลัย. (2539). เอกสารการสอนชุดวิชาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ
กฎหมายทั่วไปหน่วยที่ 1-8. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
หยุด แสงอุทัย. (2535). ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป. กรุงเทพฯ: ประกายพฤกษ์
http://www.bp-smakom.org/BP_School/Social/Law1/Law-General.htm
(วันที่ 18 มิถุนายน 2551).
http://www.pslc.coj.go.th/PSLC%202/SourceLaw.htm (วันที่ 18 มิถุนายน 2551).
ไม่มีความเห็น