เป๋นคำถามตี่ตอบยากแต้ ๆ ครับ
แล้วปี่ตอบไปว่าจะใด...ไข้หู้แต้
น่าเห็นใจ
คนดูแลผู้ป่วย
บางครั้งการเยียวยา
ผู้ดูแลผู้ป่วย
ที่ทำงานหนัก
ทำงานมานาน
ก็ท้อได้ครับ
การเยียวยา
จะเน้นให้เห็นถึง
การเข้าใจธรรม
การมองหาสิ่งดี
การปล่อยวาง
การชื่นชมสิ่งดี
หากเป็นแนวนี้ การสังหาร อย่างหวังว่าเมตตา
คงไม่มีครับ
เท่าที่อ่านผู้ป่วยช่วงหลังไม่รู้ตัวแล้ว แต่สิ่งที่ผู้ดูแลสะท้อนมีนัยยะที่ต้องตีความ
"คนไข้ทรมานอย่างไร?"
"ผู้ดูแลทุกข์และเหนื่อยขนาดไหน?"
ส่วนตัวผมคิดว่า คงต้องหันมาดูแลความรู้สึกของ care giver เพิ่มเติม...รวมทั้ง explore ความสัมพันธ์ในอดีต รวมถึงถ้า burden มากอาจต้องหาวิธีช่วยเหลือในรูปแบบอื่น ๆ ตามปัญหาของครอบครัวนี้และตามศักยภาพของทีมเรา+ชุมชนนี้ครับ
เป็นคำถามที่ตอบยากจริงๆค่ะ ก็อยากรู้คำตอบเหมือนกัน เท่าที่เคยดูแลคนไข้มา ยังไม่เคยเจอคำถามแบบนี้เลยค่ะ
ส่วนหนึ่งก็น่าเห็นใจครับ แต่เมื่อคิดตามที่คุณตอบไว้ ก็ใช่ครับ ควรให้เขาชดใช้ตามวาระอันควร เราเองที่เป็นผู้ดูแลก็ต้องชดใช้ (ถ้าคิดแบบจริยะ) เขาต้องจากไปแน่นอนครับเมื่อถึงวาระที่ต้องจาก ผู้ดูแลควรหาเทปธรรมะ หรือ อ่านหนังสือที่ฟังแล้วสบายใจ ปลดปล่อยความผูกพันต่าง ๆ ออกไปก็คงจะทำให้สบายใจและจากไปโดยสงบ ครับ (ผมเชื่ออย่างนั้น)
สวัสดีค่ะน้องไพลิน
ทุกๆวันช่วงนี้ ถ้ามีโอกาสพี่ก็พยายมลองแลกเปลี่ยนกับผู้รับบริการกัน ว่า ชีวิตคนเราทุกคนต้องได้พบ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
ช่สงเรามีชีวิตอยู่ ควรทำตัวให้เป็นประโชยน์ อย่างไร
ขอบคุณน้อง ไพลินที่บันทึกเรื่องเลาดีๆๆๆพี่ก้ไองค์ความรู้เรื่องEnd of Life จากบันทึกของน้องค่ะ
-จากวันนั้นมา ตั้งแต่ปลายปี 2552 ...จนถึงวันนี้...
-เมื่อประมาณ 3 สัปดาห์ก่อน...คุณลุง...น้องชายของผู้ป่วยโทรมา บอกว่าผู้ป่วยเสียชีวิตแล้วที่บ้าน และขอบคุณที่ได้ร่วมดูแลผู้ป่วยด้วยกันมา...
-เราก็อยากบอกคุณลุงไปว่า "ขอบคุณ คุณลุงและครอบครัว รวมทั้งทุกท่านที่มีส่วนร่วมดูแลผู้ป่วย...ขอบคุณ ผู้ป่วยที่เป็นครู และให้โอกาสพวกเราได้ทำความดี...ขอบคุณจริงๆค่ะ...
-ขอให้ดวงวิญญาณของคุณยายจงไปสู่สุคติภูมิด้วยเทอญ...