การทำน้ำตาลมะพร้าว เป็นอาชีพที่เกิดจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษในพื้นที่เมืองแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นชนกลุ่มหนึ่งที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานใกล้ปากอ่าวบริเวณลุ่มแม่น้ำ
แม่กลอง เมื่อประมาณกว่า 200 ปีมาแล้ว เมืองแม่กลองเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกมะพร้าวมากและมีการทำน้ำตาลมะพร้าวในบริเวณเขตพื้นที่ที่เรียกว่า บางนางจีน และบางขันแตก ปัจจุบันคือ ตำบลท้ายหาด และตำบลบางขันแตก ทั้งสองพื้นที่เป็นที่อยู่ของกลุ่มชนชาวจีน กลุ่มชนชาวมอญ กลุ่มชนชาวมุสลิม และกลุ่มคนไทยที่มาตั้งหลักแหล่งและทำมาหากินแต่ดั้งเดิม
เมื่อได้ศึกษาถึงประวัติ แหล่งที่อยู่ และการประกอบอาชีพแล้วสันนิษฐานได้ว่า การทำน้ำตาลมะพร้าวน่าจะเป็นภูมิปัญญาของชาวไทยเชื้อสายมอญ ที่มาตั้งรกรากอยู่ในบริเวณเขตพื้นที่ทั้งสอง ก่อนที่ความรู้เรื่องการทำน้ำตาลมะพร้าวจะแพร่ขยายออกไปสู่ชาวไทยเชื้อสายอื่น
และจากการศึกษาเชิงสืบค้นของผู้เขียน ซึ่งได้ข้อมูลจากบุคคลในท้องถิ่นที่มีอายุยืนยาวกว่า 85 ปี หลายท่าน ได้ข้อสรุปตรงกันว่า บรรพบุรุษไทยในอดีตรู้จักธรรมชาติของต้นมะพร้าวเป็นอย่างดี จึงปลูกมะพร้าวกันมากในเขตพื้นที่ดังกล่าว
จุดประสงค์ของการปลูกมะพร้าว มี 2 ประการ คือ
1. เพื่อเก็บผล โดยเอาเนื้อและน้ำในลูกมะพร้าวไปประกอบอาหารหวานคาวและทำน้ำมันมะพร้าว เพื่อใช้เป็นน้ำมันตะเกียง สำหรับจุดตะเกียงไส้แช่น้ำมันมะพร้าวที่ประดิษฐ์ขึ้นใช้เอง เพื่อให้แสงสว่างในยามค่ำคืน
2. เพื่อเก็บน้ำหวาน ที่เรียกว่า น้ำตาลใส โดยนำไปทำน้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลสด
น้ำส้มสายชู น้ำตาลเมา และเหล้าที่ใช้ผสมยาสมุนไพร น้ำตาลเมานี้มักใช้ดื่มในงานสังสรรค์และงานรื่นเริงต่าง ๆ
จังหวัดสมุทรสงครามหรือเมืองแม่กลองในอดีต เป็นพื้นที่ที่ติดกับชายทะเล ดังนั้นพื้นดินจึงกระทบกับน้ำ 3 สภาพ คือ น้ำเค็ม น้ำกร่อย และน้ำจืด ลักษณะดินเป็นดินเลนเก่าบริเวณที่อยู่เหนือปากอ่าว น้ำไม่ท่วมขังจึงเหมาะแก่การทำการเกษตรอย่างยิ่ง กลุ่มคนที่อยู่ในพื้นที่แห่งนี้ จึงปลูกมะพร้าวและพืชผักผลไม้นานาชนิด โดยเฉพาะมะพร้าวซึ่งเป็นพืชที่เหมาะกับสภาพดินเลนชายทะเลยิ่งนัก ดังจะเห็นได้จากพื้นที่อำเภอเมืองซึ่งอยู่ใกล้ทะเลที่สุด จะอุดมไปด้วยมะพร้าวทั้งเก็บผลและเก็บน้ำหวาน ส่วนพื้นที่อำเภออัมพวา ซึ่งอยู่ในช่วงกลางของแม่น้ำแม่กลองจะอุดมไปด้วยผลไม้หลากหลายชนิด และพื้นที่อำเภอบางคนที ซึ่งเป็นบริเวณช่วงปลายที่อยู่ใกล้กับจังหวัดราชบุรี กระทบเพียงน้ำจืดเท่านั้นจึงสามารถปลูกผักได้แทบทุกชนิด แต่ทุกพื้นที่ล้วนปลูกมะพร้าวไว้ตามคันดินรอบสวน ตรงกลางสวนจะยกเป็นร่องสวนสำหรับปลูกพืชผักผลไม้ ระหว่างร่องสวนเรียกว่า ท้องร่อง หรือเว้นที่ว่างไว้สำหรับปลูกข้าว ซึ่งชาวสวนเรียกว่า ข้าวนาสวน เก็บไว้รับประทานเอง โดยในสมัยก่อนจะมีประเพณีการเกี่ยวข้าวชนิดนี้ด้วย แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่ปัจจุบันน้อยคนนักจะรู้จักข้าวนาสวน พันธุ์ข้าวแก้วจากเมืองอยุธยา
ช่วงประมาณ พ.ศ. 2400 – 2500 ชาวสวนในพื้นที่ตำบลท้ายหาดและตำบลบางขันแตก ได้พัฒนาสวนมาเป็นสวนมะพร้าวสำหรับเก็บน้ำหวานหรือที่เรียกว่า สวนมะพร้าวน้ำตาล โดยมรการยกร่องปลูกมะพร้าวพันธุ์เก็บน้ำหวานเพื่อนำมาทำน้ำตาลข้นแห้งมากขึ้น มีการคัดเลือกพันธุ์มะพร้าวและปรับเปลี่ยนพันธุ์ พร้อมทั้งขยายพื้นที่สวนมะพร้าวน้ำตาลทั้งสองพื้นที่ดังกล่าวมากขึ้นทุกครัวเรือนระหว่าง พ.ศ. 2480 – 2500 ซึ่งสามารถผลิตน้ำตาลรวมกันได้วันละประมาณ 8,000 ปีบ ช่วงเวลาดังกล่าวนี้ เป็นช่วงที่ชาวสวนน้ำตาลมะพร้าว ผลิตน้ำตาลมะพร้าวด้วยกรรมวิธีที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษในอดีตอย่างครบถ้วน ดังนั้นน้ำตาลมะพร้าวในยุคนี้จึงมีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างยิ่ง
น่าเสียดาย !! วิถีเดิม ๆ เริ่มหายไป สวนผสม ผสานกลายเป็นสวนเชิงเดี่ยว เป็นรีสอร์ท น้ำตาลมะพร้าว กลาย เป็นน้ำตาลทรายผสมน้ำตาลมะพร้าวไป ทำไงดีครับ..?
การทำน้ำตาลมะพร้าว เป็นอาชีพที่เกิดจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษในพื้นที่เมืองแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นชนกลุ่มหนึ่งที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานใกล้ปากอ่าวบริเวณลุ่มแม่น้ำ
แม่กลอง เมื่อประมาณกว่า 200 ปีมาแล้ว เมืองแม่กลองเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกมะพร้าวมากและมีการทำน้ำตาลมะพร้าวในบริเวณเขตพื้นที่ที่เรียกว่า บางนางจีน และบางขันแตก ปัจจุบันคือ ตำบลท้ายหาด และตำบลบางขันแตก ทั้งสองพื้นที่เป็นที่อยู่ของกลุ่มชนชาวจีน กลุ่มชนชาวมอญ กลุ่มชนชาวมุสลิม และกลุ่มคนไทยที่มาตั้งหลักแหล่งและทำมาหากินแต่ดั้งเดิม
เมื่อได้ศึกษาถึงประวัติ แหล่งที่อยู่ และการประกอบอาชีพแล้วสันนิษฐานได้ว่า การทำน้ำตาลมะพร้าวน่าจะเป็นภูมิปัญญาของชาวไทยเชื้อสายมอญ ที่มาตั้งรกรากอยู่ในบริเวณเขตพื้นที่ทั้งสอง ก่อนที่ความรู้เรื่องการทำน้ำตาลมะพร้าวจะแพร่ขยายออกไปสู่ชาวไทยเชื้อสายอื่น
ข้อมูลส่วนนี้ผู้เขียนค้นคว้าจากที่ใหนครับ ผมว่าอาจจะไม่ถูกต้องเสียทีเดียวนะครับ แต่ผมชอบครับที่มีการค้นคว้าเรื่องเหล่านี้เพราะเป็นวิถีที่ยั่งยืนมากกว่าภาคอุตสาหกรรมที่สร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมตลอดเวลา