จิตตปัญญา : พลังกลุ่มและความสุข (1)

 

            เมื่อ 17-21 มิถุนายน 2552 ผู้เขียนและน้องอ้อ ก็ได้เข้าร่วมโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อพัฒนากระบวนกรจิตตปัญญาศึกษา ปี 2551-2553 รุ่น 2 ครั้งที่ 1 เรื่องพลังกลุ่มและความสุข

            เช้าวันที่ 17 มิถุนายน 2552 เริ่มต้นด้วยการเปิดวง โดยอาจารย์อนุชาติ ศูนย์จิตตปัญญา อาจารย์พูดถึงการพัฒนามนุษย์ โดยแหวกออกไปไม่ให้การเรียนตกร่องเดิม การพัฒนามนุษย์ให้มีความสมดุลทั้งด้านในและด้านนอก

            อาจารย์เล่าถึง ศูนย์จิตตปัญญา ทำงาน 3-4 ปี ทำงาน เพื่อเขย่าระบบ ทำในมหิดลได้จะมีผลสะเทือน ที่จะทำกับเพื่อนๆ ในระบบอุดมศึกษา มิใช่ทำเพื่อมหิดล แต่ต้องการสะสมพื้นที่เติบโต เพื่อเชื่อมโยงกับเครือข่ายภายนอก ร่วมมือกับทางเสมสิกขาลัย เพื่อสร้างบุคลากรเชิงลึก

            อาจารย์เล่าต่อว่าได้เริ่มจากปี 2549-2550 นำตัวเองเข้าไปเรียนรู้และพิสูจน์ ประสบการณ์ตรงว่าเราจะพัฒนาการได้จริงหรือไม่ และพบว่าตัวเองนิสัยดีขึ้น มีสติมากขึ้น มองอะไรกว้างขึ้น

            โครงการนี้ต้องการสร้างกระบวนกรเชิงลึก ต้องการได้คนจริงของจริง โดยกระบวนการสัมภาษณ์ที่เข้มข้น (ถึงบางอ้อว่าทำไมสัมภาษณ์มีตั้ง 3 ฐาน)

            อาจารย์ได้ฝากไว้ว่า “ให้ทุกคน เปิดรับ เรียนรู้” โดยศูนย์จิตตปัญญา สร้างพื้นที่เรียนรู้ใหม่ๆ ขึ้นมา เป็นเส้นทางที่เรียนรู้กัน เติบโตร่วมกัน แล้วนำไปทำประโยชน์กับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะอยู่กับองค์กรแบบใด ผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนถือว่าเป็นตัวแทนของกระบวนกรของศูนย์จิตตปัญญา

            อาจารย์ธนา พูดถึงเข้ารับงานนี้ เพราะอยากเรียนรู้ ทำให้ได้เรียนรู้ทั้งนอก/ทั้งใน ได้เครือข่ายเพื่อนที่ดีมาก

            อาจารย์ฝากไว้ว่า จากประสบการณ์ บางคนจะมาเอาอย่างเดียว บางคนบอกเคยเห็นแล้ว ไม่ตื่นเต้น อาจารย์ย้ำว่า จริงๆ ถึงกระบวนการคล้ายเดิม แต่ก็ไม่เหมือนเดิม “เหมือนเราก้าวเข้าไปในแม่น้ำสายเดิมที่ไม่เหมือนเดิม เพราะว่ามีการเปลี่ยนไป” กระบวนกรที่ชอบ ไม่ชอบ น่ารัก ไม่น่ารัก เราสามารถเรียนรู้ได้เสมอ

            อาจารย์อั๋น เล่าถึงเรื่องชอบกันสดๆ บางทีกิจกรรมที่เตรียมไปไม่เหมาะสมกับกลุ่ม เพราะทำสดๆ ท้าทายความสามารถตนเอง อยากเป็นกระบวนกร ที่พูดไม่เยอะ กระบวนกรเปรียบเหมือนไกด์ แนะนำสถานที่เส้นทางภายนอก เส้นทางภายใน ลูกทัวร์จะดูหรือไม่ก็แล้วแต่ “แนะนำได้ แต่เติบโตแทนไม่ได้”

            เริ่มต้นด้วยการเปิดวงจากอาจารย์อ้อแล้ว ก็ตามด้วยให้ผู้เข้าร่วมโครงการแนะนำตัว บอกชื่อจริง ชื่อเล่น

-         ปัจจุบันรับผิดชอบงานอะไร

-         ทำไมอยากเป็นกระบวนกร/แรงจูงใจในการเป็นกระบวนกร

-         เช้านี้เป็นอย่างไร

           สำหรับผู้เขียนรับผิดชอบงานทรัพยากรบุคคล และพบว่า การพัฒนาบุคลากรถ้าไม่พัฒนาจากภายในจิตใจก็จะแก้ปัญหาไม่รู้จบ เช่น อัตราการลาออก ที่สูงจากแรงดึงดูดในเรื่องเงิน ปัญหาความขัดแย้งระหว่างหน่วยงาน การเป็นกระบวนกร สามารถนำความรู้มาพัฒนาตนเองและพัฒนางานได้ โดยต้องเริ่มต้นจากตัวเราเองก่อน “เปลี่ยนแปลงตนเองก่อน ที่จะเปลี่ยนผู้อื่น” เช้านี้รู้สึกอย่างไร: รู้สึกกายพร้อม ใจพร้อมที่จะเรียนรู้

ติดตามตอนต่อไปนะคะ