คุณไปเที่ยวภูกระดึงมาหรือยัง>>>


เมื่อเราหาโอกาส โอกาสจึงมาหาเรา... หากคุณมีขา คุณต้องไปภูกระดึง

ภูกระดึงขึ้นชื่อลือกระฉ่อนเรื่องความสวยงาม และความยากลำบากในการเดิน ขึ้นไปให้ถึงจุดหมาย ฉันรู้จักภูกระดึงจากหลายๆ คนที่เคยไปเที่ยว บอกเล่าให้ฟังว่า มันเดินยากลำบาก เหนื่อยสุดๆ แต่ก็สวย น่าประทับใจ ฉันยังไม่เข้าใจ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ได้มีโอกาสไปสัมผัสภูกระดึงจนได้...

หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์เดินป่าเจ็ดคด เดินป่าไปน้ำตกโกรกอีดก ป่าเขาใหญ่มา ซักพัก ลึกๆ ในใจก็คิดว่าอยากลองอะไร ที่เขาว่ายากลำบากสักครั้ง...มันจะซักเท่าไร ???  

เรื่องนี้จึงเริ่มต้นเมื่อ ฉัน และน้องแอน มีใจตรงกันว่าอยากไปเที่ยวภูกระดึงซักครั้งในชีวิต เพราะไปเที่ยวมาหลายที่ แต่ยังไม่เคยไปภูกระดึงซักที (อารมณ์ค้าง เพราะภูกระดึงหลุดจากโผ LO สัญจร เมื่อครั้งก่อน)

รวบรวมสมัครพักพวกได้ 6 คน ที่มีใจมุ่งมั่นไปพิสูจน์ว่า ...มันจะเหนื่อย ลำบากซักแค่ไหนเชียว เดินทางขึ้นไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สู่จังหวัดที่ไม่เคยมีใครไปถึง …ก็เมือง “เลย” งัย ฮ่า ฮ่า ฮ่า...

         

จึงมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นมากมายในการเดินทางครั้งนี้

เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมงจากสระบุรีมาถึงอำเภอผานกเค้า ขึ้นรถตอนตีสาม ลงหน้าสถานีอนามัยผานกเค้าตอนตีสามเศษๆ     โอว แม่เจ้า มืด เงียบสงัด    ตามคำบอกเล่าของผู้มีประสบการณ์เราต้องมาที่ร้านเจ๊กิม...ทำไมต้องร้านนี้ล่ะ... ก็เพราะมีร้านนี้ร้านเดียวขายอาหาร ของฝาก และมีบริการห้องน้ำห้องส้วมไว้ให้บริการฟรี และเป็นท่ารถสองแถว เพื่อโดยสารไปยังอุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้

เวลาตีสามร้านเจ๊กิมก็ยังไม่เปิด ยังดีที่ไปกัน 6 คน พวกเราต้องอาศัยศาลาที่พักริมทางวางของ เอนหลังนอนเอาแรง รอเวลา งีบไปได้ซัก 15 – 20 นาที ก็ลุกขึ้นมาคุยเรื่องจิปาถะ ลมหนาวก็พัดมาเย็นยะเยือก

เวลาตีสี่กว่าๆ ร้านเจ๊กิมเริ่มมีผู้คนคึกคัก พวกเราจึงพากันเดินไป ล้างหน้าแปรงฟัน ทำธุระยามเช้ากัน แล้วก็หม่ำข้าวแกง กาแฟร้อนๆ ยามเช้า เพื่อตุนไว้ใช้ระหว่างเดินขึ้นภู จนอิ่มหนำสำราญ

เวลาประมาณ 6 โมงเศษๆ ฟ้าเริ่มมีแสงสว่างเราขึ้นรถสองแถว ราคาคนละ 25 บาท เดินทางต่อไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เข้าไปติดต่อเรื่องเต้นท์ที่จองไว้ จ่ายค่าธรรมเนียม ไปฝากสัมภาระเพื่อจ้างลูกหาบ ค่าบริการลูกหาบ คิดกิโลกรัมละ 15 บาท แต่มีบางคนในกลุ่มเราแบกของขึ้นเอง ...งานนี้ใครใคร่แบก ก็แบกตามชอบ แต่ฉันขอใช้บริการลูกหาบ แล้วพาเอาตัวเองขึ้นไปให้ถึงอย่างเดียวคงจะดีกว่า

เส้นทางเดินขึ้นภูกระดึง แบ่งเป็นช่วง ตามลักษณะความชัน และความยากลำบากในการเดิน แต่ละช่วงหรือ “ซำ” ก็จะมีชื่อเรียกแตกต่างกัน ซำแรกเป็นเส้นทางวัดใจ เราต้องเดินไปให้ถึง ซำแฮก… พอขึ้นไปถึงแล้วก็ แฮก ๆๆๆ จริงๆด้วย เราเดินบ้างหยุดถ่ายรูปบ้าง และหยุดพักตามจุดที่ทางภูเตรียมไว้มีพ่อค้า แม่ค้ามาขายของกินมากมาย ซึ่งก็ต้องเดินขึ้นมาแบบเราเนี่ยแหละ แถมยังต้องแบกของมาเตรียมขายอีกด้วย...โอ้ว แข็งแรงจริงๆ

ในที่สุดเราก็ตั้งหน้า ตั้งตาเดินขึ้นไปจนถึงจุดหมาย “หลังแป” ประมาณ 10 โมงเช้า ใช้เวลา 3 ชั่วโมงเศษ กับระยะทาง 5,500 เมตร ด้วยความภาคภูมิใจ เพราะคนอื่นพอได้รู้แล้ว ก็บอกว่าพวกเราเดินได้เร็วมาก....

จากนั้นก็เดินต่อไปอีก 1 ชั่วโมง เพื่อเข้าไปยังจุดบริการนักท่องเที่ยว เต้นท์ที่จองไว้ถูกกางออกเรียบร้อย เราเช่าที่นอน แล้วก็จัดเก็บสัมภาระ นั่งพักผ่อน โซนที่เราพักมีห้องน้ำอย่างดี แยกชาย-หญิง เป็นอาคารทาสีขาว แยกส่วนห้องอาบน้ำ ห้องสุขาเป็นสัดส่วน มีบริเวณซักล้างอยู่ด้านนอก น่าใช้บริการ แต่น้ำเย็นเฉียบ พวกเราทุกคนอาบน้ำ เพราะทนเหนียวตัวไม่ไหว อาบน้ำแล้วสบายตัว ...แต่แนะนำว่าควรอาบตอนที่พระอาทิตย์ยังไม่ตกจะดีที่สุด

เราเดินหาร้าน รุ่งทิพย์ ตามคำแนะนำของนักท่องเที่ยวที่เดินสวนกัน บอกให้มากินที่นี่ เพราะให้เยอะ แล้วก็อร่อยด้วย ... อย่างนี้ต้องลอง พอได้กินแล้วก็ไม่ผิดหวัง รสชาติดี และให้เยอะมากๆ พวกเราก็กินจนหมดเกลี้ยงกันทุกคน ราคาอาหารที่นี่ขายจานละ 40 – 50 บาท ไม่แพงเลย เมื่อเทียบกับการที่ต้องแบกหามวัตถุดิบ เดินเท้าขึ้นมา ขอบอกว่าไม่ต้องขนอะไรขึ้นมาหรอก มากินที่ร้านอาหาร อุดหนุนพ่อค้า แม่ค้า ที่ทำมาหากินบนภูกระดึงนี้ดีกว่า รับรองว่าไม่แพง แล้วก็มีชาร้อนให้บริการฟรีอีกต่างหาก พวกเราเลยฝากท้องที่ร้านนี้กันทั้งเช้าทั้งเย็นตลอด 2 วันที่อยู่บนนั้น

จากที่พูดคุยกับแม่ค้า ทำให้รู้ว่าพวกเขาขึ้นมาขายของบนนี้ และก็พักอาศัยบนนี้ จะลงไปข้างล่างก็เดือนละ 1 ครั้ง หรือถ้าใครแรงดีก็ลงไปทุกสัปดาห์ ทุกคนใช้การเดินเท้า ไม่มีเครื่องทุ่นแรงใดๆ นอกจากใช้ลูกหาบ บนอุทยานมีไฟฟ้าให้ใช้ถึง 3 ทุ่ม จากนั้น ก็ต้องจุดตะเกียง บรรยากาศตอนจุดตะเกียง ขอบอกว่าประทับใจมากๆ

ที่นี่ขายน้ำแข็งแก้วละ 5 บาท ทุกคนที่ฟังครั้งแรก คงบอกว่าแพงมาก แต่ถ้าเราทราบวิธี และเห็นภาพลูกหาบที่แบกของหนักๆ ค่อยๆ เดินขึ้นมาระหว่างที่พวกเรากำลังเดินขึ้นมา เราเห็นหยาดเหงื่อจากแรงงานตอนนั้น ทำให้รู้ว่าน้ำแข็งพวกนี้มีคุณค่า มีราคามากพอที่จะใช้เงินจ่ายได้อย่างไม่อึดอัดใจ เพราะน้ำแข็งที่ขนขึ้นมาขายข้างบนนี้จะละลายไปครึ่งหนึ่งทำให้ต้องขายราคาแพงขึ้น ลองคิดถึงตัวเองหากต้องขนน้ำแข็งขึ้นมา คงจะละลายหมด หรือไม่ก็ขว้างทิ้งกลางทางซะก่อนแน่ๆ

>>>

จุดท่องเที่ยวบนภูกระดึงมีหลายสิบจุด ซึ่งต้องเดินไปให้ถึง เพื่อชื่นชมความงาม หรือหากอยากประหยัดเวลา บนนี้มีจักรยานให้เช่า ก็ประหยัดแรงเดินไปได้ ตามโปรแกรม หากขึ้นมาภูกระดึงต้องดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาหมากดูก พระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก แล้วก็เที่ยวชมป่าที่มีต้นเมเปิลที่ใบเปลี่ยนเป็นสีแดงสด   แต่พวกเราขึ้นไปเป็นช่วงที่ใบเมเปิลร่วงนานแล้ว เห็นแต่ใบเหลืองบนต้น มีใบแดงบ้างไม่มานัก ขอแนะนำหากอยากเห็นใบเมเปิลแดงทั้งป่า ควรขึ้นไปเที่ยวช่วงเดือน ธ.ค. รับรองว่าได้เห็นของจริงแน่ๆ

3 วัน 2 คืน บนภูกระดึง นั้นเหนื่อยและเมื่อยมาก แต่สนุกและประทับใจมากเช่นกัน  เพราะธรรมชาติก็ยังเป็นธรรมชาติ ให้เราได้ไปเติมพลังและใช้พลังงานอย่างที่มนุษย์ควรจะใช้ คือเดิน เดิน เดิน และ เดิน

>>>

การเดิน(ทาง)ครั้งนี้ทำให้รู้ตัวเอง ว่า

ร่างกายเราสามารถทำงานได้อย่างน่าทึ่ง อย่าประเมินความสามารถของร่างกายเราต่ำเกินไป  เราสามารถเดินได้ทั้งวันตั้งแต่เช้า จนมืด (Keep walking to the point.) เพื่อไปชมความงามธรรมชาติรอบๆบนภูกระดึง และเราก็สามารถกินข้าวจานโตได้หมดไม่เหลือ ยามเมื่อเราหิว รู้คุณค่าอาหารว่าสำคัญกับร่างกาย ถ้าไม่กินจะไม่มีแรงเดิน เป็น Trip กินและเดินอย่างแท้จริง (คือกินแล้วเดิน เดินไปให้ถึงจุดหมายเพื่อหาของกินแล้วก็เดินต่อไป)

อารมณ์ตอนเดินเที่ยวบนภูกระดึงนั้น บอกได้ว่า จุดหมายไม่เคยหนีไปไหน ถ้าเราไม่หนี หรือไม่ถอดใจซะก่อน ขอเพียงคุณเดินไปให้ถึงเท่านั้น พวกเราจึง Keep walking กันต่อไป เดินไปข้างหน้า ไม่มีถอย แม้จะไกล เหนื่อย ร้อน เดินกันจนเท้าระบม ทุกคนก็ยังเดินต่อ ถึงแม้ว่าเท้าและขาจะถูกใช้งานอย่างหนักหน่วง แต่ที่ใจนั้นมีความสุข

เที่ยวภูกระดึงครั้งนี้

>>เราได้ฝึกมองข้ามสิ่งรบกวนใจต่างๆ ทำให้เราได้รับสิ่งดีๆ ที่มีอยู่มากมายบนนั้น

>>เราไม่ตำหนิผู้อื่น จึงไม่ขัดเคืองหม่นหมองที่ใจ

>>เราอยู่กับคนคิดดี ทำดีเราได้สิ่งดีสะท้อนมาสู่ใจเรา เท่านี้ก็มีความสุขมากมาย 

สำหรับความทุลักทุเลระหว่างการเดินทางที่เกิดขึ้นนั้น แต่ถือเป็นบทเรียนสำหรับการเดินทางใน Trip ต่อไป

ภูกระดึงมีเสน่ห์ เพราะ ภูกระดึงมีความหลากหลาย มีป่าสนสามใบ มีพื้นทรายละเอียด มีน้ำตก มีหินผาขนาดใหญ่ มีพื้นที่กว้างขวางเดินได้ทั้งวันยังไม่ทั่ว  มีตะไคร่น้ำ-มอส-เฟริ์น และไลเคนมากมาย มีต้นไม้แปลกๆ ที่ไม่เคยเห็น มีต้นม้อข้าวหม้อแกงลิง และมีแม่ค้า พ่อค้าใจดีทำมาหากินกันอยู่บนภู และทุกสิ่งทุกอย่างผสมผสานทำให้ผู้ที่ไปสัมผัส และได้เห็นประทับใจไม่ลืม (จำไปอีกนาน) เพราะความเป็นธรรมชาติที่ต้องบุกบั่น มุ่งมั่น แลกมาด้วย แรงกาย และแรงใจ สิ่งที่ได้พบเห็นจึงมีค่า ตรึงใจ

 

หลายคนบอกว่าไปครั้งเดียวก็พอ ใครไปสองสามรอบท่าจะบ้า แต่สำหรับฉัน ถ้ามีโอกาสอยากกลับไปอีกครั้ง เพราะฉันคิดว่า ภูกระดึงมีเสน่ห์ มีแรงดึงดูดให้อยากกลับไปหา นี่กระมัง เสน่ห์ของการเดินทาง ที่ทำให้หัวใจเรากระเด้ง กระดอน ด้วยความสุข ความสนุก ฉันได้สัมผัส เสน่ห์ของภูกระดึง ที่ต้องใช้ทั้งแรงกาย แรงใจเข้าไปสัมผัสกับความเป็นธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์ ภูกระดึงทำให้นักเดินทางที่เคยไปพิชิต ติดตราตรึงใจไปอีกนาน

หากจะให้คำนิยามการไปเที่ยวภูกระดึงคงไม่มีอะไรโดนไปกว่าประโยคนี้...หากคุณมีขา คุณต้องไปภูกระดึง

หมายเลขบันทึก: 307183เขียนเมื่อ 20 ตุลาคม 2009 16:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
  • คุณน้อง ไม่ชวนมั่งเลยอ่ะ (อีกแล้ว) อยากไปจะแย่ อิจฉา ฉา ฉา ฉา
  • สงสัยไม่กล้าคบป้าแดง รับรองจะไม่อ้อนขอกลับบ้านเด็ดขาด
  • อ่านเรื่องแล้ว เห็นภาพเลย อยากให้เล่าถึงวิวแต่ละที่ ในมุมของน้องแนม มันสวยขนาดไหน จึงจะพอคุ้มค่าที่ใจจะอยากไปดู
  • คราวหน้า ถ้ามีทริปเที่ยวภู ขอไปด้วยคนนะ อยากลองใช้ขาดูมั่ง (^___^)

อยากทราบว่าคุณบัวใบพักที่โซนไหนคะ

เพราะจะไปเดือนมกรานี้ อยากได้โซนที่ห้องน้ำค่อนข้างสะอาดน่ะค่ะ

ถ้าอีเมลบอกจะขอบคุนมากค่ะ

ปล.ถ่ายรุปสวยมากกเลยค่ะ ขอไปชมความงามของภูกระด้วยคนนะคะ

ยังประทับใจภูกระดึง ปฐมบทแห่งการเดินป่า ที่ยังตราตรึง

และอยากจะกลับไปอีกเสมอ ยังไม่ได้เข้าป่าปิดเลยค่ะ

อ่านแล้วคิดถึง บรรยายได้ละเอียดค่ะ ชอบนิยามนี้

... หากคุณมีขา คุณต้องไปภูกระดึง ... ได้อมยิ้ม ขอบคุณค่ะ

หากแม้ไม่มีขา แต่มีใจสู้ ก็ขึ้นเสลี่ยงได้ค่ะ มีบริการ

ครั้งหนึ่งในชีวิต คุณคือผู้พิชิตภูกระดึง ... ขอบคุณค่ะ

คุณพี่...ปีนึงแล้วเนอะที่เราไปภูกระดึงกันมา ไวจิง

โบว์ก็คิดนะว่าครั้งเดียวพอ เพราะมันเนื๊อยเหนื่อย แต่ก็รู้สึกดีที่เราได้พิชิตมันซักครั้งหนึ่งในชีวิต "เราทำได้"!!

ถ้าจะมีครั้งต่อไป อันนั้นคงเป็นเรื่องของชะตาฟ้าลิขิตให้ได้ไปอีกอะนะ

ขอเอาขาไปเที่ยวภูอื่นมั่งอะนะ อิอิ

ยังค่ะ อิอิ เดินไม่ไหวแล้วด้วย

ไปเที่ยวภูกระดึงแล้วก่อนกลับต้องไปดื่มกาแฟอร่อยๆนะครับ ที่ร้านภูผากาแฟสด http://www.phukradungcafe.com เดินลงมาก็เจอเลยครับ อร่อยแถมป้าเจ้าของร้านใจดีมากๆครับ คอนเฟิร์ม

ขอบคุณค่ะ คุณKen หากมีโอกาสจะกลับไปดื่มกาแฟที่นั่น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท