ชื่อเรื่อง ยายดวง
ผู้เล่า คุณบุปผา ขจรโมทย์ สอ.โนนสวาง, คุณปริมาพร ศรีสังข์ พยาบาลวิชาชีพ
แก่นของเรื่อง การดูแลผู้ป่วยจิตเวชในชุมชน ต้องอาศัย ความจริงใจ ความเข้าใจ และความอดทน ผลที่ได้รับนั้นทำให้เราภูมิใจมาก
เนื้อเรื่อง “หมอ ๆ ไปช่วยเมียผมทีหมอ มันกำลังอาการไม่ดีนะหมอ” เสียงเรียกให้ช่วยของผู้ชายคนหนึ่ง วิ่งหน้าตาตื่นมาที่สถานีอนามัยโนนสวาง ในขณะที่พวกเราทีม CMU กำลังประชุมเรื่องงานกันในช่วงเช้าวันหนึ่งว่าพวกเราจะออกเยี่ยมบ้านผู้ป่วยคนไหนดี พวกเรา 4 คนได้ยินเสียงดังมาจากประตูสถานีอนามัย ทุกคนหันหน้าไปที่เสียงร้องนั้นพร้อม ๆ กัน ด้วยความสงสัย
ผู้ชายคนนั้นวัยกลางคน ผิวสองสี ตัวผอมรูปร่างสันทัดดูท่าทางเป็นคนตรากตรำทำงานหนักกลางแดดมานาน ทีมงานของพวกเราทุกคนจึงรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น สอบถามผู้ชายคนนี้ว่าเขาเป็นใคร เขาตอบด้วยอาการหอบเหนื่อย บอกว่าเขาชื่อตารงค์ ตารงค์เล่าให้ฟังว่า เมียของเขาที่ป่วยเป็นโรคจิตมานานประมาณ 5 -6 ปี ไม่ยอมกินยามาหลายเดือน ตอนนี้มีอาการคุ้มคลั่ง อาละวาดทำลายข้าวของของตนเองและของเพื่อนบ้านแตกกระจายเต็มไปหมด
พวกเราไม่รอช้ารีบไปที่เกิดเหตุทันที่ สภาพที่เห็นมันคือกระท่อมเก่า ๆ มุงด้วยสังกะสีทั้งผนังและหลังคา พื้นที่กว้างแค่ 3*3 เมตร ไม่มีหน้าต่างมีแต่ประตูทางเข้าแคบ ๆ ด้านหน้าประตูเป็นนอกชาน ทำเป็นครัวโดยใช้พื้นที่ไม่มาก พื้นบ้านยกสูงจากพื้นดินประมาณ 50 เซนติเมตร มีบันไดขึ้น 2 ขั้นเท่านั้น สภาพบ้านรกรุงรังและในบ้านภายในห้องมีลักษณะมืด อับชื้น พวกเราได้พบกับผู้หญิงวัยกลางคนกำลังนั่งตารางในห้องมืด ผมฟูยุ่งเหยิง หน้าตาบึ้งตึง ชาวบ้านบอกว่าเธอชื่อ “ดวง” เป็นเมียของตารงค์ พวกเราจึงเรียกป้าดวง ขณะที่ทีมงานของเราเรียกชื่อป้าดวง แววตาของป้าดวงนั้นแข็งกร้าว ดุดันมากพร้อมที่จะทำร้ายผู้อื่นได้ทุกเมื่อสภาพร่างกายเนื้อตัวสกปรกมอมแมม คล้ายกับว่าป้าดวงไม่อาบน้ำมานาน มีกลิ่นตัวแรงอีกด้วย ตารงค์บอกว่าป้าดวงไม่ยอมกินยาที่หมอให้มาขาดยาไปหลายเดือนแล้ว จึงมีอาการคลุ้มคลั่ง เป็นบางครั้งรวมถึงครั้งนี้ด้วยพวกเราทุกคนเห็นท่าทีป้าดวงแล้วอาการคงจะไม่สงบง่าย ๆ เราจึงร่วมกันกับผู้นำชุมชนช่วยกันตามรถ EMS พาป้าดวงไปโรงพยาบาลก่อน ป้าดวงขึ้นรถอย่างทุลักทุเลมาก แต่พวกเราก็พาป้าดวงไปถึงโรงพยาบาลจนได้ เมื่อไปถึง โรงพยาบาลแพทย์ได้ฉีดยาให้ป้าดวง อาการของป้าดวงก็สงบลงจากนั้นแพทย์จึงให้ยากลับมาทานที่บ้านต่อ วันนั้นพวกเราทุกคนกลับบ้านอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่ทุกคนรู้ดีว่าพวกเรามีงานหนักที่ต้องรับมือกันอีกแล้วล่ะ
ทีมงานของเรายังเป็นห่วงและยังไม่วางใจนัก และกำลังคิดว่ามันน่าจะมีอะไรให้ต้องค้นหาอีกมากสำหรับผู้ป่วยรายนี้พวกเราจึงตัดสินใจกลับไปเยี่ยมป้าดวงที่บ้านอีกครั้ง พบว่าป้าดวงไม่ยอมกินยาที่แพทย์สั่งให้กินยาอีกแล้ว เราจึงหันมาปรึกษากันใหม่กับการดูแลป้าดวงว่าจะทำยังไงกันดี เราจึงได้ปรึกษากับแพทย์ CMU ของเรา ตกลงกันว่าจะลองใช้วิธีการฉีดยาเพื่อควบคุมอาการแทนการทานยา ช่วงแรก ๆ ที่พวกเราฉีดยาให้ป้าดวงมันอาจลำบากบ้างเนื่องจากป้าดวงยังไม่คุ้นเคยกับสัมผัสของเราแต่พอพวกเราแวะไปเยี่ยมไปฉีดยาให้ป้าดวงบ่อย ๆ ทำให้ป้าดวงเริ่มคุ้นเคยและรู้จักพวกเราและที่น่าดีใจมาก ๆ คือ อาการของป้าดวงเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ จากที่นั่งนิ่งไม่พูดคุยกับใครเลยหรือมีอาการคุ้มคลั่งอาระวาด หลายครั้งอาการเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นอีกแล้วป้าดวงถาม-ตอบ รู้เรื่องมากขึ้น
จนวันหนึ่งป้าดวงได้บอกกับพวกเราว่าป้าไม่อยากฉีดยาแล้วขอกินยาแทนได้ไหม พอพวกเราได้ยินป้าดวงพูดเช่นนั้นทำให้พวกเราทุกคนแอบยิ้มดีใจที่ป้าดวงยอมทานยาแล้วจากนั้นมาป้าดวงก็ทานยาตลอดโดยมีตารงค์คอยดูแล และลูกสาวลูกชายของเขาคอยเป็นคนให้กำลังใจเป็นคนอยู่ใกล้ ๆ พวกเราทราบมาว่าลูกสาวของป้าดวงกับตารงค์เรียนอยู่ชั้น ม. 6 แล้วตารงค์และป้าดวงต่างเฝ้ามองดูวันที่ลูกสาวเรียนจบและ มีอนาคตที่ดีลูกสาวของป้าดวงและตารงค์เป็นเด็กเรียนดีเป็นกำลังใจให้พ่อแม่ได้ดีมากวันคืนผ่านไปด้วยการที่ครอบครัวเป็นกำลังใจ เพื่อนบ้านเห็นอกเห็นใจและมีพวกเราทีม CMU ไปแวะเยี่ยมเยียนป้าดวงบ่อย ๆ ทำให้ป้าดวงอาการดีขึ้น ดีขึ้นและดีขึ้นเรื่อย ๆ
ตารงค์บอกว่าจากที่ป้าดวงทำงานบ้านไม่ได้มา 5 ปี ซึมและคลุ้มคลั่งตลอด แต่วันนี้กลับทำกับข้าวตื่นตัวเช้างานบ้าน ซักผ้าให้สามี และลูกได้ ไม่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน อาบน้ำแต่งตัวดีขึ้น ตารงค์และลูก ๆ ก็มีความสุขมีรอยยิ้มมากขึ้น ทีมงานของเราทุกคนอดดีใจและปราบปลื้มใจจนน้ำตาคลอเบ้าไม่ได้ ถึงเราจะเหนื่อยเพียงใดแต่เมื่อเราเห็นคน ๆ หนึ่งได้มีชีวิตใหม่ ได้เห็นครอบครัวที่มีแต่ทุกข์ กลับมีความสุขเข้าใจกันมากขึ้น เพียงเท่านั้นก็สร้างกำลังใจให้ทีมงานของเราทำงานต่อไปอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเลย ในวันนั้นพวกเรากลับบ้านไปด้วยความปราบปลื้ม มีใบหน้าเปื้อนยิ้มกันทุกนเลยค่ะ
เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้นะค่ะ พวกเรายังมีภาระกินต่อนั้นก็คือ ปรึกษากับผู้นำชุมชนและครอบครัวของป้าดวง ถึงการช่วยเหลือให้ป้าดวงมีรายได้ประจำโดยการประสานงานกับ อบต. และโรงพยาบาลเพื่อทำบัตรประจำตัวผู้พิการ และให้ได้เบี้ยยังชีพ (ผู้พิการ) เพื่อแบ่งเบาภาระทางครอบครัวในระหว่างที่ป้าดวงป่วยอยู่นี้และสามารถเป็นรายได้จุนเจือครอบครัวได้บ้าง ช่วยให้ครอบครัวของป้าดวงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อยมา โดยมีพวกเราทีม CMU ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันแวะเวียนไปถามข่าวคราว และให้กำลังใจป้าดวงและครอบครัวอยู่บ่อย ๆ เหมือนเป็นเครือญาติกันล่ะค่ะ
ชีวิตของป้าดวงและครอบครัวดีขึ้น มีความสุขมากขึ้นไม่ได้เป็นเพราะพวกเราทีม CMU เท่านั้นแต่มันสำเร็จได้ด้วยความร่วมมือของครอบครัวป้าดวงและผู้นำชุมชนทุกคนที่ได้มีจิตอาสาสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ร่วมกันดังนั้นโลกมืดมิดของหนึ่งชีวิตที่เดียวดาย จะไม่ได้มืดมิดอีกต่อไปเขาจะไม่ได้อยู่แบบโดเดี่ยวอีก แต่ยังคงมีแสงนำทางให้เขาเดินไปและใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าได้อีก พวกเราทีม CMU จึงตั้งปณิธานว่าเราจะเป็นแสงนำทางและเป็นกำลังใจให้คนท้อแท้ สั้นหวังได้ลุกขึ้นยืน ยิ้ม มีความสุขอยู่ในสังคมต่อไปให้ได้ ตราบที่เราหมดกำลังที่จะทำค่ะ
ผู้บันทึก คุณปริมาพร ศรีสังข์ วันที่ 17 ตุลาคม 2552
ประเด็นที่น่าสนใจ
ผู้ป่วยจิตเวชในชุมชนเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ถูกละเลยทอดทิ้งมากที่สุด เมื่อเทียบกับผู้ป่วยกลุ่มอื่น ด้วยเหตุหลายประการ เช่น
แนวทางดูแลผู้ป่วยจิตเวชในชุมชน
ผู้สรุปประเด็น นพ.สิริชัย นามทรรศนีย์
เป็น เรื่องเยี่ยม และงดงาม มากจริงๆ ครับ
สุดยอด ทั้งคุณกิจ คุณลิขิต และคุณอำนวย ตลอดถึงคุณเอื้อ......ขั้นเทพจริงๆครับ
มีพี่ที่อยู่สถานีอนามัย ดูแลผู้ป่วยจิตเวชอายุประมาณ 50 กว่า อยู่บ้านกับแม่เพียง 2 คน เวลาให้ยาไป ผู้ป่วยจะกินทีเดียวหลายเม็ด กินวันละหลายครั้ง จนยาที่ให้ไปสำหรับ 1 อาทิตย์ หมดภายใน 3 วัน พี่เขาก็ไปรู้จะแก้ปัญหาอย่างไง แต่ยังโชคดีที่ว่า บ้านผู้ป่วยใกล้กับสถานีอนามัย ผู้ป่วยขี่จักรยานได้ จึงให้ผู้ป่วยมากินยาที่อนามัยทุกวัน เวลามาสถานีอนามัย พี่เขาก็จ้างกวาดสนามหญ้า รดน้ำต้นไม้ งานอื่นเล็กๆน้อยๆ
มีเรื่องเล่าว่าสถานีอนามัยจะจัดอบรมเกี่ยวกับผู้พิการ แต่ไม่ได้เชิญมาทั้งหมด แต่บอกให้แกมาวันพรุ่งนี้ แกก็ขี่จักรยานไปทั่วหมู่บ้าน บอกกับญาติคนพิการว่า พรุ่งนี้หมอให้ไปอนามัย ปรากฎว่ามีคนเชื่อมาอนามัยกันเยอะมาก ต้องอธิบายคนที่มาให้เข้าใจ แต่คนมาก็ไม่ได้โกรธหรือโมโหแกหรอกนะ เพียงแต่บ่น "เชื่อใครไม่เชื่อ เชื่อตาเบิ้ม"