แสงเทียน
นาย สุวิรัตน์ รัตน์ รักษาเคน

2...ใครผิด ตอน สอง


เรื่องสั้น ในอดีตการเป็นครู ของนายนิมิตร ภูมิถาวร เด็กที่ครูไม่ต้องการ

 

 

เด็กที่ครูไม่ต้องการ

หลังจากที่ครูใหญ่รับปากพ่อของสมศักดิ์ว่าจะทำโทษ ด้วยความเกรงใจ  เพราะพ่อของสมศักดิ์รวย เป็นพ่อค้าใหญ่และเคยบริจาคเงินสร้างโรงเรียนเกือบค่อนครึ่งโรงเรียน  

 ก้อนได้รับโทษ ตี 6 ที จากครูใหญ่  ที่ไปตีนายสมศักดิ์

กลางวันวันนั้นหลังจากเด็กออกไปจากห้องหมดแล้ว ครูเกรียงเรียกก้อนเข้าพบและถาม  "ทำไมไปต่อยนายสมศักดิ์ เขาละก้อน" เป็นน้ำเสียงที่แสดงความปราณี

"เขาว่าผมไอ้ขี้ขโมย"  "เราต้องอดทนซิก้อน เราเป็นลูกผู้ชาย  เขาด่าแค่นี้มันไม่เจ็บแสบถึงตาย  จนไปทำร้ายร่างกายเขา มันผิดกฏโรงเรียน  ครูเห็นใจ เข้าใจเธอนะ รักเธอด้วย อยากเห็นเธอเป็นเด็กดี  มีเรื่องอะไรคับใจ เล่าให้ครูฟังได้นะ  ให้ครูเป็นเหมือนพ่อเหมือนพี่เธอ  ไม่ต้องกลัวมีอะไรบอก

ครูเกรียงยื่นมือไปลูบหัวก้อนเบาๆ ดวยความรักที่มีต่อศิษย์  น้ำใสๆจากดวงตาอันขุ่นมัวคู่นั้นเริ่มไหลอาบแก้มป็นครั้งแรกที่ครูเกรียงเห็นน้ำตาของก้อน มันเป็นน้ำตาแห่งความตื้นตันใจ  ความน้อยใจ  ความดีใจ ระคนกัน  อาจเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับความอบอุ่น  ได้รับความเห็นใจ เคยถูกดุด่า ถูกตำหนิ คาดโทษไม้เรียว  ไม่มีใครเป็นมิตรกับเขาเลย

             ก้อนมองตามครูเกรียงไปจนลับตา  ความสุขที่เขาได้รับเพียงชั่วครู่  กำลังจะหมดไปพร้อมกับภาพของครูที่ลับไป  ก้อนชะโงกดูที่หน้าต่าง  แต่ไม่เห็นครูเสียแล้ว

กลับมานั่งที่โต๊ะ  เดินไปรินน้ำดื่ม 1 แก้วเต็มๆ กลับมาฟุบลงกับโต๊ะ  ภาพยายหัวขาวโพลนถือไม้ไล่ตี  ปากก็ด่าอยู่ไม่ขาด  ขึ้นบนกระท่อม   เปิดหม้อข้าว  ข้าวหมดหม้อ  ปิ๊บข้าวสารก็เกลี้ยง  ล้วนแต่เป็นภาพของความผิดหวัง   แล้วภาพที่ตนสมปรารถนาก็มาแทน   ได้สวมเสื้อกางเกงชุดใหม่  กระเป๋าหนังสือใบงาม  สมุดเนื้อดี  มีรูปปกเป็นอัศวินกำลังขี่ม้า  ดินสอแท่งสวย  กำลังอร่อยกับก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่  น้ำหวานเย็นอีกหนึ่งแท่ง   เพื่อนๆก็มาเล่นด้วย  แม่กำลังโอบกอดลูบหัว

             เสียงระฆังดังขึ้น  ภาพจริงและภาพปลอมที่เกิดขึ้นบนจอแห่งจิตของก้อนก็มลายหายไป  ก้อนลุกจากโต๊ะไปดื่มน้ำเปล่าๆ  อีกสองแก้ว   เตรียมเข้าเรียน

              ข่าวก้อนขาดโรงเรียน  3 วัน  เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับครูในโรงเรียน  แต่เรื่องเงินในกระเป๋าถือของครูสตรีหายนะซี  เป็นเรื่องโจษจันวงการครู  เกือบทุกคนที่ลงโทษก้อน  ครูลืมกระเป๋าไว้บนโต๊ะพักเดียวเงินหาย  50 บาท  พอดีก้อนขาดโรงเรียน เลยคิดกันว่า  ก้อนไม่กล้ามา เพราะกลัวถูกทำโทษ  ด้วยเหตุนี้จึงตกลงใจไปบ้านก้อน

              ครูเกรียงเป็นครูใหม่เข้ามาสอนในโรงเรียนบ้านไร่ไม่ถึงปีและไม่ใช่คนบ้านนั้น จึงต้องถามชาวบ้านมาตลอดทาง  ประมาณ   2  กิโลเมตร  ก็ถึงบ้านก้อน  ซึ่งเราควรจะเรียกว่ากระท่อมมากกว่าบ้าน  หลังคามุงแฝก  ฝาขัดแตะ  เสาโย้ไปด้านหนึ่ง  ใช้ไม้ค้ำกันล้ม    หลังคามีรูโหว่  เพราะหญ้าคาเก่าปลายหลุดไป   ต้องเอาถุงพลาสติกแซมไว้กันรั่ว  ขนาดของกระท่อมนอนแทบไม่ตลอดตัว  ขณะที่ก้าวขึ้นไป มันไหวยวบยาบน่ากลัวพัง

                  บนเสื่อไม้เก่าๆ มีร่างหญิงชรานอนอยู่  นอนเห็นซี่โครงเป็นซี่ๆ  หนังที่หย่อนยานกระเพื่อมขึ้นลงเวลาหายใจ  ก้อนลุกขึ้นจากเตาหุงข้าวมุมกระท่อม  ยังเก้ๆกังๆด้วยความประหลาดใจ เลยทำอะไรไม่ถูก

“กำลังทำอะไร ก้อน  อ้อ หุงข้าวหรือ”  ครูเกรียงหันไปทางหม้อข้าวที่กำลังเดือดมีไฟลุกท่วมหม้อ  เพราะเป็นไฟฟืน“ต้มข้าวให้ยายครับ”  “ครูมาเยี่ยมเธอ  คิดว่าป่วยเป็นอะไรไป”“ใครมา  หือ  ก้อนใครมา”  เสียงแหบเครือของยาย”  “ครูมา  ยาย”      “อ้อ ครู”  แกทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง  แต่ครูเกรียงห้ามไว้    “ผมมาเยี่ยมครับป้า  เห็นก้อนหายไปหลายวันคิดว่าเจ็บเป็นอะไรไป”    “ฉันป่วยเสียหลายวัน ก้อนต้องขาดโรงเรียน  แย่จริงๆ ครู  คนหาเช้ากินค่ำมาเจ็บเสียก็ไม่มีอะไรจะกินได้ ก้อนมันพอเก็บหักฟืนบ้าง  รับจ้างรับออนเขาบ้าง  ได้เงินมาซื้อข้าวสารหุง  บางวันก็อิ่ม  บางวันก็ไม่อิ่ม เฮ้อ !”  แกหยุดหอบ   พอดีก้อนยกชามข้าวต้มมาให้ เป็นข้าวต้มเหลว มีน้ำมากกว่าเม็ด  ก้อนพยุงยายให้ลุกขึ้นนั่งแล้วเริ่มกินข้าวต้ม  “  กินข้าวเสียก่อน  ก้อน”    ก้อนจัดการกับข้าวต้มที่เหลือก้นหม้อ  ข้าวต้มเปล่าใส่เกลือเต็มและเค็มๆ  รสหวานมันของข้าวใหม่  ทำให้ข้าวต้มหม้อนั้นหมดไม่รู้ตัว“ป้ากินยาอะไรบ้างหรือเปล่า” ครูเกรียงหันไปทางยายของก้อนที่อิ่มแล้ว  กำลังดื่มน้ำจากกระป๋องนมเก่าๆ  “ ก้อน  มันซื้อมาให้  ไม่รู้ยาอะไร  กินเข้าไปแล้วก็พอหายปวดหัว”  แกชี้ไปทางขวดยา  ครูเกรียงหยิบมาดูและต้องแปลกใจ  เพราะตัวหนังสือที่ปิดทับไว้ข้างขวด  บอกชื่อยา “แอสไพริน”  เป็นลายมือของเขาเอง“ยาในห้องพยาบาลโรงเรียน”  ครูเกรียงคิด  เมื่อลงบันไดบ้านก้อนมาแล้ว  ครูเกรียงรำพึงกับตัวเองว่า  “ก้อน  เธอไม่ได้เลวไปทุกอย่างที่ใครๆคิด พากันเข้าใจหรอก  ครูไม่ตำหนิเธอเลย ที่ขาดโรงเรียน  3  วัน ครูเสียอีกที่ควรจะอายเธอ   พรุ่งนี้ครูจะลาโรงเรียน 5 วัน  เพื่อกลับไปเยี่ยมแม่ป่วยที่บ้าน”               

   ทุกๆท่านอ่านแล้ว ทั้งหมด  บอกได้ไหมว่า เรื่องนี้ให้ข้อคิด  อะไรบ้าง

คำสำคัญ (Tags): #ใครผิด
หมายเลขบันทึก: 306629เขียนเมื่อ 17 ตุลาคม 2009 23:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

สวัสดีค่ะ ครู ป.1 ไม่ได้เป็นครูที่ดีนัก

 แต่เป็นครูที่มักไปสนใจเรื่องเด็กๆโดยเฉพาะความเป็นมาเป็นไปของเด็ก

 เพราะสอนชั้น ป.1 ด้วย ข้อมูลรายบุคคลต้องมี

 ข้อมูลพื้นฐานต้องแน่น ในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนจะมีขูอมูลรองรับ

เรื่องนี้คงไม่มีใครผิด ถ้าจะผิดก็คงเป็นความผิดของสังคม

ไม่ว่าที่ไหนคนจนจะมีความผิดร้ายแรงกว่าคนรวย

ยินดีทื่ได้เรียนรู้กับท่าน ผอ.ค่ะ

เข้ามาเยี่ยม ผอ.คะ  น้องครู ป.1 ตอบได้ดีจังเลยนะคะ คิดว่าเรื่องนี้ท่านเป็นถึงระดับผู้บริหาร ย่อมจะรูแล้วนะคะ วิธีการแก้ไข  จะทำการแก้ปัญหาด้วยวิธีใด อย่างน้อยก็เคยเป็นเด็กมาก่อน สำหรับเด็กอายุยังน้อย  วันเวลาจะค่อยๆปรับสภาพเขา แต่ก็อยู่ที่ครู ที่ใกล้ชิดเขามากที่สุด ให้เข้าใจ ให้ความเมตตา  ให้โอกาสแก่เขา สุอยากให้อาจารยืไปดูนี่ กดตามคะ  อดีตนักศึกษา มาเรียนรู้การเข้า GTK .ในบล็อคนี้  แล้วจะเจอนักศึกษาที่ท่านเคยสอน วนเวียนอยู่ในบล็อค เพราะไม่รู้จะไปไหน หาใคร อดีตที่น่าหัวเราะ เชยๆ

กดตามคะ http://gotoknow.org/blog/leke/149074 คนรุ่นเก่าพัฒนาว่าที่บัณฑิต

ขอบคุณ ครู ป. ๑ และคุณ สุ มหาลัยชีวิต ที่มีมาแลกเปลี่ยนความคิด

การแก้ปํญหา จะต้องเข้าใจเด็ก รู้จักพื้นฐานทางบ้าน และการดำเนินชีวิตของเด็กนั้น ๆ สภาพแวดล้อมของเด็กด้วย นั้นคือ ข้อมูลที่จะสามารถนำมาแก้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม สภาพปัญหาของเด็กแต่ละคน จะเกิดจากข้อมูลที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นต้องเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเด็กให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมและการดำเนินชีวิตของเด็ก

เป็นความเห็นส่วนตัวเท่าน้้น อาจจะไม่ถูกทั้งหมด แต่คิดว่า คงถูกมากพอสมควร

สวัสดีครับ....แล้วเจอกันใหม่

แสงเทียน

มาขอบพระคุณท่าน ผ.อ. ที่แวะไปเยี่ยมและให้กำลังใจ

เดี๋ยวจะกลับมาอ่านใหม่ให้จบนะคะ

 

อ่านเรื่องนี้แล้ว ไม่อยากคิดอะไรมาก คิดเพียงว่าในโลกเรามีความต่าง มีคนดี แล้วก็มีคนเลว มีคนรวยแล้วก็มีคนจน มีคนเก่งก็

ต้องมีคนโง่ เราเป็นครูต้องใช้หลักเมตตา กรุณา ช่วยเหลือลูกศิษย์ อย่างสุดความสามารถ และกระจายถึงลูกศิษย์ทุกคน ไม่

เลือกลูกท่านหลานใคร เพราะลูกศิษย์เรามีความแตกต่าง ถ้าเราไปเคร่งเครียดกับมันมากเกินไป คาดหวังว่าลูกศิษย์ต้องเป็นอย่าง

นั้น ต้องเป็นอย่างนี้มากเกินไป คงจะเคยได้ยินข่าว ที่หนองคายครูเป็นบ้า ต้องออกจากราชการ

เพราะสภาพสังคมปัจจุบันนี้ ส่งผลกันเป็นลูกโซ่ จากพ่อถึงลูก ถึงหลาน ถึงเหลน ถึงโหลน ถ้าพ่อติดการพนัน ชอบดื่มสุรา

ปัญหาก็จะลามมาถึงลูก ส่วนมากที่ครูช่วยแก้ปัญหาแค่เพียงปลายเหตุ ถ้าต้นเหตุยังคงอยู่ก้เป็นการยาก นิทานเรื่องทำนองนี้ก็คง

จะมีอยู่ทุกหนทุกแห่งในประเทศไทย แต่เราเป็นครูก็คงต้องช่วยกันดูแลต่อไป

ขอบคุณ คุณครูจักรวาลที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น แสดงความคิดเห็นได้ดีมาก

และก็ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมบล็อก Gotoknow สำเร็จแล้วครับ

ปาฎิหาริย์แห่งรัก รักปาฏิหาริย์

อ่านแล้วดีมาก ๆ เลยค่ะ โชคดีที่คุณครูไปเยี่ยมลูกศิษย์ถึงบ้าน แล้วทราบถึงปัญหาเพื่อที่ทำการแก้ไขได้ตรงจุดค่ะ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท