ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ เอากำลัใจที่มีเข้าสู้
นานเนิ่นแล้วที่เราเองไม่ได้เป็นคนเสมอต้นเสมอปลายทางการบันทึกประวัติศาสตร์ของตนเอง ทั้งที่เราเองก็พยายามจะเป็นคนจดจำวันและเวลาที่ดีและเลวร้ายแห่งชีวิตไว้ให้มากเพื่อเป็นประสบการณ์แห่งชีวิต จนแล้วครั้งหนึ่งก็ห่างหายจากตัวหนังสือไปเพียงเพราะเหตุผลของความเหนื่อยล้าทางด้านปัจจัยแห่งชีวิต
มีคนบอกผมว่าอย่าทนงตนว่าเราจะเป็นผู้ที่ร่าเริงได้ตลอดเวลา อย่ามั่นหมายกับตัวเองนักเลยกับการเป็นคนเรียบง่ายและตามใจตัวเอง เพราะแท้ที่จริงแล้วชีวิตหลังวัยเรียนไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป คราวนั้นผมเองนี่แหล่ะเป็นคนยืนกรานอย่างเข้มแข็งทีเดียวว่ามันไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเราได้มากมายนักหรอก ตราบใดที่เรายังเป็นเรา ความมั่นใจอย่างสุดขีดที่ว่า “ตัวฉันในวันนั้นจะยังเป็นฉันในวันนี้” แต่ผมเองก็ยังยึดมั่นในทฤษฎีที่ว่า “ไม่เป็นใครไม่รู้หรอก” อยู่อย่างเต็มอก
จนแล้วในวันนี้ ความคิดยึดติดว่าตนเองคือตัวของตนเองที่เรายึดมั่นไว้ได้กลายเป็นเพียงแค่พื้นฐานทางความคิดของเราไปเสียแล้ว หรือว่าบางทีเราเองอาจจะไม่ใช่คนที่จัดการกับตนเองได้ดีเท่าที่ควรก็เป็นได้ หากแม้นการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ต้องแบกภาระแห่งชีวิตไว้หนักอึ้ง เราเองก็คงเป็นผู้แบกเอาความหลังและภาระกิจไว้ไม่น้อยกว่าการแบกเอาความฝันและแรงบันดาลใจไว้คนละบ่า เช่นกัน เราก็เคยแปลกใจตัวเองเหมือนกันว่า ก่อนนั้นเราอยากทำอะไรเราก็ทำ อยากจะไปไหนเราก็ไป เป็นกิจกรรมที่บริสุทธิ์เลยก็ว่าได้ในสิ่งที่เราทำเพราะ เราทำด้วยใจที่อยากจะทำมันทุกอย่าง แต่ปัจจุบันเราว่ามันเป็นการรับผิดชอบต่อทั้งตนเองและสังคมมากกว่าการทำตากิเลสของตนเสียแล้ว เป็นผู้ทำมันง่ายกว่าการเป็นผู้วางแผน พูดมาถึงตรงนี้เริ่มมองออกแล้วล่ะว่า ทำไมเขาถึงตัดสินผู้วางแผนฆ่านั้นรุนแรงกว่าผู้ฆ่า เพราะมันต้องรอบคอบมากกว่า
เป็นนักกิจการต่างกับนักกิจกรรม คำนี้ผมได้รับรู้แล้วว่าต่างกันตรงไหน อาจจะเข้าใจถูกหรือผิดผมไม่รู้ แต่ที่รู้คือ บทบาทเราต้องมองให้สูงกว่าเดิมมาก ก่อนนั้นเรามองแค่ว่างานนี้เราจะทำอย่างไร แต่เดี๋ยวนี้เราต้องมองกว้างกว่านั้นอีกว่า เราจะมีอะไร ทำอะไร แล้วมันจะเกิดอะไร ปวดหัวกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ ทำงานกับจิตอาสามันยากกว่าทำงานกับเงินอาสานะ
เราไม่ใช่คนเก่ง แต่เราก็พยายามเรียนรู้และจะเรียนรู้ให้เร็วด้วย เพราะสังคมไม่ได้รับรู้นะว่าเราเรียนรู้ได้หรือไม่ แต่สังคมมองแค่ว่าเราอยู่ที่นี่เราต้องทำได้ ทำไมคนที่ดูภูมิหลังดีจะผิดไม่ได้หรอ เราเองก็แค่คนหนึ่งคนนะ อาจจะด้วยอะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้เราเป็นคนหนึ่งคนที่คนหลายคนมองว่าต่างจากคนอื่นๆ วันนี้ขอแค่อยากให้คนหลายคนนั้นมองเราให้เป็นแค่คนคนเดียวบ้าง เท่านั้นแหล่ะ
นี่เป็นการบ่นของเราเอง อ่านมาแล้วอาจดูเหมือนเราเหนื่อยอ่อนกับชีวิตมากนัก แต่นี่เป็นการสร้างความต้านทานให้เราเองต่างหาก เรายังมองโลกในแง่ที่ดีเสมอ ทุกอย่างที่เราได้รับแม้บางทีหนักบางทีเบา เราก็ยังมองว่านั่นเป็นคลื่นของความสวยงามทางการใช้ชีวิต เอาล่ะนะ วันนี้เราทำได้แค่นี้วันต่อไปเราก็หวังว่าเราจะเป็นที่พึ่งของใครอื่นได้บ้าง
แม้วันนี้ฉันเหนื่อยฉันเมื่อยล้า
แต่ฉนกล้าท้าทายกับลมฝน
แม้วันนี้ฉันเหนื่อยฉันยังทน
ฉันจะพ้นวันนี้ได้สักวัน
กำลังใจในโลกทีท่วมทั่ว
ไม่ท่วมตัวหัวใจที่ไฝ่ฝัน
กำลังใจที่ใครๆเขาให้กัน
ฉันเห็นมันเพียงวูบแล้วซูบไป
ที่ใดเล่าเขาจะมาเห็นค่าฉัน
หากแม้นฉันไม่เห็นค่าฉันนั้นไซร้
ที่ใดเล่าเขาจะมาคอยเอาใจ
ต่อสู้ไปเถอะฉันวันนี้เรา........
.......................................................................................
แวะมาเยี่ยม..ก่อน
แล้วจะมาตรวการบ้านอีกรอบ
อิอิ.....ซึ้ง.อ๊ะ