การทำงานร่วมกันเชิงสร้างสรรค์ : กรณีศึกษาพื้นที่อำเภอแม่ฟ้าหลวงและอำเภอเชียงแสน


เป็นเพราะการเข้าใจสภาพปัญหาเรื่องสถานะบุคคลในพื้นที่ และการเป็นนักบริหารที่ดีของท่านนายอำเภอแม่ฟ้าหลวงและนายอำเภอเชียงแสน คนใหม่ ด้วยเหตุนี้ ตัวผมเองในฐานะคนทำงานด้านสิทธิสถานะบุคคลในพื้นที่นี้ก็แอบมีความหวังเล็กๆว่า ปัญหาด้านสถานะบุคคลในพื้นที่นี้คงจะได้รับการแก้ไขไปในทางที่ดีขึ้นต่อไป

       หลายคนที่เข้ามาอ่านบันทึกนี้อาจจะงงกับ ชื่อบันทึก ที่ผมได้ตั้งขึ้น ซึ่งจริงก็ไม่มีความหมายอะไรนอกเสียจากการพยายามบอกเล่าถึงการได้เข้าไปทำงานร่วมกับทั้งสองอำเภอนี้ ที่ เมื่อก่อนนั้น การทำงานในรูปแบบการทำงานร่วมกันระหว่างอำเภอกับองค์กรพัฒนาเอกชนของพื้นที่ ๒ อำเภอนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้หรือแม้จะได้แต่ก็เป็นเพียงระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ส่งผลในงที่ดีขึ้นต่อประชาชนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด

       แต่ภายหลังจากการย้ายมาอยู่ใหม่ของท่านนายอำเภอใหม่ทั้ง ๒ อำเภอ ที่ได้กล่าวในข้างต้นนั้น ก็ทำให้เกิดอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก แต่กระนั้น ก็ยังมีข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมร่วมกันอีก ดังที่จะได้กล่าวต่อไป

       ในพื้นที่ อำเภอแม่ฟ้าหลวงนั้นในสมัยก่อนหน้านี้นั้นถือได้ว่าเป็นยุคแห่งการทำงานด้านสถานะบุคคลนั้นเป็นอย่างเช่นการโดนกระหน่ำด้วยพายุฝน ที่ปกปิดและอึมครึมไม่ค่อยจะเห็นทางสว่าง แต่ในปัจจุบันการทำงานที่พื้นที่อำเภอนี้นั้นฟ้าเริ่มสว่างและเห็นทางที่การทำงานจะสำเร็จดังเป้าหมายที่ควรจะเป็น เพราะอะไร ? เป็นเพราะการเข้าใจสภาพปัญหาเรื่องสถานะบุคคลในพื้นที่ และการเป็นนักบริหารที่ดีของท่านนายอำเภอแม่ฟ้าหลวง และ นายอำเภอเชียงแสน คนใหม่ ด้วยเหตุนี้ ตัวผมเองในฐานะคนทำงานด้านสิทธิสถานะบุคคลในพื้นที่นี้ก็แอบมีความหวังเล็กๆว่า ปัญหาด้านสถานะบุคคลในพื้นที่นี้คงจะได้รับการแก้ไขไปในทางที่ดีขึ้นต่อไป

       จกที่ได้เห็นเป็นรูปธรรมนั่นก็คือการที่ทางอำเภอแม่ฟ้าหลวงจะเร่งรัดดำเนินการด้านสถานะบุคคลให้เร็วที่สุดและลดการมีบัตรคิว เพื่อความโปร่งใสและยุติธรรมต่อตัวชาวบ้านที่ประสบป้ญหาทุกคน และทางองค์กรพัฒนาเอกชนในพื้นที่จังหวัดเขียงราย ที่ทำงานด้านสถานะบุคคล ทั้ง ๔ องค์กร ได้เข้าไปเป็นคณะทำงานในการเข้าประชาคมหมู่บ้านและเป็นผู้ให้ความคิดเห็นในส่วนของคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรอง ที่ทางนายอำเภอได้แต่งตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่กลั่นกรองและตรวจสอบผู้ยื่นคำร้องและคำขออันเกี่ยวข้องกับเรื่องสถานะบุคคล เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของท่านนายอำเภอที่ว่า "สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้"  

       ในส่วนของอำเภอเชียงแสนนั้น จากอดีตที่ผ่านมาการดำเนินงานภายในพื้นที่ดังกล่าวอาจใช้ระยะเวลาการพูดคุยหรือการทำงานร่วมกันทั้งในส่วนภาครัฐและภาคองค์กรเอกชนนั้นแทบจะยากลำบาก แต่เมื่อได้มีนายอำเภอคนใหม่มา การทำงานร่วมกันคงจะประสบผลสำเร็จได้อย่างไม่ยาก เพราะด้วยวิสัยทัศน์ของท่านที่มองเรื่อง "ความมั่นคงของมนุษย์"เป็นเรื่องหลักสำคัญ จะพบได้จากการได้ร่วมพูดคุยกับทางนายอำเภอ ที่ท่านได้ตอบคำถามด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้ามาก โดยท่านได้ระบุว่าการที่คนหนึ่งคนที่จะได้เกิดหรือได้อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยนั้น ก็ควรที่จะต้องมีสถานะบุคคลอย่างใดอย่างหนึ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายและสามารถมีชีวิตอยู่อย่างปรกติสุขในผืนแผ่นดินไทย ทั้งนี้ก็เพื่อการที่พวกเขาเหล่านั้นจะไม่ถูกกดขี่ข่มเหง และไม่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นได้เดินทางผิดไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผิดกฎหมายทั้งหมดทั้งมวล

       และในส่วนของการพิจารณาเรื่องสถานะบุคคลในพื้นที่นี้ทางท่านนายอำเภอเชียงแสนได้มีการพิจารณาโดยความรอบคอบ และพยายามทำให้เรื่องสถานะบุคคลนั้นเป็นเรื่องง่ายและลดขั้นตอนการปฏิบัติลง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ทางตัวชาวบ้านที่มายื่นคำร้องหรือคำขอ

หมายเลขบันทึก: 305386เขียนเมื่อ 12 ตุลาคม 2009 23:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 มิถุนายน 2012 15:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท