รักคืออะไร?


เช้านี้สูดหายใจเข้าในเต็มปอด...รับรู้ถึงไอแห่งความรักที่ล้อมรอบตัวเรา...ให้ไอแห่งรักเข้าไปบำรุงต้นรักที่เพาะพันธุ์อยู่ในจิตใจให้งดงาม...

 

วันก่อนได้อ่าน fwd mail หลายฉบับเกี่ยวกับเรื่องราวความรัก...คำถามเก่าๆ ที่เคยสงสัยก็ได้ผุดขึ้นมาในสมอง...คำถามที่ว่านั่นคือ “ รักคืออะไร?”
 
“ รักคืออะไร?” เป็นคำถามที่ถามกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลจนกระทั่งปัจจุบัน ล่าสุดนี้เพิ่งจะมีนิยามใหม่จากบทเพลง ว่ารักคือตับ ไต ไส้ พุง....อืม เข้าท่าดีเหมือนกันแฮะ
 
มีบทความเกี่ยวกับเรื่องความรักจากเว็บไซต์แต่งงาน (http://www.wedding.co.th/wartc_live0046.html) จำไม่ได้ เป็นเรื่องราวความความรัก ความคิดของหญิงและชายในแต่ละวัย แปลมาจากหนังสือ เรียนรู้ผู้ชาย เขียนโดย ดร.จอยซ์ บราเดอร์ส ฉบับภาษาไทยได้รับการแปลโดย พญ.ลลิตา ธีระสิริ ในหนังสือเค้าแบ่งความรักเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
 
1. รักขั้นต้น
 
 “รักแรกพบ”  รักแล้วอยากเป็นแฟนด้วย  อยากเข้าไปทำความรู้จัก ลองจินตนาการถึงความรู้สึก เมื่ออยู่ใกล้คนที่เราแอบปลื้มอยู่ (ใครไม่เคยมีอาจจะจินตนาการได้ลำบากหน่อย)  เราจะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในร่างกาย  นั่นเพราะว่า  ความรักแบบนี้ทำให้สารเคมีในร่างกายที่เรียกว่า สารฟีนิลเอธิลามีนหลั่งออกมา สารตัวนี้เป็นสารในกลุ่มแอมเฟตามีน ซึ่งจะทำให้ฮอร์โมนอะดรีนาลีนหลั่งมาอีกทอดหนึ่ง ดังนั้น  จึงก่อให้เกิดปฏิกิริยาในร่างกาย เช่น อาการวุ่นวาย  ใจเต้นแรง  หน้าแดง  หายใจแรง  เร็ว  มือไม้สั่น เหงื่อออก  เหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้เลยก็มี  เป็นปฏิกิริยาที่เราคุ้นชินเมื่อตกหลุมรักใครสักคนอยู่  อาการนี้คล้ายกับการเสพสารแอมเฟตามีนนั่นเอง (ไม่รู้ว่าถ้าตกหลุมรักมากๆ จะมีอาการประสาทหลอนคล้ายเสพแอมเฟตามีนเยอะๆ หรือเปล่า เพราะข้าพเจ้าก็ไม่มีประสบการณ์)  ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่าเวลาที่อกหัก รักคุด ตุ๊ดทิ้ง(อันหลังนี่ต่อเติมเอง) ร่างกายก็มีปฏิกิริยาเหมือนกับการลงแดงจากการขาดแอมเฟตามีน เช่น มีอาการทุรนทุรายใจ  กระสับกระส่าย สมาธิหลุดลอย เหมือนจะขาดใจ เป็นต้น
 

อาการรักแรกพบมักเกิดกับฝ่ายชายมากกว่าฝ่ายหญิง และก็มักจะเป็นฝ่ายชายที่เดินเข้าไปจีบฝ่ายหญิงก่อน นั่นอาจจะเป็นเพราะผู้ชายไม่ค่อยจะเลือกมากเท่าผู้หญิง  ผู้ชายติดใจคนหน้าตาดีได้ง่าย  บางคนอาศัยเวลาแค่ 7 วินาทีเท่านั้นที่จะตัดสินใจตามจีบผู้หญิงคนหนึ่ง และตกหลุมของความรักขั้นต้นแทบจะทันที  ส่วนผู้หญิงจะตกหลุมรักช้ากว่า เพราะผู้หญิงมักคิดในเรื่องของอนาคต เรื่องของการแต่งงาน  การอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต (ในปัจจุบันข้าพเจ้าก็ไม่ค่อยจะแน่ใจกับการทฤษฎีนี้เท่าไหร่นัก...เพราะว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปมาก ผู้หญิงตามจีบผู้ชายมากขึ้นเรื่อยๆ...เอ หรือเป็นเพราะว่าประชากรโลกมันไม่สมดุลนะ)
 

2. ความรักขั้นที่สอง

”ความรักแบบเมตตา”ความรักในระดับนี้เป็นทั้งความรัก มิตรภาพ  ความห่วงใยความเอื้ออาทร  ความเข้าใจกัน  ความมั่นคง  และความซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้การอยู่ร่วมกันมีความหมาย  ความรักในระยะนี้  จะมีสารเคมีอีกตัวหนึ่งที่เรียกว่า เอ็นดอร์ฟินหลั่งออกมา เอ็นดอร์ฟินเป็นสารแห่งความสุข ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรค  และรักษาโรคได้  ความรักแบบเมตตานั้นจะต่างจากความรักแบบแรกมากเพราะเป็นความรักความปรารถนาดีที่เรามีให้กับทุกคน  ยกตัวอย่างเช่นคู่รักที่อยู่ด้วยกันมานานจนลืมไปแล้วว่าความรู้สึกที่รักกันตอนแรกมันเป็นยังไง  อาการใจเต้นแรง  มือสั่น  หน้าแดง ไม่มีอีกต่อไป  แต่สิ่งที่กลับเพิ่มมากขึ้นคือความปรารถนาดีต่อกัน  ดูแลซึ่งกันและกัน  อยู่ด้วยกันแบบผูกพัน กลายเป็นความรู้สึกอบอุ่น  สงบปลอดภัยเข้ามาแทนที่ 
 
ความรู้สึกแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเกิดเฉพาะคู่รักอย่างเดียว  หากยังสามารถเกิดได้กับครอบครัว  ลูกน้อง  เจ้านาย  ผู้ร่วมงาน  หรือแม้เป็นสัตว์หรือพืชก็เมตตาได้ไม่มีขอบเขตจำกัด  ดังที่เคยเห็นตัวอย่างอยู่บ่อยๆ ว่า  การที่พืชผักผลไม้จะโตเร็วให้ผลผลิตงามนอกจากอาหาร  อากาศที่ดีแล้ว  ถ้าเจอของให้ความรัก  พูดคุย  เอาใจใส่  ก็จะเติบโตงดงามได้เช่นกัน  ความรักแบบเมตตานี้เป็นความรักที่ฉ่ำเย็น  เป็นความรู้สึกที่ผ่อนคลายสงบ
 
ความรักกับการรักษาโรค
 
หลักการของ Psychoneuroimmunology  กล่าวว่า  เมื่อเกิดความรักแบบเมตตาขึ้น  สมองจะหลั่งสารสื่อประสาทที่เรียกว่า Endorphin และ  Oxytocin  ออกมา  ทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานช้าลงส่งผลให้ระบบภูมิต้านทานดี โรคต่างๆ หายเร็วขึ้น
 
เคยมีการทดลองง่ายๆ แต่น่าสนใจ โดยอิโมโตะ  นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงโดยใช้กล้องชนิดพิเศษที่สามารถถ่ายผลึกน้ำได้โดยเขาค้นพบว่า  น้ำในแต่ละที่จะมีผลึกแตกต่างกันตามสภาพแวดล้อม ผลึกน้ำประปากรุงโตเกียวจะแตกกระจาย  ไม่รวมตัวสวยงามแบบผลึกจากน้ำจากลำธารธรรมชาติ ถ้าเรามองเชื่อมกันแล้ว  คนเราอยู่ในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยมลพิษ  ความวุ่นวาย  เร่งรีบ  ทำให้ร่างกายของเราถูกเร่งรัดไปด้วย  แต่เมื่อเราออกไปสู่ธรรมชาติที่ผ่อนคลาย  ร่างกายเรากลับสงบ  สบาย  ภาพของผลึกน้ำที่ถ่ายออกมาก็แสดงออกได้เช่นเดียวกับความรู้สึกของคนที่สัมผัสได้เช่นกัน
 
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว  เขาลองเอาน้ำมาแผ่เมตตา  เอามาพูดคำพูดที่ไพเราะใส่เข้าไปแล้วถ่ายภาพผลึกออกมา  ปรากฏว่าผลึกของน้ำจับตัวได้สวยงามมาก  ในทางตรงกันข้าม  น้ำอีกกลุ่มถูกใส่ความรู้สึกเกลียดและคำพูดหยาบคายเข้าไป  ปรากฏว่าผลึกจับตัวกันไม่เป็นรูปร่างเลยการทดลองนี้จึงสรุปได้ว่า  น้ำสามารถรับความรู้สึกต่างๆ ได้ดี  และปรากฏผลออกมาเป็นผลึกที่สามารถถ่ายภาพได้นั่นเอง

ในร่างกายของเรา จะมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 70% ด้วยกัน เซลล์ทุกเซลล์ของเราจึงมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก จึงไม่แปลกที่ผลตอบสนองทางการรักษาในกลุ่มคนที่อยู่ท่ามกลางความรักแบบเมตตาของคนรักและครอบครัวจะดีกว่าคนในครอบครัวที่มีแต่ความรู้สึกด้านลบ ประชดประชัน ไม่แสดงออกซึ่งความรักต่อกัน เพราะน้ำในร่างกายสามารถรับและตอบสนองต่อความรู้สึกต่างๆ ได้ดีเช่นเดียวกับน้ำอื่นๆ นั่นเอง
 
 
เช้านี้สูดหายใจเข้าในเต็มปอด...รับรู้ถึงไอแห่งความรักที่ล้อมรอบตัวเรา...ให้ไอแห่งรักเข้าไปบำรุงต้นรักที่เพาะพันธุ์อยู่ในจิตใจให้งดงาม...อย่าลืมยิ้มให้กับทุกๆวันที่เป็นวันแห่งความรักนะคะ
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 304438เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2009 08:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

เยี่ยม ดี สดชื่น กำลังใจ ทุกอย่างดีหมด

สวัสดีค่ะ คุณรัชดาวัลย์

ขอบคุณนะคะที่แวะมาทักทายให้กำลังใจกัน...สุขสันต์ทุกๆวันที่เป็นวันแห่งความรักค่ะ

สวัสดีคะ...มาทักทาย กับความรัก ด้วยคนนะคะ

บุญรักษาค่ะ

ขอบคุณนะคะ คุณเอื้อง แสงเดือนที่แวะมาทักทายกัน

บุญรักษาเช่นเดียวกันค่ะ

  • แวะมาทักทาย
  • มาเรียนรู้....
  • บางอย่างก็เพิ่งทราบจากบันทึกนี้จริงๆ เช่น อาการลงแดงจากการขาดความรัก..เหมือนขาดแอมเฟตามีน..
  • เป็นถึงอย่างนั้นเชียวหรือ..อิอิ
  • สบายดีน๊ะครับ
  • ขอบคุณครับ

P

สวัสดีค่ะคุณสามสัก...

อาการลงแดงจากขาดความรักเค้าบอกไว้ว่าอาการหนักเหมือนขาดแอมเฟตามีน...อันนี้เค้าบอกค่ะ ดาวก็ยังไม่มีประสบการณ์ไม่ว่าจะอกหักหรือว่าขาดแอมเฟตามีน เลยเปรียบเทียบลำบากค่ะ...คงต้องถามท่านผู้เคยมีประสบการณ์มาก่อน ว่าอาการรุนแรงขนาดนั้นจริงๆ เหรอ อิอิ

แล้วตอนนี้ก็เริ่มชักสงสัยแล้วว่าอาการตอนมีความรักเนี่ย จะมีความสุขเหมือนตอนสูบฝิ่น กินกาแฟหรือเปล่า 555

..รักคือการได้รัก..สั้นๆแต่ง่ายๆแต่ใครบ้างจะเข้าถึงมัน..

ไม่ได้เข้ามาทักทายสองวันแล้วค่ำนี้ถือโอกาสอู้งาน

มาเยี่ยมเยียนหาอาหารสมองจากดาวฟ้าก่อน..

สาธุๆๆ

ให้ละเอียดเรื่องความรักได้ดีคะ

P กราบนมัสการเจ้าค่ะพระคุณเจ้า...

ไม่เรียกว่าอู้หรอกเจ้าค่ะ...เรียกว่ามาให้ศีลให้พรญาติโยมใน G2K ดีกว่าเจ้าค่ะ

ญาติโยมทางวัดได้บุญจากการทอดกฐินแล้ว...

อนุโมทนาบุญด้วยนะเจ้าคะ

 

P คุณตรรกะนนท์ ขอบคุณนะคะที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนกัน

รักคือการได้รัก..สั้นๆแต่มีใครบ้างละจะเข้าถึง

หากใครมีความรักแต่จะมีข้อแม้อยู่ว่า..

รักเพราะสวย  รักเพราะหล่อ  รักเพราะรวย  รักเพราะมีพระคุณ

รักเพราะเขาเป็นคนดี  ฯลฯ  อย่างนี้เป็นรักที่ยังไม่บริสุทธิ์ผุดผ่อง

รักคือการได้รักจากใจอันบริสุทธิ์ที่ไม่มีข้อแม้มากั้นกลาง..

สวัสดีค่ะ

มาซึฒซับความรักหลายรูปแบบค่ะ

ขอบคุณจัง

พิมพ์ผิดค่ะ

ซึมซับค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท