“ความดี” เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างปรารถนา ต่างอยากจะได้ความดีกันทุกคน เพราะความดีย่อมก่อให้เกิดผลดีต่อคนทำดี คนที่เขามีความเจริญรุ่งเรื่องไม่ว่าจะมีฐานะดี ครอบครัวดี ความรักดี การงานดี ลาภยศดีทั้งหลาย ก็ล้วนเกิดจากความดีที่ทำกันทั้งนั้น แต่คนเราส่วนใหญ่เวลาจะทำความดีมักมีคำว่า “เดี๋ยว”อยู่ก่อนเสมอ “เดี๋ยวนู้น เดี๋ยวนี่”อยู่เรื่อย ทำให้พลาดโอกาสที่จะทำดีไปเลย อาตมาอยากจะบอกคนที่อยากได้ดีแต่มักพูดว่า..เดี๋ยวก่อน..ไม่ต้องเดี๋ยวหรอกโยม..ถ้าอยากได้ดี..ทำเลยทันที..โยม “ทำดีได้ดี..ทำไม่ดีก็ได้ไม่ดี”..ไม่ทำอะไร..ก็ไม่ได้อะไร..นะโยม
“ความดี” เป็นสิ่งที่จะว่าทำได้ง่ายก็ใช่ จะว่าทำยากก็ใช่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ทำว่าเป็นใคร พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ความดีอันคนดีทำได้ง่าย ความดีอันคนชั่วทำได้ยาก” ดังนั้น ความดีจึงเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายสำหรับคนดี แต่เป็นเรื่องยากที่จะทำสำหรับคนชั่ว ในทางกลับกัน “ความชั่ว” ก็เป็นที่จะว่าทำได้ง่ายก็ใช่ จะว่าทำได้ยากก็ใช่เหมือนกัน ถ้าเป็นคนชั่วก็จะทำชั่วได้ง่ายดาย แต่คนดีนั้นไซร้จะทำชั่วได้ยากยิ่งแท้ ดังพระพุทธภาษิตอีกท่อนหลังว่า “ ความชั่วอันคนชั่วทำได้ง่าย ความชั่วอริยบุคคลทำได้ยาก”
“ความดี” นั้น ถ้าแบ่งตามลักษณะการทำ มีอยู่ 3 ทาง คือ ทำดีทางใจ ทำดีทางวาจา และทำดีทางกาย ทำดีทางใจนั้น หมายถึง การที่เรามีความคิดที่ดีมีเมตตา ปรารถนาดีต่อคนอื่น ไม่คิดความพยาบาท ไม่คิดโลภอยากได้ของคนอื่น เอาใจเป็นที่ตั้ง คิดแต่สิ่งดี ๆ มองโลกในแง่ดีเสมอ ก็เป็นการทำดีทางใจแล้ว และ ถ้าใจดี ถ้าคิดดี แล้วก็จะทำให้มีวาจาดี ทำดีทางกายไปด้วย การทำดีทางวาจา ก็คือ การพูดดีนั่นเอง คือ พูดจริง พูดสุภาพ พูดสร้างสามัคคี และพูดมีประโยชน์ ส่วนการทำดีทางกายนั้น ก็คือ การช่วยเหลือคนอื่นด้วยแรงกายของเรา การไม่เอากำลังกายไปทำร้ายเบียดเบียนใคร การทำงานที่สุจริต เป็นต้น
อาตมาเคยได้ยินที่ประโยคที่บอกว่า “ความเกรงใจเป็นสมบัติของคนดี แต่การทำความดีไม่ต้องเกรงใจใคร” ฟังแล้วก็นึกถึงว่า คนส่วนมากเวลาจะทำความดีมักจะเกรงใจคนอื่น ๆ เสมอ เกรงว่าเขาจะว่าให้อย่างนู้นอย่างนี้ กลัวว่าทำไปแล้วคนจะว่าทำดีเอาหน้าหรือเปล่า เกิดความเกรงใจจนไม่ทำความดีกัน และเคยได้ยินโครงการรณรงค์หลายๆ โครงการที่เกี่ยวกับการทำความดี เช่น ทำดีไม่มีเดี๋ยว ทำดีเพื่อพ่อหลวง ทำดีเพื่อแม่ ฯลฯ ได้ฟังได้เห็นแล้วก็รู้สึกว่า เป็นสิ่งที่ดีแท้ เพราะเป็นการรณรงค์ให้คนหลาย ๆ คนได้ทำความดีโดยที่ไม่ต้องมีเดี๋ยว หรือ เกรงใจกัน
สรุปก็คือว่า “การทำความดี” ก็คือการสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้แก่ตนเองและแก่คนอื่น ๆ ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ ถ้าอยากได้ดีก็ต้องทำความดี ไม่ต้องมีคำว่า “เดี๋ยว” หรือ “เกรงใจ” ทำดีเดี๋ยวนี้ก็ได้ดีเดี๋ยวนี้ ถึงแม้จะไม่ได้เดี๋ยวนี้ สักวันความดีก็จะออกดอกออกผล กล่าวคือ การทำความดีก็เหมือนกับการปลูกต้นไม้ชนิดหนึ่ง ถ้าเราค่อย ๆ รดน้ำพวนดินทุก ๆ วัน ทำไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่ง ต้นไม้ต้นนั้นก็จะออกดอกให้ผลแก่เราได้ลิ้มรสแห่งความดีที่เราทำเอง ดังนั้น อาตมภาพจึงอยากจะฝากไว้ว่า เมื่อจะทำความดีทำเลย..ไม่ต้องมีเดี๋ยว นะคุณโยม ขอเจริญพร..
อ้างอิง
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=22&p=7
ไม่มีความเห็น