ศาสนามีความสัมพันธ์กับแนวคิดทางการเมืองอย่างไร
พุทธศาสนาเป็นเสมือนรากเหง้าแห่งความเป็นชาติและเอกลักษณ์ของชาติ ทั้งทางด้านสังคม วัฒนธรรมและการเมือง การพิจารณาว่าศาสนามีความสัมพันธ์กับแนวคิดทางทางเมืองอย่างไรนั้น จะใช้หลักของศาสนาพุทธกับประเทศไทยเป็นหลัก
หลักคำสอนของพุทธศาสนามีอยู่มากมายและจำแนกออกเป็นหลายหมวดหมู่ แต่ละหลักคำสอนแต่ละหมวดหมู่มีจุดมุ่งหมายที่จะอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสาเหตุ ผล และทางที่จะแก้ปัญหาแต่ละอย่าง นอกจากนี้ระดับของความลุ่มลึกและความกว้างไกลของแต่ละหลักคำสอน ยังมีจุดหมายเพื่อสนองตอบความต้องการที่แตกต่างกัน ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แนวคิดทางการเมืองแบบประชาธิปไตยต้องยึดหลักสำคัญ 5 ประการ คือ อำนาจอธิปไตยของปวงชน เสรีภาพของบุคคล ความเสมอภาค หลักนิติธรรม และรัฐบาลจากการเลือกตั้ง หากผู้นำประเทศขาดซึ่งคุณธรรมไม่มีศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ การได้มาซึ่งอำนาจทางการเมืองและการใช้อำนาจทางการเมืองของผู้นำประเทศก็ต้องใช้วิธีการทุกรูปแบบที่จะทำให้ตนได้มาซึ่งอำนาจ แต่ในทางที่เป็นจริงแล้วในสังคมไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้นำประเทศทุกคนมีการใช้หลักคำสอนทางศาสนามาประกอบการกำหนดนโยบาย และถือปฏิบัติน้อยบ้างมากมากบ้างตามแต่ลักษณะของผู้นำ
องค์พระประมุขของประเทศก็ยังใช้หลักศาสนาเป็นแนวมาปฏิบัติมาตั้งแต่การขึ้นครองราชย์ ด้วยพระราชดำรัสที่ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม” และยึดหลักทศพิศราชธรรม ในการดูแลบ้านเมืองในฐานะพระประมุข
ในส่วนของผู้นำประเทศ แนวคิดที่ประกาศออกมาทางการเมืองนั้นจะมีการสอดแทรกและยึดหลักธรรมของศาสนาควบคู่ไปด้วยเสมอตั้งแต่แนวนโยบายของรัฐบาล และการบริหารประเทศ เช่น เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต หลักธรรมาภิบาล ตามหลัก 5 ประการของแนวคิดการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในเรื่องของอำนาจอธิปไตยของปวงชน เสรีภาพของบุคคล ความเสมอภาค หลักนิติธรรม และรัฐบาลจากการเลือกตั้ง แต่ละข้อของการปฏิบัติจะมีแนวหลักคุณธรรมในทางศาสนาสอดแทรกในขั้นตอนการปฏิบัติที่มีความหมายอยู่ในตัวเอง
สรุปว่า ศาสนามีส่วนสำคัญในการสร้างหรือทำให้การเมืองมีความบริสุทธิ์ยุติธรรมถ้าไม่มีหลักศาสนาเป็นแนวปฏิบัติแล้ว การเมืองก็จะเป็นเรื่องของการแก่งแย่งแต่ผลประโยชน์ที่ไม่รู้จบ ศาสนาจึงมีความสันพันธ์กับแนวคิดทางการเมืองตามที่กล่าวข้างต้น
ไม่มีความเห็น