เมื่อย่างเท้าลงจากรถ คำว่า “สวัสดีครับ สวัสดีค่ะคุณครู” เสียงทักทายแรกที่กลุ่มนักศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือครูอาสา ได้ฟังจากเด็กๆกว่า 100 คนที่ศูนย์การเรียนรู้ตามอัธยาศัย (ท่าฉลอม) สร้างความตื่นเต้นบวกกับความประทับใจแรก ทำให้ช่วงแรกๆคุณครูถึงกับเขินอาย แต่ความมุ่งมั่นที่จะเป็นครูอาสาสร้างฝันเด็ก ศูนย์ฯเด็กนานาชาติ(พม่า,มอญ ฯ) ก็ช่วยลดความตื่นเต้นต่างๆลงได้
ไม่เพียงแต่ครูเท่านั้นที่ตื่นเต้น เด็กๆทุกคนก็ตื่นเต้นที่จะได้พบกับเหล่าครูอาสา พอต่างฝ่ายต่างตื่นเต้น ต่างฝ่ายต่างเฝ้ารอกันและกัน ความมันก็ปะทุขึ้นภายใต้ชายคาศูนย์การเรียนรู้ตามอัธยาศัย (ท่าฉลอม) สมุทรสาคร ในห้วงเวลา 2 วัน1 คืน
กิจกรรมแรก บรรดาครูอาสาจะแบ่งกลุ่มเด็กๆตามช่วงอายุเป็น 4 กลุ่ม แล้วสร้างความคุ้นเคย ด้วยการถามชื่อ แล้วบรรจงจรดปากกาเขียนให้ในป้ายห้อยคอทุกคน ดูแล้วกิจกรรมนี้เป็นของง่ายๆ แค่ถามชื่อแล้วเขียนลงป้าย แต่ความสนุกอยู่ตรงที่ ชื่อและสำเนียง ของเด็กเป็นภาษาพม่า มันทำให้ยากต่อการฟังการเขียนเป็นระยะๆ
สร้างสัมพันธ์กันได้แล้วก็ต่อด้วยงานศิลปะ ที่ครูกับเด็กร่วมแต่งแต้มสีสัน ข้อความน่ารักๆ ลงในการ์ดวันแม่ ระหว่างกิจกรรมจะสังเกตเห็นรอยยิ้มและความตั้งใจ ที่จะสรรสร้างของขวัญจากใจมอบให้แม่ที่รักทุกคน เพราะอีกไม่กี่วันก็ถึงวันแม่แล้ว หลังกิจกรรมนี้ก็ถึงภารกิจอิ่มท้อง วันนี้แตกต่างจากวันทั่วๆไป เนื่องจากมีคุณครูอาสามาร่วมวงทานอาหาร เพียงไม่กี่นาที หลังจากครูได้นั่งลงทานข้าว เหล่าจอมซนก็วิ่งไปต่อแถวรอรับไอติมจากครูกุ๊บกับครูส้ม ที่ช่วยกันตักไอติมกันอย่างสนุกเพราะได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ จากเด็กๆ
ครูเนศและผองเพื่อนครู ก็ร่วมสร้างสีสันความสนุก ด้วยการแบ่งเด็กๆเล่นกีฬาสีตลอด 2 วัน เหล่าครูอาสาขนเกมสนุกๆ มาเล่นเพียบ ตั้งแต่ เกมส่งลูกโป่ง เก้าอี้ดนตรี เหยียบลูกโป่ง กินวิบาก ส่งบอล ฯ เหล่าคุณครูไม่มีความสามารถ ที่จะหยุดเสียงหัวเราะ เสียงเฮ ความสุข และความสนุกสนาน จากเด็กและคนในบริเวณโดยรอบได้เลย ถือได้ว่าเป็นกลุ่มแรกที่เข้ามาสร้างความสุขให้กับเด็กๆและชุมชนอย่างเข้าถึงขนาดนี้
มีเริ่มก็ย่อมมีจบ ในช่วงเวลาแห่งการอำลา ครูอาสานั่งล้อมวงนั่งคุยนั่งเล่นกับเด็กๆ ร่วมใช้เวลาสานสัมพันธ์สร้างฝันเด็กๆ ณ เวลานั้นศูนย์การเรียนรู้ตามอัธยาศัยมีแต่ภาพแห่งความประทับใจ เหล่าครูอาสาได้นำสิ่งของและทุน มอบให้แก่ศูนย์ เพื่อเป็นอีกแรงช่วยสนับสนุนกิจกรรมโครงการพัฒนาชีวิตลูกแรงงานข้ามชาติ
ซึ่งเวลาเพียง 2 วัน คงไม่เพียงพอซะแล้ว กับกิจกรรมดีๆอย่างนี้ หลังกิจกรรมจบลง เหล่าครูอาสาก็ได้ถ่ายทอดความรู้สึกของตน
ครูไปป์ ไชโย...ดีใจที่ได้เข้ามาทำงานนี้ รู้สึกว่าทำไมเราถึงต่างจากน้องๆ คิดว่าสังคมของเรายังคงต้องได้รับการดูแลมากกว่านี้ คนไทยไม่ควรมองพวกเขาเหล่านั้นเป็นแค่เด็กต่างด้าว
ครูน้ำส้ม ความรู้สึกที่ได้ไปทำกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ดีมากๆถ้าใครไม่ได้ทำคงไม่รู้จริงๆว่า มันภาคภูมิใจมากขนาดไหน เวลาแค่ 2 วันก็ทำให้เราเปลี่ยนแปลงความคิดบางอย่างได้เหมือนกัน
ครูอร รู้สึกมีความผูกพันกับน้องๆมาก ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอน้องๆก็รู้สึกว่าเขาน่ารักมาก น้องร่วมทำกิจกรรมได้ดีสนุกสนาน ก่อนกลับรู้สึกไม่อยากจะกลับเลย คิดถึงน้องๆ ถ้ามีโอกาสจะกลับไปอีก ประทับใจมาก ร้องไห้เลย
ครูตะวัน รู้สึกดีที่ได้มีโอกาสมาทำโครงการนี้และได้รับรู้อีกด้านหนึ่งของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ที่ยังต้องการการยอมรับและช่วยเหลือในเมืองไทย ถ้าไม่มาทำโครงการนี้ก็คงไม่รู้ว่ามีคนกลุ่มนี้อยู่
สำหรับเจ้าหน้าที่มูลนิธิรักษ์ไทยก็ร่วมสะท้อนความรู้สึกต่อกิจกรรมนี้ว่า
ครั้งหนึ่งผมเคยถามเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์ฯว่า “ทำไมเราต้องช่วยเหลือคนพม่า ทำไมไม่เอางบประมาณที่ได้ไปดูแลคนไทย” แล้วผมก็ได้คำตอบว่า “เราไม่ได้มองว่าเขามาจากไหน แต่เรามองว่าเขาเป็นคนเหมือนกับเรา” เพียงประโยคนี้ก็ทำให้ผมนึกย้อนมองตัวเองว่าเราเคยมีความคิดที่แคบอย่างนี้เชียวหรือ ทำไมเราถึงลืมคำว่า “เพื่อนมนุษย์” ไม่ว่าเกิดที่ใดเขาก็มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนกับเรา และเมื่อผมได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆในศูนย์ฯซึ่งเป็นลูกหลานพี่น้องแรงงานข้ามชาติ(พม่า,มอญฯ)หลากหลายชาติพันธุ์ ที่เข้ามาเรียนรู้ช่วงกลางวันเหมือนกับเด็กไทยทั่วไปที่เข้าไปหาความรู้ในโรงเรียน ต่างกันตรงที่เด็กไทยเรามีโอกาสดีกว่า เด็กกลุ่มนี้มาก
ผมต้องขอขอบคุณคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และครูอาสาทุกท่าน ที่ได้จัดโครงการ “ BUCA คนดีของพ่อหลวง” ซึ่งส่งผลให้เกิดกิจกรรมดีๆขึ้น สิ่งที่นักศึกษาทำไม่เพียงสร้างฝันให้กับเด็กๆเท่านั้น เขาได้สร้างฝันให้กับสังคม เพราะเหล่านักศึกษามิได้มาบริจาคของ หรือมาเล่นกับเด็กเท่านั้น แต่พวกเขาได้เป็นต้นแบบ ด้วยการลงปฏิบัติภารกิจครูอาสาอย่างเต็มที่และสามารถนำประสบการณ์ที่ได้รับ ไปเผยแพร่ให้บุคคลในสังคมได้รับรู้ความจริงที่เป็นอยู่ และเป็นพลังอาสาพัฒนาสังคมเราให้ดีขึ้นต่อไป
ความเอื้ออาทร การแบ่งปัน ไร้ซึ่งพรมแดน
ขอบคุณที่ทำให้เกิดความรู้สึกดีๆทั้งนักศึกษา เด็กๆ คนทำงาน และตัวดิฉันเอง