เครื่องเทศ คู่ครัวไทย
สำหรับในบ้านเรา คนยุคโบราณนำสรรพคุณของเครื่องเทศมาทำต้มยำและแกง
เพื่อปรุงรสชาติและให้มีกลิ่นน่ารับประทาน
ทั้งยังนำมาดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์
อันเป็นภูมิปัญญาที่สืบเนี่องมาจนถึงปัจจุบัน
เครื่องเทศเป็นสมุนไพรที่ให้ประโยชน์ทั้งด้านโภชนาการและทางยามีน้ำมันหอมระเหย
กลิ่นหอม รสเผ็ดร้อน
และรสชาติเฉพาะตัวที่ผสมผสานกันให้อาหารไทยหลายชนิดมีเอกลักษณ์
ได้รับการยกย่องว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพด้วยคุณค่าของเครื่องเทศสมุนไพรสดหลากชนิด
พริก สารที่ทำให้พริกมีรสเผ็ดร้อน คือ แคปไซซิน
( Capsaicin ) และยังอุดมไปด้วยวิตามินซี โปรตีน ไขมัน
และเกลือแร่ พริกช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหาร
ช่วยให้เจริญอาหาร ช่วยขับเสมหะ ขับเหงื่อ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น
และทำให้ทางเดินหายใจโล่งซึ่งเห็นได้ชัดสำหรับคนที่ทานพริกหรืออาหารรสเผ็ดเวลาเป็นหวัด
นอกจากนี้ยังเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
เพราะพริกมีสรรพคุณละลายลิ่มเลือดในหลอดเลือดได้
พริกที่นำมาปรุงอาหารมีหลายชนิด ได้แก่ พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า
พริกเหลือง พริกหยวก เป็นต้น
พริกไทย เป็นเครื่องเทศที่มีกลิ่นฉุนให้รสเผ็ดร้อน
เพราะมีสารอัลคาลอยด์ ไพเพอรีน
พริกไทยที่นำมาประกอบอาหารมีทั้งแบบสดและแห้ง
ส่วนที่เราเรียกว่าพริกไทยดำ คือ พริกไทยแบบแห้งทั้งเปลือก
ประโยชน์ของพริกไทยช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น ช่วยขับลม
ขับเหงื่อ แก้อาการแน่นท้อง จุกเสียด
มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราบางชนิดบางชนิด
และช่วยบรรเทาอาการอาเจียนที่เกิดจากอาหารเป็นพิษทั้งจากอาหารทะเลและเนื้อสัตว์
ข่า มีบทบาทสำคัญในอาหารไทยหลายชนิด
เพราะข่ามีสรรพคุณช่วยดับกลิ่นคาวและช่วยให้อาหารมีกลิ่นและรสชาติเฉพาะตัว
ข่าที่ใช้ปรุงอาหารใช้ได้ทั้งเหง้าที่อ่อนและแก่ ช่วยในการขับลม
ขับเสมหะ ขับเหงื่อ แก้จุกเสียด แน่นท้อง แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน
นอกจากนี้น้ำมันสกัดจากข่ายังนำไปใช้แต่งกลิ่นรสของเครื่องดื่มหลายชนิดได้ด้วย
มะกรูด เราใช้ประโยชน์จากทั้งใบและผลของมะกรูด
ใบจะช่วยดับกลิ่นคาวในอาหาร
และนอกจากนำมะกรูดมาปรุงอาหารให้รสชาติและกลิ่นหอมแล้ว
ผลมะกรูดคั้นน้ำยังใช้สระผมทำให้ผมดกดำเป็นเงางาม
ส่วนสรรพคุณทางยาของมะกรูดช่วยแก้ไอ กระหายน้ำ ขับเสมหะ บำรุงผิว
บรรเทาอาการแน่นหน้าอก แน่นท้อง
คนโบราณใช้น้ำมะกรูดผสมปูนแดงทาแก้อาการปวดท้อง
และใช้น้ำมะกรูดถูฟันรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
ผักชี อาหารไทยหลากหลายจานจะขาดการปรุงรสชาติ กลิ่น
และแต่งหน้าด้วยสีสันของผักชีไปไม่ได้ ผักชีมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
นำมาใช้ตั้งแต่ ใบ ราก และเมล็ด ที่เรียกกันว่า ลูกผักชี
ผักชีช่วยในการย่อยอาหาร แก้ปวดท้อง ขับลม ช่วยให้เจริญอาหาร
และดับกลิ่นคาวในอาหารโดยเฉพาะอาหารประเภทปลา
โหระพา เป็นผักที่ใช้ใบรับประทานสด ๆ
และใช้ประกอบอาหารประเภทแกงเผ็ด ผัดเผ็ด ผัดขี้เมา
เพราะรสหวานและกลิ่นหอมช่วยให้รสชาติอาหารดีขึ้น
เมื่อรับประทานโหระพาจะช่วยทำให้โล่งจมูก แก้หวัด
ช่วยให้เบาท้องเพราะระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
และยังช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า
ทั้งยังนำมาแต่งกลิ่นยาสีฟันและยาที่ใช้เกี่ยวกับปากและลำคอ
นอกจากนี้น้ำมันโหระพายังใชัในการฆ่าและไล่แมลงได้อีกด้วย
กะเพรา
เป็นพืชที่ใช้ใบสดใบอ่อนประกอบอาหารเพื่อดับกลิ่นของอาหารประเภทเนื้อ
ช่วยให้อาหารมีกลิ่นหอมและเสริมรสชาติ
ประโยชน์ของกะเพราไม่ได้เป็นเพียงเครื่องชูรสเท่านั้น
แต่ยังมีสารช่วยย่อย ทำให้ท้องไม่อืด ช่วยรักษาอาการปวดท้อง
นอกจากนี้รากกะเพรายังใช้ถ่ายพยาธิได้อีกด้วย
ตะไคร้ ตะไคร้ที่นำมาปรุงอาหารอุดมไปด้วยแคลเซี่ยม
ฟอสฟอรัส และน้ำมันหอมระเหย ช่วยในการทำงานของลำไส้
มีคุณสมบัติทำลายเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา และช่วยขับเหงื่อ
ส่วนตะไคร้ที่นำมาสกัดเป็นน้ำมันไล่ยุง คือ ตะไคร้หอม
ซึ่งต่างชนิดกัน
เครื่องเทศสมุนไพรสดที่มักมีไว้ติดครัวไทยยังมีอีกหลายชนิด เช่น หอม
กระเทียม ขมิ้น
อีกทั้งเรายังได้รับวัฒนธรรมการปรุงอาหารด้วยเครื่องเทศแบบแห้งมาจากต่างประเทศ
เช่น อบเชย ยี่หร่า ลูกกระวาน โป๊ยกั๊ก กานพลู และลูกจันทร์เทศ
แต่ถึงอย่างไรสมุนไพรแบบไทยๆ นั้นหาง่าย ราคาถูก
และมีกลิ่นรสถูกใจคอไทยแท้
ซ้ำยังเผยแพร่ให้ชาวโลกติดอกติดใจอาหารไทยกันไปถ้วนหน้า
ที่มา : NEW LIFE ปีที่ 27 ฉบับที่ 87 เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2549
ไม่มีความเห็น