เทคนิคการจูงใจลูกน้องให้ทำงาน


การสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับและลูกน้องเป็นสิ่งที่หัวหน้างานไม่ควรเพิกเฉย เพราะสัมพันธภาพที่ดีจะทำให้ลูกน้องอุทิศและตั้งใจในการทำงานให้กับคุณอย่างจริงใจไม่ใช่การบังคับ

จากการอ่านบทความเรื่อง เทคนิคการจูงใจลูกน้องให้ทำงานของคุณอาภรณ์ ภู่วิทยพันธุ์ได้กล่าวถึงเทคนิคการจูงใจลูกน้องให้ทำงานไว้ ด้วยวิธี D-R-I-V-E ดังนี้

      D - Development
     
การพัฒนาและฝึกอบรมเป็นวิธีการหนึ่งที่สามารถจูงใจลูกน้องให้ทำงานได้ คงไม่มีลูกน้องคนไหนอยากที่จะทำงานกับหัวหน้าที่ไม่เคยคิดที่จะส่งเสริมหรือสนั­บสนุนให้พวกเค้ามีความรู้และความสามารถที่เพิ่มขึ้น ขอให้หัวหน้างานตระหนักไว้เสมอว่า ไม่ต้องกลัวลูกน้องจะเก่งหรือดีกว่าตนเอง แบบว่ากลัวลูกน้องจะเลื่อยขาเก้าอี้ จนเป็นเหตุให้หัวหน้างานไม่สนใจที่จะพัฒนาลูกน้องเลย ทั้งนี้การพัฒนาลูกน้องนั้นมีหลากหลายวิธีที่หัวหน้างานสามารถทำได้ เช่น

      - การสอนงาน (Coaching) : เพื่อให้ลูกน้องเข้าใจวิธีการ และขอบเขตหน้าที่งานที่ต้องรับผิดชอบ

      - การส่งลูกน้องเข้าฝึกอบรมกับหน่วยงานภายนอก (In House and Public Training) : เพื่อส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้ ความเข้าใจมากขึ้น

      - การให้คำปรึกษาแนะนำ (Consulting): เพื่อช่วยลูกน้องในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

      - การโยกย้ายสับเปลี่ยนงาน (Job Rotation) : เพื่อส่งเสริมให้ลูกน้องเกิดทักษะที่หลากหลาย (Multi-Skill) มากขึ้น

      R - Relation
     
การสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับและลูกน้องเป็นสิ่งที่หัวหน้างานไม่ควรเพิกเฉย เพราะสัมพันธภาพที่ดีจะทำให้ลูกน้องอุทิศและตั้งใจในการทำงานให้กับคุณอย่างจริ­งใจมิใช่การบังคับ ทั้งนี้วิธีการในการเสริมสร้างให้คุณเองมีสัมพันธภาพที่ดีกับลูกน้อง เช่น การพาลูกน้องไปเลี้ยงอาหารกลางวันหรืออาหารเย็นเนื่องในโอกาสพิเศษซึ่งอาจจะเป็­นเลี้ยงวันเกิดเลี้ยงลูกน้องกรณีที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งหรือการเริ่มต้นทักทายลูกน้องก่อน หรือการถามเรื่องอื่น ๆ กับลูกน้องบ้างที่ไม่ใช่เรื่องงาน หรือการซื้อของฝากหรือของเล็ก ๆ น้อย ๆให้ลูกน้องซึ่งไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวัน/โอกาสพิเศษ หรือการรับฟังและเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาของลูกน้องที่ไม่ใช่ปัญหาจากการทำ­งาน หรือการสร้างอารมณ์ขันกับลูกน้องการสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกับลูกน้อง­บ้าง

      I - Individual Motivation
     
ลูกน้องแต่ละคนมีหลากหลายสไตล์ บางคนเงียบไม่ชอบแสดงออก บางคนชอบเอะอะโวยวาย บางคนคิดมาก บางคนขี้น้อยใจ ดังนั้นในฐานะของหัวหน้างานจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวิเคราะห์ลูกน้องแต่ละค­นว่าพวกเค้ามีนิสัย บุคลิกลักษณะและความต้องการอย่างไร แต่ละคนจะมีแบบฉบับเฉพาะที่แตกต่างกันไป การจูงใจลูกน้องจึงย่อมต้องแตกต่างกันไปตามลักษณะนิสัยของแต่ละคน จงอย่าใช้วิธีการใดวิธีการหนึ่งกับลูกน้องหลาย ๆ คนที่มีความต่างกัน เช่น หากพบว่าลูกน้องของตนขอบที่จะแสดงความคิดสร้างสรรค์หัวหน้าควรจะมอบหมายงานที่ส­่งเสริมให้พวกเค้าได้ใช้ความคิดและสามารถนำเสนอแนวคิดต่างๆ กับคุณได้ หรือหากลูกน้องของคุณเป็นคนชอบโวยวายเมื่อมีความคิดเห็นไม่ตรงกับคุณคุณเองในฐา­นะหัวหน้างานควรจะสงบนิ่งและพูดคุยกับลูกน้องอย่างมีเหตุผลเพื่อจูงใจให้ลูกน้อ­งเห็นด้วยกับคุณ

      V - Verbal Communication
     
คุณรู้ไหมว่าคำพูดเปรียบเสมือนดาบสองคมที่ส่งผลทั้งด้านบวกและด้านลบกับตัวคุณเ­องในฐานะของหัวหน้างาน บางครั้งการไม่พูดหรือนิ่งเฉย จะดูดีกว่าการพูดออกไป โดยเฉพาะคำพูดในทางลบที่อยากให้คุณจงหลีกเลี่ยง ได้แก่ คำพูดที่ประชดประชันเหน็บแนม คำพูดที่ออกคำสั่งโดยไม่มีเหตุผลคำพูดดูถูกความสามารถของลูกน้องคำพูดที่ปัดควา­มรับผิดชอบหรือโยนความผิดให้กับลูกน้อง คำพูดที่นินทาลูกน้องลับหลังคำต่อว่าลูกน้องต่อหน้าเพื่อนร่วมงานหรือต่อหน้าผู­้อื่น จงพยายามเลือกใช้คำพูดทางบวกที่สร้างสรรค์และจูงใจลูกน้องให้พวกเค้าอยากทำงานใ­ห้กับคุณ เช่น พูดชดเชยเมื่อลูกน้องทำงานสำเร็จพูดให้กำลังใจเมื่อลูกน้องวิตกกังวลหรือเผชิญป­ัญหาพูดกล่าวแสดงความขอบคุณเมื่อลูกน้องทำงานให้พูดเสริมกำลังใจถึงความเชื่อมั­่นว่าลูกน้องสามารถทำงานนั้น ๆ ได้สำเร็จ

      E - Environment Arrangement
     
สภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถจูงใจลูกน้องให้อยากทำงาน เพื่อมิให้ลูกน้องรู้สึกจำเจหรือเบื่อหน่ายกับสภาพแวดล้อมแบบเดิม ๆ พบว่ามีหลากหลายวิธีที่คุณสามารถเลือกใช้เพื่อสภาพแวดล้อมหรือบรรยากาศที่ดีในก­ารทำงาน เช่น การปรับเปลี่ยนรูปโฉมออฟฟิศใหม่ ไม่ว่าเป็นการจัดวางโต๊ะ เก้าอี้ใหม่....หรือการจัดหาอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการทำงานต่าง ๆ ให้พร้อมในการทำงาน....หรือการอนุญาตให้ลูกน้องเปิดเพลงเบา ๆ ฟังเพื่อคลายความตึงเครียดในการทำงาน หรือการสร้างทีมงานให้เป็นทีมแห่งการเ­รียนรู้เพื่อให้เกิดบรรยากาศในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้­งทีมงานนักอ่านขึ้นโดยการมอบหมายให้ลูกน้องอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับงานของต­นเองและนำมาเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟัง หรือการจัดประชุมร่วมกันอาจเป็นเดือนละครั้งหรือสองครั้งตามความเหมาะสมเพื่อสร­้างบรรยากาศในการทำงานเป็นทีมร่วมกันทั้งนี้คุณอาจใช้เวทีของการประชุมเพื่อแจ้­งให้พนักงานรับทราบถึงนโยบายของบริษัทภารกิจหน้าที่ของทีมงาน และการให้ลูกน้องมีส่วนร่วมเสนอไอเดียใหม่ ๆเพื่อปรับปรุงระบบงานให้ดีขึ้น

     สรุป ดิฉันคิดว่า หัวหน้างานทั้งหลาย เริ่มสำรวจตัวเองนับแต่ตอนนี้ว่าได้ใส่ใจที่จะหาวิธีจูง­ใจลูกน้องให้ทำงานมากน้อยแค่ไหน หัวหน้างานที่มีทั้งศาสตร์ในการบริหารคนและศาสตร์ในการบริหารงานนั้นมักจะเป็นห­ัวหน้างานที่ประสพความสำเร็จในหน้าที่การงาน ได้รับการยอมรับและความเคารพศรัทธาจากลูกน้องด้วยความจริงใจ

 

ที่มา : อาภรณ์ ภู่วิทยพันธุ์

หมายเลขบันทึก: 299949เขียนเมื่อ 22 กันยายน 2009 22:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน 2012 14:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

แวะมาอ่านเทคนิคการจูงใจลูกน้องให้ทำงาน

ขอบคุณที่เสนอสิ่งที่ดี ๆ

ขอให้มีความสุขกับงานในหน้าที่

ขอขอบคุณ คุณเหรียญชัยมากค่ะที่แวะมาเยี่ยมเยียน

เป็นเทคนิคที่ดีนะคะ ขอบคุณมากที่ให้ความรู้

อ.อุไรวรรณ อยู่ชา เคยให้เคยมาบรรยาย หลักสูตร หัวหน้างานมืออาชีพ ให้ที่ กรมฯ ครับ

ผมได้มีโอกาสเข้าเรียนด้วย จึงขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม ว่า ก่อนที่หัวหน้าจะ DRIVE ลูกน้อง

ห้ัวหน้า้ต้องพัฒนาตนเองให้มึ คุณสมบัติเป็นหัวหน้าในดวงใจลูกน้อง และ มีสมรรถนะ (competency)

ก่อนค่ะ เพราะ ลูกน้องวันนี้จะศรัทธาเชื่อถือหัวหน้าที่ เก่งและดีครับ อาจารย์สอนแบบจูงใจ

ให้เราปรับทัศนคติให้บวกกับงาน องค์กร หัวหน้า ลูกน้อง และพัฒนาตนเองก่อน

จึงพัฒนาลูกน้อง ผมเห็นว่า สำคัญมากครับ อ.อุไรวรรณ อยู่ชา เป็นวิืทยากรที่มีประสบการณ์

ในการเป็นหัวหน้ามาก่อน จึงถ่ายทอดได้ตรงมาก ชี้แนะให้เห็นภาพชัดเจน และมีรูปแบบการสอน

แบบผู้ใหญ่ ทำให้เรียนแล้วไ้ด้ความรู้ ฝึกทักษะ และสนุกกับการเรียน ไม่มีง่วงเลย ขนาดช่วงบ่าย

ยังสนุกและน่าติดตามตลอดเวลา ผมยังจะหาโอกาสเชิญอาจารย์มาถ่ายทอดเทคนิคการสอน

ให้แก่ ทีมวิทยากรของกรมต่อไปครับ

ขออนุญาตนำเทคนิคไปใช้หน่อยนะค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท