มองย้อนไปในวิถีแห่งชีวิต หลายสิบปีที่ผ่านมา
เหมือนเราพยามตื่น แต่ก็ไม่ตื่น เหมือนชีวิตที่ผ่านมาก็เป็นไปด้วยเหตุและปัจจัย
เปรียบเทียบกับการเปลี่ยนแปลงภายในแล้ว ก็ดูเหมือนไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเดิมมาก
ความอยาก ความมีตัวตน ความต้องการก็มากๆเหมือนเดิม ดูเหมือนอาจจะมากขึ้น
หรือแปลก พลิกแพลงไปตามกาลเวลาขึ้นเรื่อยๆ แบบไม่เห็นทางสิ้นสุด
ชีวิตคืออะไร ชีวิตจะไปทางไหน อะไรคือสิ่งที่มีค่าที่สุด
ระหว่างทางสามทาง คือ
การแสวงหาคำตอบแบบพุทธ
การไปตามกระแสแห่งความต้องการ ความอยาก
หรือการไปแบบไม่มีเป้าหมาย ข้นๆลงๆ เข้าๆออก ไปมาระหว่างสองทาง
...
จะมีหนทางใด ที่จะสามารถทำให้เราสามารถเข้าถึงสภาวะแห่งความจริงสูงสุด
ผ่านการใช้ชีวิตประจำวัน ผ่านการเรียนรู้...
นั่นเป็นคำถามบางส่วนลึกๆที่ได้พยามถอดออกมา.....
ชีวิตที่ผ่านมา เป็นไปตามสภาะวะในแต่ละช่วง แต่ละขณะของชีวิต
สลับไปมาระหว่างความสุข สงบ และความสับสน ความทุกข์
เป็นไปตามสภาวะแวดล้อม เป็นไปตามสิ่งที่มากระทบเรา โดยที่เราก็ไม่รู้ตัว
ว่าชีวิตนั้นถูกผลักดันด้วยสิ่งเเวดล้อมที่มากระทบ กับจิตที่มืดมากกว่าสว่าง
แต่หลังการพยามตั้งคำถามกับชีวิต
การแสวงหาแนวทาง วิธีการเพื่อตอบคำถามในใจ
ตอนนี้ กับเมื่อวาน นั้นช่วงแตกต่างมากเหลือเกิน แม้จะยังไม่ทั้งหมด
แต่ก็รู้สึกถึงความแตกต่างที่มี....
โลกเริ่มจะเปลี่ยนไปพอสมควร เมื่อภายในของเราถูกปรับแต่งจากการภาวนา
จากการเรียนรู้และปฏิบัติ จากการชี้แนะของกัลยาณมิตร จากการฟังคำสอน
และนี่อาจจะเป็นเพียงการเริ่มต้น เริ่มต้นตลอดเวลาในแต่ละขณะที่เปลี่ยนไป
ทุกคนๆ คงมีคำตอบของตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ
ระหว่างการเดินทาง
นี่แหละคือ..หน้าที่ของการก้าวเดิน...
เดินไปอย่างเพื่อเรียนรู้...เรียนรู้เพื่อก้าวเดิน
ก็เท่านั้นเอง...
(^__^)
ขอบคุณครับ...
สาธุๆ ครับ ^__^
"รู้ตื่น"
เพียงได้รู้ตื่น ก็เป็นก้าวย่างที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยวิสัยแล้วละครับพ่อน้องสบาย
"สายกลาง" ไม่ตึงไม่หย่อนจนเกินประมาณ นั่นเป็นแนวทางที่องค์พระศาสดาทรงปฏิบัติมิใช่หรือ
ขอธรรมะอำนวยพร
สวัสดีคะคุณหมอ
พี่มาเรียนรู้เพิ่มเติมด้วยคนนะคะ
แวะเวียนมาทักทายกัลยาณมิตรครับ