เมื่อวานนี้ ไปสอนหลักสูตร 2 in 1 มาค่ะ ชื่อว่า
หลักสูตร "Management Information & Time Management"
คลาสวันนี้ ส่วนใหญ่จะเป็น Generation Y ค่ะ แต่ก็ตั้งใจเรียนกันน่าดู
แอมมี่เริ่มต้นด้วย การถามถึงความต้องการต่อหลักสูตรนี้ Gen Y กลุ่มนี้ ตอบสมกับเป็นคนรุ่นใหม่จริงๆ ที่โดนใจวิทยากรก็มีว่า อยากให้การฝึกอบรมสนุกสนาน อยากรู้ว่าจะนำเนื้อหาวันนี้ไปใช้กับชีวิตได้อย่างไรจริงๆ และอยากให้เลิก 4 โมงเย็น (...สมกับเด็กยุค 8-8-8 จริงๆ - อธิบายเพิ่มเติม work-rest-play = สัดส่วนอย่างละ 8 ชั่วโมง เด็กๆ ยุคนี้ 3 อย่างต้องสมดุล ไม่มากไปกว่านั้น ... ไม่งั้น วัยรุ่นเซ็ง ^^) วิทยากรเลยต้องรักษาเวลาให้ดีที่สุด สมกับชื่อหลักสูตรค่ะ
จากนั้นก็ พูดถึงเรื่อง วิวัฒนาการของสารสนเทศและโลกาภิวัฒน์ รวมทั้ง นโยบายการจัดระเบียบโลกใหม่ (New World Order) ของสหรัฐอเมริกา ที่ส่งผลต่อการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของคนทั่วโลก โดยเฉพาะเรื่องของสิทธิมนุษยชน และเรื่องลิขสิทธิ์และสิทธิบัตรต่างๆ และที่สำคัญก็เล่าเรื่องของ การจัดการความรู้และการก้าวไปสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ (อ่านเพิ่มเติม คลิกที่นี่) เรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งคือ การนำข้อมูลสารสนเทศมาใช้ในการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ และหัวข้อสุดท้ายสำหรับ Managing Information คือ หัวข้อ Cybercrime in the new millennium (อ่านเพิ่มได้จาก ภัยที่มาจาก internet)
กิจกรรมที่ให้ทำก็คือ เรื่องของการแลกเปลี่ยน wisdom (ปัญญา) และ ระดมสมองเรื่อง "ข้อมูลสารสนเทศอะไร? (ที่เกี่ยวข้องกับองค์กร) ที่สามารถนำมาใช้ในการบริหารเชิงกลยุทธ์ได้ และนำมาวางกลยุทธ์ด้านใด?" และคิดถึง Cybercrime ต่างๆ ที่เราควรต้องระวัง
ในภาคบ่าย เป็นเรื่องของการบริหารเวลา (Time Mangement) ค่ะ
ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากของนักบริหารและผู้นำ เพราะการบริหารเวลาเก่งๆ นั้นมีข้อดี คือ
-
ทำให้ชีวิตมีเป้าหมาย
-
ทำให้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้เร็วขึ้น
-
ทำให้ชีวิตมีคุณค่าความหมาย (ไม่ใช้ชีวิตไปวันๆ)
-
ทำให้ชีวิตสมดุลรอบด้าน (มีความสุขขึ้น เพราะทำงานทุกอย่างเสร็จ)
-
ทำให้เกิดความสุข เกิดความพึงพอใจในชีวิต
-
ทำให้ทำงานได้สำเร็จลุล่วง เกิดความก้าวหน้าในชีวิต
กิจกรรมที่ให้ทำ คือ ให้วางแผนชีวิตและการใช้เวลาในชีวิต ฝึกตั้งเป้าหมายชีวิต (SMART goal) กิจกรรมเกี่ยวกับการวางแผนและการคิดวิธีในการลดเวลาการทำงานลง ได้อย่างไรบ้าง การ "ลบ" การเสียเวลาในเรื่องต่างๆ เช่น การจัดระเบียบอีเมล ลบการผัดวันประกันพรุ่ง ลบความหลงลืม เป็นต้น และกิจกรรมฝึกการจัดการประชุมที่มีประสิทธิภาพ
โดยสรุปแล้ว การบริหารเวลาก็คือ การบริหารชีวิต ค่ะ
มนุษย์ทุกคนควรต้องรู้จักวางเป้าหมายในชีวิตให้ได้ก่อน โดยเริ่มจากการฝึกวางเป้าหมายระยะยาวค่ะ คิดว่าอีก 5 ปีข้างหน้าเราอยากเห็นตัวเองประสบความสำเร็จในชีวิตแบบใด ตัวอย่างเช่น นักมวยสมจิตร จงจอหอ ที่มองเห็นตนเองได้เหรียญทองโอลิมปิค หรือท่านนายกฯของเรา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่วางเป้าหมายว่า จะต้องเป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ เป็นต้น ซึ่งเป้าหมายระยะยาวนี้ จะเป็นกรอบในการดำเนินชีวิตของเราต่อมานะคะ
จากนั้นให้ลองวางเป้าหมายระยะสั้นๆ เช่น อีก 3 ปี เราจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้ไปให้ถึงเป้าหมายสุดท้าย ในแต่ละปี เราจะทำอะไรบ้าง (ที่ควรทำ ทำแล้วมีความสุขมากขึ้น ทำแล้วรู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น) นักมวยสมจิตร วางแผนการฝึกซ้อมอย่างเคร่งครัด และสร้างแรงบันดาลใจต่างๆ ให้ตัวเอง ในที่สุดเค้าก็ทำสำเร็จ นายอภิสิทธิ์เตรียมตัวเองในการเป็นนายกฯ ด้วยการฝึกเป็นเลขานายกรัฐมนตรี (นายชวน หลีกภัย) เพื่อให้ทราบถึงงานในตำแหน่งนายกฯ ว่าต้องทำอะไรบ้าง เจออะไรบ้าง ฝึกฝนเป็นโฆษกรัฐบาล (เพราะนายกฯต้องให้สัมภาษณ์ จึงต้องสื่อสารรู้เรื่อง) และเตรียมตนเองอีกหลายอย่าง ในที่สุด ก็ได้เป็นนายกฯที่ผู้คนยอมรับว่า เป็นคนดี คนเก่ง ทำงานได้ดี
ในคลาส แอมมี่ให้ผู้เข้าอบรมตอบคำถามว่า ถ้ารู้ว่าตัวเองจะต้องตายภายใน 3 เดือน เราอยากทำอะไรมากที่สุด? (10 อย่าง) - อาจจะฟังดูหดหู่นะคะ แต่นี่คือการถามแบบ critical thinking เพื่อให้เกิดการคิดที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกจริงๆ ได้คำตอบแล้ว ก็เอาไปใส่ไว้ในเป้าหมายระยะสั้นด้วย อันนี้เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งค่ะ ^^
ลองเริ่มต้นทำดูนะคะ หรือใครมีแนวทางอะไรดีดี ก็เอามาแลกเปลี่ยนกันได้ค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ ^^
http://brainwatch-th.com