6 พฤศจิกายน 2548
การศึกษาในระดับปริญญาเอกนั้น เป็นการศึกษาในระดับสูงสุดทางวิชาการของศาสตร์ในแต่ละสาขา
ผู้ที่กำลังศึกษาต้องระลึกและเตือนตนเองอยู่เสมอว่า ตนกำลังเตรียมตัวเป็น“คนชั้นนำของศาสตร์”ในสาขาที่
กำลังศึกษา ซึ่งต่อไปจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ขั้นสูงสุดในศาสตร์ในสาขาวิชานั้นๆ ของตน และจะต้องกลายเป็น
ผู้รู้-ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงในสาขาวิชานั้นในอนาคต จึงมีความจำเป็นที่จะต้องรู้ว่า ความรู้ขั้นสูงสุดยอดในสาขา
วิชาของตนในขณะนั้นคืออะไร อยู่ที่ไหน มีขอบข่ายครอบคลุมแค่ไหนเพียงใด และในปัจจุบันหรือ
ในขณะนั้น ความรู้ในสาขาวิชานั้นได้ก้าวหน้าไปถึงไหน อยู่ที่ไหน ในแวดวงวิชาการชั้นสูงของสาขาวิชานั้น
มีใครหรือผู้ใดบ้างที่ได้รับการยกย่อง เป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นปรมาจารย์ ในศาสตร์สาขานั้น เป็นผู้มีผลงาน
ทางวิชาการในสาขานั้นในระดับดีเด่น สุดยอดหรืออยู่ในแนวหน้า แต่ละท่านมีความดีเด่น ยอดเยี่ยมในเรื่อง
อะไร เรื่องนั้นๆอยู่ในส่วนไหนของศาสตร์ในสาขา และปัจจุบันความรู้สุดยอดในแต่ละเรื่องของสาขานั้น
อยู่ในขั้นก้าวหน้าเพียงใด
นี่คือสิ่งที่ต้องเรียนรู้ให้ได้ ต้องสั่งสมให้มีในตน โดยอาศัยตนเองเป็นหลัก โดยไม่ต้องรอให้ผู้ใดสั่งสอน ต้องเพิ่มพูนให้ทันต่อความก้าวหน้า และทันต่อการเปลี่ยนทางวิชาการในสาขาของตนในช่วงระยะต่างๆอยู่เสมอ
การศึกษาในระดับปริญญาเอกสาขาบริหารการศึกษานั้นมีวัตถุประสงค์ดังนี้
จะเห็นได้ว่า การที่จะมีลักษณะดังกล่าวเหล่านี้ได้ จะต้องเป็นผู้ที่รู้จักสั่งสม ต้องเป็นผู้รู้เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดยอดในศาสตร์เท่านั้น จึงจะปฏิบัติได้ดีจริงๆ และจากการเป็นสุดยอดในศาสตร์ในสาขาวิชาของตนนี้เอง จึงต้องมีภารกิจ มีบทบาทและความรับผิดชอบทางวิชาการในการยังความเจริญก้าวหน้าให้แก่ศาสตร์ในสาขาของตนต่อไป ไม่มีสิ้นสุด ต้องมีบทบาทตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพหรือตามหลักจริยธรรมทางวิชาการชั้นสูง ซึ่งถูกคาดหวังให้เป็นผู้ที่ต้องมีบทบาทในฐานะเป็นผู้บุกเบิก เป็นผู้แสวงหา และเป็นผู้นำในการศึกษา ค้นคว้า วิจัยในวิทยาการให้ก้าวหน้า ทำหน้าที่เปิดขยายสิ่งที่เรียกกันว่าขอบฟ้าแห่งวิชาการให้ขยายวงกว้าง และก้าวหน้าต่อไป
สำหรับผู้ที่กำลังศึกษาในระดับปริญญาเอกสาขาวิชาการบริหารการศึกษา ข้อแนะนำต่อไปนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยในการสร้างคุณลักษณะ อุปนิสัย มีพฤติกรรม ตลอดจนมีจิตสำนึกในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิขั้นสูง ในฐานะที่จะเป็น“ผู้รู้-ผู้คงแก่เรียน(Scholar)” ซึ่งในที่สุดจะกลายเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ถือคบเพลิงนำทาง ที่ให้แสงสว่างทางวิชาการและทางปัญญาแก่ชนรุ่นหลังต่อไป
สิ่งที่พึงเข้าใจและยึดถือปฏิบัติ ที่เป็นข้อแนะนำสำหรับการฝึกฝนตนเองในขั้นต้น มีดังนี้
หลักปฏิบัติในแบบที่ง่ายๆในเรื่องนี้คือ ให้ใช้วิธีตรวจสอบข้อความรู้ในเรื่องเดียวกันนั้นจากหนังสือหรือตำราหลายๆเล่ม ที่มีผู้เขียนแตกต่างกัน
โดยในขั้นนี้จะต้องรู้จักแยกแยะให้ได้ว่าใครคือผู้ที่คนในวงการถือกันว่าเป็นปรมาจารย์ เป็นผู้รู้-ผู้เชี่ยวชาญชั้นแนวหน้า หรือใครคือเอตะทัคคะในศาสตร์ ใครคือผู้รู้-ใครคือนักรู้ ใครคือผู้ทรงคุณวุฒิที่แท้จริงและใครคือผู้ทรงคุณวุฒิแบบนักรู้ อะไรคือความรู้หลัก ใครคือเจ้าของความรู้หลัก อะไรคือความคิดเห็น อะไรเป็นข้อคิด-เป็นความเห็น อะไรที่แสดงถึงการวิพากษ์วิจารณ์ ให้รู้ให้ชัดให้ได้ว่า อะไรคือสิ่งที่เป็นข้อเท็จ-จริง อะไรคือความรู้ อะไรคือความจริง หรืออะไรเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์
4. ในการอ่าน การศึกษา ค้นคว้า การวิเคราะห์ ในแต่ละเรื่อง ให้จัดทำ folders and files ไว้ทุกเรื่อง และพยายามสะสมไว้ไห้ได้มาก ๆ
5. เมื่อได้ศึกษา ได้อ่าน ได้รวบรวมความรู้ในแต่ละเรื่องแล้ว ให้พยายามตั้งข้อคำถามสำหรับการศึกษา ค้นคว้าในขั้นก้าวหน้าต่อไป หรือตั้งข้อคำถามสำหรับความรู้ที่รู้สึกว่ายังยังไม่ชัดเจนดีนัก หรือข้อความรู้ที่ได้แล้ว-แต่รู้สึกยังไม่จุใจ-ยังไม่พอใจ ให้หัดตั้งข้อคำถามไว้เสมอๆในทุกเรื่อง
6. แหล่งความรู้และแหล่งวิทยาการที่สำคัญสำหรับผู้ที่ศึกษาในระดับปริญญาเอก คือ ห้องสมุด ห้องนิทรรศการ ในการอภิปรายหรือการสัมมนาและการประชุมทางวิชาการ ในชมรมทางวิชาการ ในกลุ่มการประชุมวิชาการ ในแหล่งที่เป็นต้นตอของกิจกรรมทางวิชาการ ไม่ใช่ในห้องเรียนเท่านั้น
7.ในการศึกษาค้นคว้าในแต่ละเรื่องให้เริ่มต้นด้วยการจัดทำ Tentative Bibliography และทำ Tentative Plan ก่อนเสมอ แล้วพัฒนาต่อให้เป็น Bibliography และ Work Plan ตัวจริงต่อไป อย่าเริ่มต้นด้วยการลอกเลียน หรือลอกแบบ ตัดต่อ-ตัดปะจากหนังสือ จากตำรา จากงานวิจัย หรือรายงานเล่มหนึ่งเล่มใด
8. ผู้เรียนในระดับนี้ จะต้องมีเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการค้นคว้า ผลิตบทความและผลงานทางวิชาการของตนเอง มีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นของตนเองไว้ใช้เป็นการส่วนตัว มีมุมทำงานส่วนตัวเกี่ยวกับการเรียนโดยเฉพาะ
9. ต้องพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษทำให้การเรียนและชีวิตง่ายขึ้น
10. ต้องบริหารเวลาให้เป็น แบ่งเวลาสำหรับการเรียนและการศึกษาค้นคว้า ให้สมดุลแก่ชีวิต จัดเวลาสำหรับพบอาจารย์ที่ปรึกษาวิชาการและที่ปรึกษาดุษฎีนิพนธ์สม่ำเสมอ
.............................................................................................................................................................
บทความนี้ได้แรงบันดาลใจและอ้างอิงจากการบรรยายของ รองศาสตราจารย์ ดร.อุทัย บุญประเสริฐ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผสานกับประสบการณ์ตรงของผู้เขียน เพื่อประโยชน์สำหรับผู้กำลังศึกษาหรือวางแผนศึกษาระดับปริญญาเอก ทั้งสาขาบริหารการศึกษา และสาขาอื่นๆ
จริง ๆ แล้วข้อแนะนำทั้ง ๑๐ ข้อนั้น
ควรใช้ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำไปครับ
.
ผมเห็นคนเรียนปริญญาเอกและจบมามากมาย
และจำนวนมากมากที่ได้พูดคุยวิสาสะ รวมทั้งติดตามผลงาน
ไม่น่าเชื่อว่าจะจบได้ถึงปริญญาเอก...
สำหรับคำแนะนำดังกล่าวนับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อตัวของข้าพเจ้าเองที่ได้นำไปปรับประยุกต์ใช้ในการศึกษาในระดับสูงของตนเอง จึงขอกราบขอบคุณท่านอาจารย์ ดร.ดิเรก วรรณเศียร มา ณ ที่นี้ ด้วยนะครับ
สำหรับตัวข้าพเจ้าเองบทความนี้ถือว่ามีประโยชน์มากสำหรับคนที่กำลังจะศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกหรือคนที่กำลังศึกษาอยู่ไม่ว่าระดับใด เพื่อที่จะสามารถนำมาปรับใช้ในการพัฒนขีดความสามารถและพัฒนาตนในโอกาศต่อไป ขอกราบขอบคุณท่านอาจารย์ ดร.ดิเรก วรรณเศียร ไว้ณ.ที่นี่ด้วยค่ะ