จากที่มีการนำเสนอข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยครั้งว่า พบผู้เสียชีวิต ซึ่งคาดว่าอาจเกิดจากการรับประทานยาลดความอ้วนนั้น อย. ในฐานะที่กำกับดูแลยาประเภทนี้จึงขอเตือนประชาชนผู้ที่ต้องการลดความอ้วนว่า การใช้ยาลดความอ้วนโดยซื้อยามารับประทานเองนั้นเป็นอันตรายเพราะยาลดความอ้วนกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ มีผลข้างเคียงสูง อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
ในปัจจุบันยาลดความอ้วนแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ยาที่ออกฤทธิ์ที่ทางเดินอาหารและยาที่ออกฤทธิ์ที่สมองส่วนกลาง ซึ่งยาทั้ง 2 ชนิด ช่วยให้น้ำหนักลดลง แต่ยาที่ออกฤทธิ์ที่สมองส่วนกลางอาจมีผลข้างเคียงอันตรายถึงแก่ชีวิต จึงทำให้ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ นอกจากนี้ยังพบว่ามีการลักลอบจำหน่ายยาชุดที่มีการนำไปใช้ลดน้ำหนัก โดยจัดเป็นชุดให้รับประทานเหมือนกันในแต่ละวัน ซึ่งประกอบด้วยยาประมาณ 1-5 รายการ อาทิ (1)ยาลดความอยากอาหาร เช่น เฟนเตอมีน และแอมฟีพราโมน ซึ่งเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท, (2)ยาระบาย, (3)ยาขับปัสสาวะ, (4)ยาลดการหลั่งของกรดในกระเพาะอาหาร ซึ่งยานี้ไม่มีผลต่อการลดน้ำหนัก แต่ใช้เพื่อลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากยาลดความอยากอาหารทำให้ไม่หิว การที่ร่างกายไม่ได้รับอาหารแต่ยังมีกรดหลั่งเพื่อย่อยอาหาร อาจเป็นเหตุให้เกิดโรคกระเพาะ จึงให้ยานี้เพื่อลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร,(5)ยาไทรอยด์ฮอร์โมน เป็นยาที่รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำกว่าปกติ เป็นยาที่เพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย น้ำหนักจึงลดอย่างรวดเร็ว แต่น้ำหนักที่ลดลงเป็นน้ำหนักที่เกิดจากมวลรวมของร่างกายแทนที่จะเป็นไขมัน
ดังนั้น ยานี้จึงส่งผลข้างเคียงสูงมาก และยังเป็นอันตรายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย, (6)ยาลดอัตราการเต้นของหัวใจ เช่น โพรพราโนลอล ยากลุ่มนี้ปกติใช้ในการรักษาความดันโลหิตสูง และการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ การให้ร่วมกับยาชุดเนื่องจากยาจะลดอาการใจสั่นที่เกิดจากยาลดความอยากอาหาร, (7)ยานอนหลับ หรือยาที่มีฤทธิ์ข้างเคียงให้ง่วงนอน เนื่องจากยาลดความอยากอาหารอาจทำให้นอนไม่หลับจึงทำให้มีการจ่ายยานี้ร่วมด้วย ยานอนหลับที่จัดเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท เช่น
ไดอาซีแพม มีผลข้างเคียง เช่น ง่วงซึม กดอาการหายใจ ความดันต่ำ จะเห็นได้ว่ายาชุดดังกล่าวประกอบด้วยยาอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ยาลดน้ำหนักโดยตรง แต่เป็นยารักษาโรคอื่นที่นำมาใช้มาเพื่อลดผลข้างเคียงจากการใช้ยา สุดท้ายอาจทำให้ได้รับอันตรายจากผลข้างเคียงมากมาย
ดังนั้นการลดน้ำหนักที่ถูกต้อง คือ ต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเอง ด้วยการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย พักผ่อนในสัดส่วนที่เหมาะสม เพราะการใช้ยาลดความอ้วนไม่สามารถทำให้หายจากโรคอ้วน เมื่อหยุดยาน้ำหนักก็จะกลับขึ้นมาได้อีก (yo-yo effect) ฉะนั้นก่อนการใช้ยาควรต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เนื่องจากยาดังกล่าวเป็นยารักษาโรคอ้วนในระยะยาว ซึ่งมีความเสี่ยงในการได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยา อีกทั้งผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด จะมีความเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากการใช้ยาดังกล่าว
ไม่มีความเห็น